2 แรง แข็งขัน ขับเคลื่อนเกษตรแปลงใหญ่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05129011058&srcday=2015-10-01&search=no

วันที่ 01 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 27 ฉบับที่ 608

เรื่องเล่าจากสองข้างทาง

ธนสิทธิ์ เหล่าประเสริฐ

2 แรง แข็งขัน ขับเคลื่อนเกษตรแปลงใหญ่

โครงการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ (ด้านพืช) และโครงการส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัย (แปลงใหญ่) เป็นหนึ่งกิจกรรมที่กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร มีเป้าหมายร่วมขับเคลื่อนและพัฒนาตามนโยบายของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ภายใต้การบริหารความร่วมมือระหว่าง 2 หน่วยงาน โดยมุ่งบูรณาการส่งเสริมให้เกษตรกรรายย่อยรวมกลุ่มกันผลิตสินค้าเกษตรในรูปแบบเกษตรแปลงใหญ่ และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสม พร้อมสนับสนุนให้บริหารจัดการการผลิตและการตลาดร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อพัฒนาศักยภาพเกษตรกรและภาคเกษตรไทยให้มีความเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

ปี 2558-2559 นี้ กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร ได้มีแผนเร่งบูรณาการขับเคลื่อนงานส่งเสริมการเกษตรในรูปแบบแปลงใหญ่ในทุกจังหวัดทั่วประเทศ เน้นกระบวนการเรียนรู้และการมีส่วนร่วม และใช้พื้นที่เป็นศูนย์กลางการพัฒนา (Area-Based) โดยผนึกพื้นที่-คน-สินค้า เข้าด้วยกัน มีเป้าหมาย จำนวน 219 จุด 13 ชนิดพืช รวมพื้นที่ 366,463 ไร่ เกษตรกร 26,265 ราย ประกอบด้วย ข้าว 139 จุด พื้นที่ 264,736 ไร่ มันสำปะหลัง 21 จุด พื้นที่ 41,616 ไร่ ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 8 จุด พื้นที่ 8,150 ไร่ ทุเรียน 10 จุด พื้นที่ 8,743 ไร่ ลำไย 10 จุด พื้นที่ 18,832 ไร่ เงาะ 1 จุด พื้นที่ 1,000 ไร่ นอกจากนั้น ยังมีมะม่วง 4 จุด พื้นที่ 4,985 ไร่ มังคุด 12 จุด พื้นที่ 7,238 ไร่ ปาล์มน้ำมัน 5 จุด พื้นที่ 3,063 ไร่ สับปะรด 3 จุด พื้นที่ 3,300 ไร่ ส้มโอ 1 จุด พื้นที่ 300 ไร่ มะพร้าวน้ำหอม 1 จุด พื้นที่ 500 ไร่ และ ผัก 4 จุด พื้นที่ 4,000 ไร่

เบื้องต้นทั้ง 2 หน่วยงาน ได้นำร่องส่งเสริมการปลูกผักปลอดภัยแปลงใหญ่ ในแหล่งผลิตผักสำคัญของประเทศ 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดพิษณุโลก กำแพงเพชร ตาก และเพชรบูรณ์ รวมพื้นที่ 4,000 ไร่ เกษตรกร ประมาณ 1,000 ราย โดยส่งเสริมให้เกษตรกรรวมกลุ่มบริหารจัดการการผลิตผักแปลงใหญ่ พร้อมจัดหาจัดซื้อและใช้ปัจจัยการผลิตทางการเกษตรร่วมกัน เน้นให้ใช้สารชีวภัณฑ์ในการกำจัดศัตรูพืชเพื่อทดแทนการใช้สารเคมี และลดปริมาณการใช้สารเคมีลง ทั้งยังใช้สารเคมีเท่าที่จำเป็นและถูกต้องตามหลักวิชาการ เพื่อช่วยลดต้นทุนการผลิต ขณะเดียวกันยังมุ่งผลักดันให้เกษตรกรในแปลงใหญ่เข้าสู่ระบบมาตรฐาน จีเอพี (GAP) ด้วย เพื่อให้ได้ผลผลิตพืชผักที่มีคุณภาพ ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยและเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้น

