ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160310/223921.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2559
มติเอกฉันท์ ป.ป.ช.ชี้มูลร่ำรวยผิดปกติกว่า 346 ล้าน ชงถอดถอน ฟันวินัย ‘ธาริต’ แถลงโต้ คำนวณเงินมั่ว – กล่าวหาไม่เป็นธรรม
10 มี.ค. 59 เมื่อเวลา 13.30 น. นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนกรณีมีเหตุอันควรสงสัยว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. เป็นประธานอนุกรรมการไต่สวน และต่อมาคณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีคำสั่งให้อายัดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับการร่ำรวยผิดปกติของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ , นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส และบุคคลที่เกี่ยวข้องเป็นการชั่วคราว ตามมาตรา 78 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 รวมมูลค่า 90,260,687.40 บาท นั้น
คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณารายงานผลการไต่สวนข้อเท็จจริงแล้วเห็นว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ คู่สมรส มีทรัพย์สินจำนวนมาก หรือมีทรัพย์สินมากหรือมีหนี้สินลดลงมาก เกินกว่าฐานะและรายได้ที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะพึงมีได้ อีกทั้งยังปรากฏพฤติการณ์โอน ยักย้าย แปรสภาพหรือซุกซ่อนทรัพย์สิน รวมทั้งให้บุคคลอื่นถือทรัพย์สินแทน กล่าวคือ ให้นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ ซึ่งเป็นหลานชายของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ และบริษัท ปิยธนวรรษ จำกัด ซึ่งมีนายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ และนางกานดา เผือดจันทึก น้องสาวของนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ เป็นกรรมการบริษัท มีชื่อเป็นผู้ถือครองทรัพย์สินจำนวนมากแทนนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ร่ำรวยผิดปกติ รวมมูลค่า 346,652,588.52 บาท โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติ หรือมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากผิดปกติ หรือหนี้สินลดลงมากผิดปกติ แต่เนื่องจากทรัพย์สินที่ร่ำรวยผิดปกติดังกล่าวบางส่วนได้มีการโอน ยักย้าย แปรสภาพ หรือซุกซ่อนทรัพย์สิน ทำให้ไม่สามารถติดตามทรัพย์สินได้ คงเหลือทรัพย์สินที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติที่คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีคำสั่งอายัดไว้เป็นการชั่วคราว จำนวน 90,260,687.40 บาท ทรัพย์สินที่ได้มาโดยร่ำรวยผิดปกติในส่วนที่เหลือจำนวน 256,391,901.12 บาท ให้บังคับคดีเอาแก่ทรัพย์สินอื่นของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ และนางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ โดยให้ส่งรายงานและสำนวนการไต่สวนให้อัยการสูงสุดยื่นคำร้องต่อศาล ซึ่งมีเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาคดีเพื่อขอศาลสั่งให้ทรัพย์สินตกเป็นของแผ่นดิน ตามมาตรา 80 และมาตรา 83 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และที่แก้ไขเพิ่มเติม ดังนี้
1. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 1,254,673.52 บาท 2. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 236,827.91 บาท 3. เงินฝากในบัญชีเงินฝากธนาคารพาณิชย์ในชื่อ นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์ จำนวน 4 บัญชี รวมเป็นเงิน 2,010,350.03 บาท 4. ที่ดินโฉนดเลขที่ 2394 ตำบลคุ้งสำเภา อำเภอมโนรมย์ จังหวัดชัยนาท กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายธาริต เพ็งดิษฐ์
5. ที่ดินโฉนดเลขที่ 28532 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี พร้อมบ้านเลขที่ 414 ตำบลหลักหก อำเภอเมืองปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี 6. ที่ดินโฉนดเลขที่ 8078 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ 7. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9326 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ 8. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9917 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์
