เครือข่ายสตรี4ภาคพบ‘นายกฯ‘จี้รัฐคุ้มครองสิทธิ์

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160308/223772.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 8 มีนาคม 2559
เครือข่ายสตรี4ภาคพบ‘นายกฯ‘จี้รัฐคุ้มครองสิทธิ์

“นายกฯ” แนะ วิธีเรียนภาษาอังกฤษ ก่อนประชุมครม. ขณะที่เครือข่ายสตรี 4 ภาค เข้ายื่นข้อเสนอ จี้รัฐคุ้มครองสิทธิ์

          วันที่ 8 มี.ค.59 เมื่อเวลา 09.00 น.  ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยก่อนการประชุม พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นำคณะมูลนิธิยุวสถิรคุณเข้าพบเพื่อประชาสัมพันธ์ “Application การเรียนรู้ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารระดับพื้นฐานสำหรับประชาชนทั่วไป” ขณะที่เครือข่ายสตรี 4 ภาคเข้าได้พบนายกรัฐมนตรีเพื่อมอบช่อดอกไม้ให้กำลังใจ เนื่องในวันสตรีสากล 8 มี.ค.2559
          นอกจากนี้เครือข่ายสตรี 4 ภาค ยังมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายต่อรัฐบาล 8 มาตรการ อาทิ มาตรการคุ้มครองสตรีจากความรุนแรงในครอบครัว เพศ และการค้ามนุษย์ มาตรการเข้าถึงการศึกษาของเด็กหญิงและเยาวชนหญิง มาตรการการกำหนดในกฏหมายรัฐธรรมนูญ โดยขอให้รัฐกำหนดในกฏหมายรัฐธรรมนูญ เรื่องการมีส่วนร่วมของผู้หญิงและชาย โดยมีมาตรการพิเศษกระตุ้นการมีส่วนร่วมทางการเมืองของผู้หญิง ด้วยการใช้ระบบกำหนดสัดส่วนที่ใกล้เคียงกันในทางการเมืองทุกระดับ และต้องมีการรณรงค์ให้ผู้หญิงมีความมั่นใจในการเข้ามาทำงานทางการเมืองมากขึ้นด้วย
          ทั้งนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวหลังเครือข่ายสตรี 4 ภาค ได้ยื่นข้อเสนอเชิงนโยบายว่า ตอนนี้รัฐบาลพยายามทำทุกอย่างเพื่อแก้ไขปัญหา โดยรัฐบาลนี้ทำได้มากกว่ารัฐบาลอื่นๆ ที่ผ่านมา แต่ทุกอย่างต้องเดินไปทีละขั้นตอน เราต้องเดินไปด้วยกัน และวันนี้ตนจะไม่หงุดหงิดกับผู้หญิง และจะรับข้อเสนอไปพิจารณา แต่ต้องให้เวลากับเจ้าหน้าที่บ้าง โดยเฉพาะเรื่องข้อกฎหมายต่างๆ มีบางฝ่ายเรียกร้องให้ใช้กฎหมายมาตรา 44 กับกรณีที่มีการใช้ความรุนแรงกับเด็กและสตรีนั้น