ทั้งนี้ เกษตรอำเภอในพื้นที่จะทำหน้าที่ผู้จัดการแปลง โดยมีการวางแผนการผลิตร่วมกับเกษตรกรพร้อมเชื่อมโยงการตลาด ซึ่งจากความร่วมมือระหว่างวิชาการเกษตรกับกรมส่งเสริมการเกษตร ทำให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนแนวคิดและมีเป้าหมายในการผลิตผักปลอดภัยในทิศทางเดียวกัน นอกจากช่วยเพิ่มศักยภาพเกษตรกรให้สามารถผลิตผักปลอดภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังช่วยสร้างอำนาจต่อรองราคาและช่วยเพิ่มโอกาสทางการตลาดให้กับเกษตรกรรายย่อยด้วย

นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ อธิบดีกรมวิชาการเกษตร กล่าวถึงแนวทางความร่วมมือการส่งเสริมการเกษตรแปลงใหญ่ (ด้านพืช) ว่าในส่วนของกรมวิชาการเกษตรได้จัดเตรียมข้อมูลและเอกสารวิชาการ รวมถึงผลงานวิจัยด้านพืชที่ประสบผลสำเร็จแล้ว ทั้งพันธุ์พืชใหม่ ด้านเขตกรรม การจัดการแปลง โรคและแมลงศัตรูพืช รวมถึงการเก็บเกี่ยวและการดูแลหลังการเก็บเกี่ยว และแนวทางการลดต้นทุนการผลิต ส่งมอบให้กรมส่งเสริมการเกษตรนำไปเผยแพร่และถ่ายทอดให้แก่เกษตรกรในแปลงใหญ่ ขณะเดียวกันกรมวิชาการเกษตรยังจะเร่งถ่ายทอดเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตพืชไปสู่เกษตรกร ทั้งข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง ลำไย ทุเรียน มังคุด มะม่วง สับปะรด เงาะ ปาล์มน้ำมัน ส้มโอ มะพร้าวน้ำหอม และพืชผัก เป็นต้น ตลอดจนให้คำปรึกษาด้านการผลิตพืชแก่เจ้าหน้าที่กรมส่งเสริมการเกษตรด้วย

นอกจากนั้น กรมวิชาการเกษตร ยังสนับสนุนการวิเคราะห์ตรวจสอบสารตกค้างในผลผลิต เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมจำหน่ายสารเคมีเกษตรที่ผิดกฎหมายในพื้นที่เป้าหมาย และสนับสนุนการตรวจรับรองแหล่งผลิตพืชตาม มาตรฐาน GAP โดย ปี 2559 ตั้งเป้าส่งเสริม GAP ในพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ 80 จุด (ไม่รวมข้าว) 12 ชนิดพืช เกษตรกรไม่น้อยกว่า 9,121 ราย เน้นการตรวจรับรองมาตรฐาน GAP แบบกลุ่ม (Group Certification) และมุ่งให้เกษตรกรสามารถเชื่อมโยงการผลิตกับตลาดได้

ด้าน นายโอฬาร พิทักษ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร กล่าวว่า นอกจากค่าครองชีพที่ขยับตัวสูงขึ้น ปัจจุบันเกษตรกรต้องเผชิญปัญหาราคาปัจจัยการผลิตทางการเกษตรที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะค่าปุ๋ยเคมี สารเคมีการเกษตร รวมถึงค่าแรงงาน ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น ทางออกที่ดีสำหรับเกษตรกรคือ ต้องรวมกลุ่มกันผลิตในรูปแบบเกษตรกรรมแปลงใหญ่ ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตรได้มีแผนร่วมขับเคลื่อนเกษตรแปลงใหญ่กับกรมวิชาการเกษตรอย่างต่อเนื่อง โดยกรมส่งเสริมการเกษตรจะนำความรู้ที่ได้รับการถ่ายทอดขยายผลไปสู่เกษตรกรเครือข่ายในพื้นที่แปลงใหญ่ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและช่วยลดต้นทุนให้กับเกษตรกร และต้องมีการวางแผนการผลิตให้สอดคล้องกับตลาดด้วย

ทีมเจ้าหน้าที่กรมวิชาการเกษตร และกรมส่งเสริมการเกษตร จะลงพื้นที่แปลงใหญ่ทำงานร่วมกัน ตั้งแต่รับฟังปัญหาและความต้องการของเกษตรกร ถ่ายทอดองค์ความรู้ทางวิชาการและเทคโนโลยีการผลิตที่เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ และการผลักดันแปลงใหญ่เข้าสู่มาตรฐาน ทำให้สามารถบริหารจัดการการผลิตและการตลาดล่วงหน้าได้

เป็นช่องทางหนึ่งที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งให้กับเกษตรกรรายย่อย สามารถแข่งขันได้เมื่อเปิดตลาด เออีซี (AEC)?

Leave a comment