9. บ้านคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น เลขที่ 444 และสิ่งปลูกสร้างไม่มีเลขที่จำนวน 5 หลัง ในชื่อ “ฟิออเร่ ปาร์ค” หมู่ที่ 11 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ปลูกสร้างบนที่ดิน โฉนดเลขที่ 8078 , 9326 และ 9917 กรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ 10. รถยนต์ยี่ห้อ MERCEDES BENZ รุ่น E 250 เลขทะเบียน ญฉ 414 กรุงเทพมหานคร ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ 11. รถยนต์ยี่ห้อ TOYOTA รุ่น ALPHARD เลขทะเบียน ฆฐ 515 กรุงเทพมหานคร ผู้ถือกรรมสิทธิ์ในชื่อ นางวรรษมล เพ็งดิษฐ์ 12. ที่ดินโฉนดเลขที่ 8139 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล
13. ที่ดินโฉนดเลขที่ 71289 ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 14. ที่ดินโฉนดเลขที่ 69674 ตำบลคลองม่วง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 15. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9327 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 16. ที่ดินโฉนดเลขที่ 9328 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล
17. ที่ดินโฉนดเลขที่ 16529 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 18. ที่ดินโฉนดเลขที่ 21038 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 19. ที่ดินโฉนดเลขที่ 28765 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายสนชัย ศรีทองกุล 20. โฉนดเลขที่ 8090 ตำบลหนองน้ำแดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา กรรมสิทธิ์ในชื่อ นายปิยฤกษ์ อรรถกานต์รัตน์
นายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. กล่าวอีกว่า ป.ป.ช.จะได้ส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้บังคับบัญชาของนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ ซึ่งขณะนี้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ให้ดำเนินการพิจารณาลงโทษทางวินัย ต่อไปภายใน 30 วัน
เมื่อถามว่า เหตุใดมติชี้มูลจึงออกมาเป็น 7 ต่อ 0 นายปรีชา กล่าวว่า มีกรรมการ ป.ป.ช. 2 ราย ที่ไม่ได้เข้าร่วมประชุมพิจารณาเรื่องดังกล่าวในวันนี้ คือ นางสุวณา สุวรรณจูฑะ ซึ่งติดภารกิจ และ พล.ต.อ.สถาพร หลาวทอง ที่ขอไม่เข้าร่วมประชุมเนื่องจากทนายความของนายธาริต มีนามสกุลเดียวกับ พล.ต.อ.สถาพร จึงเกรงว่าจะมีส่วนได้ส่วนเสีย
ด้านนายวรวิทย์ สุขบุญ รองเลขาธิการ ป.ป.ช. กล่าวว่า กรณีดังกล่าวสืบเนื่องจากมีประชาชนร้องเรียนข้าราชการระดับสูงสร้างบ้านพักอาศัยที่เกรงว่าจะรุกล้ำเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติเขาใหญ่ ในจังหวัดนครราชสีมา ป.ป.ช.จึงลงพื้นที่สอบว่ามีการรุกล้ำที่หรือไม่ แต่พบว่าเจ้าของบ้านคือ ภรรยา ของนายธาริต ป.ป.ช.จึงได้ดำเนินตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของนายธาริตที่เคยแสดงต่อ ป.ป.ช.ว่ามีรายการทรัพย์สินดังกล่าวอยู่หรือไม่ ปรากฏว่าไม่พบรายการดังกล่าว จึงมีเหตุอันควรสงสัยว่าร่ำรวยผิดปกติ จึงตั้งอนุกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงเพื่อรวบรวมพยานหลักฐาน จากนั้นพบพฤติการณ์ยักย้ายแปรสภาพ ซุกซ่อนทรัพย์สินต่างๆ ป.ป.ช.จึงสั่งอายัดไว้จำนวน สองครั้ง จำนวน 90 ล้านบาท ต่อมาได้แจ้งข้อกล่าวหา ซึ่งนายธาริต ได้มารับทราบข้อกล่าวหา แต่ไม่ยอมมาชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา โดยอ้างว่าไม่เข้าใจข้อกล่าวหาของอนุกรรมการไต่สวน และบอกว่าอนุกรรมการไต่สวนไม่ให้ความเป็นธรรม โดยอนุกรรมการได้เปรียบเทียบรายได้ของธาริต ซึ่งพบว่ามีทรัพย์สินที่ ป.ป.ช.พิจารณาว่าไม่มีที่มาที่ไป และไม่ชอบด้วยกฎหมาย จำนวน 346,652,588 บาท จึงมีมติชี้มูลความผิดกรณีร่ำรวยผิดปกติ