เราก็ต้องมาดูว่ากฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกฎหมายลูกว่าเขียนไว้อย่างไร ส่วนเรื่องปัญหาที่ดินหรือการบุกรุกต่างๆ ที่ภูเก็ตนั้น โดยรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดูแลให้อยู่ ซึ่งต้องดูว่าที่ดินดังกล่าวมีความเป็นมาเป็นไปอย่างไร ในส่วนของปัญหายาเสพติดและอบายมุข รัฐบาลไม่เคยนิ่งนอนใจ เร่งแก้ไขปัญหาให้แต่อย่าลืมว่ามันไม่ใช่เพิ่งเกิด แต่เกิดมานานแล้ว
          ส่วนที่ทางเครือข่ายได้เรียกร้องให้มีการเพิ่มสัดส่วนสตรีเข้ามาร่วมในสภาผู้แทนราษฎรนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มันมีสัดส่วนอยู่แล้ว หากต้องการให้สตรีเข้ามามีบทบาทมากก็ให้สมัครเข้ามามากขึ้น สัดส่วนจะได้เพิ่มมากขึ้น เช่นเดียวกับข้อเสนอที่จะให้มีการตั้งกองทุนสตรี เพื่อนำมาช่วยเหลือผู้หญิงนั้น ขณะนี้ทางกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) มีงบประมาณในการดูแลและแก้ปัญหาอยู่แล้ว แต่หากจะให้เพิ่มงบประมาณมากขึ้นจะเอาเงินมาจากไหน เพราะในข้อเท็จจริงภาษีที่เก็บมาได้ก็ต้องนำมาใช้จ่ายทุกด้าน เพื่อให้เกิดความเท่าเทียม
          จากนั้นนายกรัฐมนตรี ได้รับชมการแนะนำวิธีการใช้แอฟพลิเคชั่น ECHO ENGLISH ซึ่งเป็นโปรแกรมภาษาอังกฤษเพื่อการเรียนรู้ โดยนายกฯได้พูดประโยคภาษาอังกฤษ หยอกล้อสื่อมวลชนอย่างมีอารมณ์ขัน และกล่าวว่า อยากให้คนไทยฝึกพูดภาษาอังกฤษ อย่ากลัวฝรั่ง เพราะฝรั่งพร้อมที่จะเข้าใจเรา โดยตามโรงเรียนส่วนใหญ่สอนแต่ไวยากรณ์ ให้ท่องตามบท พอนอกบทก็พูดไม่ได้ ซึ่งครูมีตั้ง 5 แสนคน ความคิดก็คนละอย่าง เราต้องช่วยกันพัฒนาตนเอง โดยวิธีการง่ายๆ คือ การดูหนัง อ่านหนังสือเป็นภาษาอังกฤษ และฝึกพูดบ่อยๆ ให้เกิดความคุ้นเคย ส่วนตนเองจบโรงเรียนมายอมรับว่าไม่เก่งเรื่องภาษาแต่ก็พยายามที่จะพูด แต่เวลาเดินทางไปต่างประเทศก็มีล่ามช่วยเพราะต้องใช้ภาษาที่ถูกต้อง ภรรยาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษก็ได้สอนตน แต่ก็พูดได้ไม่มาก อย่างไรก็ตามการคิดแอปพลิเคชั่นที่เกิดขึ้นจะเห็นว่ากระทรวงศึกษาธิการพยายามปรับปรุงแก้ไข รวมถึงกระทรวงอื่นๆด้วย ถือว่าเราได้ใช้อำนาจเท่าที่จำเป็นให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทุกด้าน

กลุ่มสตรีพีมูฟยื่น5ข้อให้”บิ๊กตู่”แก้ปัญหาที่ดินทำกิน
          เวลา 10.00 น. มีกลุ่มสตรีในนาม ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม(ขปส.) หรือ พีมูฟ ได้ชุมนุมบริเวณทางเท้าด้านหน้าสำนักงาน ก.พ. ถนนพิษณุโลก(ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาล) เนื่องในวันสตรีสากลพร้อมกับยื่นหนังสือที่ระบุข้อเรียกร้องจำนวน 5 ข้อ ถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ผ่านศูนย์บริการประชาชน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
          โดยข้อเรียกร้องระบุว่า1.ขอให้ยกเลิกนโยบายทวงคืนผืนป่าที่กระทบต่อความมั่นคงของชุมชน ทำให้คนจนสูญเสียที่ดินและถูกดำเนินคดี เป็นการทำลายวิถีชุมชนและซ้ำเติมเกษตรกรเพราะต้องไร้ที่ดิน โดยขอให้สานต่อนโยบายโฉนดชุมชนและธนาคารที่ดิน 2.ขอให้ทบทวนปรับปรุงนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซุปเปอร์คลัสเตอร์ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางเป้าหมายของการพัฒนา โดยปรับปรุงคณะกรรมการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษให้มีสัดส่วนของภาคประชาชน สังคม ไม่ใช่มีแค่ภาคธุรกิจ และต้องชะลอมติของคณะกรรมการในการกำหนดพื้นที่ยุทธศาสตร์การพัฒนาและในกรณีชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการถูกผลักดันให้ออกจากพื้นที่ โดยรัฐบาลต้องมีมาตรการชดเชยเยียวยา ค่าเสียโอกาสจากการสูญเสียที่ดิน  3.ขอให้ยกเลิกคำสั่งคสช.ที่3และ4/2559ตามอำนาจมาตรา44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว เรื่องการงดเว้นการปฏิบัติตามกฎหมายผังเมือง เพราะเป็นการยกเลิกหลักประกันในการคุ้มครองสิทธิด้านสิ่งแวดล้อมของชุมชน ทำให้ชุมชนได้รับความเดือดร้อน  4.ขอให้ยกเลิกประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่44 ปี2502 ที่นำมาไล่รื้อชุมชนคนจนเมืองใน กทม. และ5.กรณีพื้นที่ออกเอกสารสิทธิ์โดยมิชอบทับที่ทำกินและอยู่อาศัยดั้งเดิมของชุมชน เช่น กรณีชาวเลราไวย์ และชุมชนดอยเทวดา จ.พะเยา ที่ขอให้รัฐตรวจสอบข้อเท็จจริงการออกเอกสารสิทธิ์ที่ออกโดยมิชอบและขอให้กรมบังคับคดีต้องชะลอการบังคับคดีออกไปก่อน
          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้นตัวแทนเครือข่ายสตรีได้ประชุมหารือกับนายพันธ์ศักดิ์ เจริญ หัวหน้าฝ่ายประสานมวลชน ศูนย์บริการประชาชนเพื่อติดตามการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินที่เคยยื่นมาถึงรัฐบาลหลายต่อหลายรัฐบาล อาทิ ผู้ได้รับผลกระทบจากการประกาศเขตอุทยานแห่งชาติไทรทอง จ.ชัยภูมิ ทับที่ทำกิน ระบุว่าประชาชนกว่า1,000 ครอบครัว ได้รับผลกระทบจากแผนแม่บทที่พบว่ามีเจ้าหน้าที่เจ้ามาคุกคามความเป็นอยู่ ซึ่งขอเรียกร้องให้รัฐบาล 1.ยกเลิกหรือชะลอแผนแม่บทดังกล่าว ก่อนที่จะมีการดำเนินการใดใด 2.ตั้งกรรมการร่วมตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม และขอให้คณะกรรมการฯชุดใหญ่ที่มี หม่อมหลวงปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานช่วยเรียกประชุมและแก้ปัญหาอย่างจริงจัง พร้อมกันนี้ขอให้สำนักนายกรัฐมนตรีออกหนังสือเป็นคำสั่งเพื่อชะลอการดำเนินการตามแผนแม่บท
          ขณะที่กลุ่มชาวบ้านจากดอยเทวดา อ.ภูซาง จ.พะเยา ซึ่งมีปัญหาข้อพิพาทเรื่องเอกสารสิทธิ์กับบริษัทเอกชน ซึ่งศาลฎีกามีคำพิพากษาให้ประชาชน 7 รายออกจากพื้นที่และกำลังมีการบังคับคดี ซึ่งทางกลุ่มฯขอนายกรัฐมนตรีมีการสั่งการไปยังกรมบังคับคดีเพื่อชะลอการบังคับคดีและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปก่อน เนื่องจากชาวบ้านถูกข่มขู่คุกคาม และขอให้มีการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์อีกครั้ง เพราะเรื่องนี้กลุ่มดอยเทวาได้ยื่นข้อเรียกร้องมาตั้งแต่รัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และมีการตั้งอนุกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และพบข้อพิรุธในการออกเอกสารสิทธิ์ แต่ปรากฏว่ามีการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองจึงทำให้ผลสอบของอนุกรรมการฯไม่ถูกนำเสนอมายังรัฐบาล
          ส่วนกลุ่มแม่สอดรักถิ่น อ.แม่สอด จ.ตาก ซึ่งได้รับผลกระทบจากการนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษแม่สอด ระบุว่าชาวบ้านไม่ขัดขวางการพัฒนาประเทศแต่อยากถามว่าหลังจากถูกรัฐเวนคืนทั้งบ้านและที่ดินแล้ว พวกตนจะไปอยู่อาศัยที่ไหน จะทำมาหากินที่ไหน เพราะไม่มีการแจ้งว่าเมื่อเวนคืนแล้วจะให้ชาวบ้านไปอยู่ที่ไหน มีความรู้สึกว่าเหมือนถูกปล้นที่ดิน

Leave a comment