‘ธาริต’ โต้ ป.ป.ช.คำนวณเงินมั่ว กล่าวหาไม่เป็นธรรม
นายธาริต ส่งจดหมายชี้เเจงต่อสื่อมวลชนหลังถูก ป.ป.ช.ชี้มูลว่าร่ำรวยผิดปกติ เเละให้นายกรัฐมนตรีสอบวินัย ว่า ข้าพเจ้าขอแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนดังต่อไปนี้
ข้อ 1. อนุกรรมการไต่สวนฯ ได้แจ้งข้อกล่าวหาต่อข้าพเจ้าถึง 2 ครั้ง ทั้งนี้ อนุกรรมการได้นำเอาเงินฝากหมุนเวียนผ่านบัญชีของข้าพเจ้าและภรรยา ที่เปิดไว้กับธนาคารต่างๆ ซึ่งเป็นการฝากและใช้จ่ายตามปกติทุกรายการที่ปรากฏในบัญชีธนาคาร ตลอดเวลาที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่งอธิบดีฯ (พ.ศ. 2552 – 2557) และย้อนหลังไปก่อนดำรงตำแหน่งหลายปีบวกทบๆ กัน โดยไม่ได้พิจารณาว่าเป็นเงินทุนหมุนเวียนและเป็นการคิดคำนวณที่ไม่เป็นตามหลักบัญชี รวมทั้งทรัพย์สินอื่นมาบวกรวมกันให้เห็นว่าข้าพเจ้ามีทรัพย์สินที่มากเกินความเป็นจริง แล้วกล่าวหาข้าพเจ้าว่าร่ำรวยผิดปกติ ทั้งทรัพย์สินส่วนใหญ่ก็ไม่มีอยู่จริง และทุกรายการก็ไม่ปรากฏข้อเท็จจริงว่าการมีหรือได้มาทรัพย์สินตามที่กล่าวหานั้น เป็นการไม่ชอบหรือไม่มีเหตุอันควรหรือมีพฤติการณ์ที่ร่ำรวยผิดปกติอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น บัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง ภรรยาของข้าพเจ้าใช้ฝากเงินเพื่อหมุนเวียนซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ประมาณ 6 ล้านบาท ตลอดเวลา 5 ปีที่ข้าพเจ้าดำรงตำแหน่ง ย่อมมีการถอนออกแล้วฝากเข้าเป็นปกติของการซื้อขายหุ้น แต่อนุกรรมการ ป.ป.ช.ใช้วิธีนำเอาเฉพาะรายการฝากทุกๆ ครั้ง บวกทบๆ กัน จึงทำให้ยอดบัญชีสูงถึง 86 ล้านบาท ทั้งที่ตัวเงินจริงมีเพียง 6 ล้านบาทที่หมุนเวียน เป็นต้น การกล่าวหาว่าข้าพเจ้าร่ำรวยผิดปกติ จึงมีความคลุมเครือไม่ชัดเจนเพียงพอที่จะทำให้เข้าใจข้อกล่าวหาได้ดี และไม่อยู่ในวิสัยที่วิญญูชนจะสามารถจดจำนำหลักฐานมาชี้แจงข้อกล่าวหาได้ ซึ่งเป็นการไม่ชอบด้วยระเบียบตามข้อ 37 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 47 และมาตรา 125
ประการสำคัญ อนุกรรมการ ป.ป.ช.ใช้วิธีคิดคำนวณรายได้จากเงินเดือน และค่าตอบแทนเฉพาะการรับราชการของข้าพเจ้าและภรรยาเท่านั้น ไม่ได้ตรวจสอบถึงรายได้จากการทำธุรกิจ เช่น การซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ การซื้อขายที่ดิน และการลงทุนในทรัพย์สินอื่นๆ เช่น ทองคำ และอัญมณี ซึ่งในปัจจุบันการมีรายได้จากธุรกิจต่างๆ ของข้าราชการเป็นเรื่องปกติที่กระทำได้โดยชอบ ยิ่งไปกว่านั้น ไม่มีพยานหลักฐานหรือพฤติการณ์ใดๆ เลยที่แสดงว่าข้าพเจ้ามีทรัพย์สินเหล่านั้น หรือได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบหรือโดยไม่ถูกต้อง
ข้อ 2. ข้าพเจ้าขอตั้งคำถามต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ดังต่อไปนี้
(1) วิธีคิดคำนวณทรัพย์สินของข้าพเจ้าเป็นไปตามหลักการทางบัญชีที่คนปกติเขาใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันหรือไม่
(2) การปฏิบัติต่อข้าพเจ้าเป็นไปตามกฎหมายหรือไม่
(3) ได้ปฏิบัติกับข้าพเจ้าเท่าเทียมกับปฏิบัติต่อบุคคลอื่นๆ หรือไม่
ข้อ 3. ข้าพเจ้าจะได้แต่งตั้งทนายความขึ้นต่อสู้ในชั้นศาลยุติธรรมต่อไป และหากในที่สุดศาลตัดสินว่าข้าพเจ้าไม่ได้กระทำผิดตามที่ ป.ป.ช.มีมติแล้ว ถึงตอนนั้น ป.ป.ช.จะรับผิดชอบต่อความไม่เป็นธรรมที่ได้กระทำกับข้าพเจ้าหรือไม่ อย่างไร
ทั้งนี้่ นายธาริต กล่าวเสริมว่า ตนไม่มีความรู้สึกใดๆ กับมติดังกล่าว กรณีดังกล่าวไม่ส่งผลกระทบกับภรรยาของตน เพราะเป็นการชี้มูลความผิดส่วนบุคคล แต่อยากตั้งข้อสังเกตว่าในกรณีที่มีการชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่สรรพากรร่ำรวยผิดปกติ ป.ป.ช.ได้ระบุว่า มีทรัพย์สินที่ได้มาจากการปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แต่กรณีของตนไม่มีเรื่องปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเลย แต่กลับถูกชี้มูลว่าร่ำรวยผิดปกติ โดยนำบัญชีรายได้ของตนและภรรยาไปบวกรวมกัน ส่วนรายได้จากการขายที่ดินและการขายหุ้น ป.ป.ช.ไม่ได้รับฟังหลักฐานส่วนนี้
