สมช.เล็งดึงเอกชนร่วมงานมั่นคง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160310/223893.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2559
สมช.เล็งดึงเอกชนร่วมงานมั่นคง

สมช.เล็งดึงเอกชนร่วมงานมั่นคง : สัมภาษณ์พิเศษ โดยปัญญา ทิ้วสังวาลย์

           การก้าวขึ้นดำรงแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ของ พล.อ.ทวีป เนตรนิยม ถูกจับตามองอย่างมาก ทั้งๆ ที่มีคู่ชิงในตำแหน่งดังกล่าวหลายคน ทั้งลูกหม้อใน สมช. หรือแม้แต่คนสนิทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ก็ต้องหลีกทางให้ พล.อ.ทวีป

แต่ด้วยใบเบิกทางของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายความมั่นคง และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ก็ทำให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น

นั่นอาจเป็นเพราะเป็นช่วงผ่องถ่ายอำนาจ คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จึงมีความจำเป็นที่จะต้องหาคนที่ “เต็มร้อย” เข้ามาเป็นเซ็นเตอร์บูรณาการงานด้านการข่าวและความมั่นคงเพื่อกลั่นกรองข้อมูลทั้งหมดก่อนส่งให้รัฐบาล

ก่อนที่จะเข้ามาทำหน้าที่เป็นเลขาธิการ สมช. พล.อ.ทวีปผ่านร้อนผ่านหนาวมาหลายรูปแบบ ตำแหน่งล่าสุดในกองทัพคือ ผู้บัญชาทหารหน่วยบัญชาการทหารพัฒนา (นทพ.) ขึ้นมาเป็นเลขาธิการ สมช.เมื่อเดือนตุลาคม 2558 ก็เท่ากับว่า อยู่ในตำแหน่งเลขาธิการ สมช.มากว่า 5 เดือนแล้ว

แต่เพียงแค่ครึ่งปี เรื่องราวก็ถาโถมโหมกระหน่ำเข้ามาเป็นระลอก

โดยเฉพาะปัญหาภัยก่อการร้ายที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ทำให้ประเทศมหาอำนาจหลายประเทศเริ่มตื่นตัว และหามาตรการเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น หน่วยงานด้านความมั่นคงของประเทศไทยก็เฝ้าระวังในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน

ล่าสุดหน่วยข่าวกรองของรัสเซียทำหนังสือแจ้งเตือนมายังประเทศไทยว่ามีกลุ่มก่อการร้ายแอบแฝงเข้ามายังประเทศไทย แม้หน่วยงานด้านความมั่นคงภายในประเทศยืนยันว่า ประเทศไทยไม่มีกลุ่มก่อการร้ายเคลื่อนไหวก็ตาม

พล.อ.ทวีปกล่าวว่า การพบปะพูดคุยกันกับ นายนิโคไล ปาตรูเชฟ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ สหพันธรัฐรัสเซีย ในประเด็นด้านความมั่นคงทุกมิติ โดยเฉพาะภัยก่อการร้าย ที่ขณะนี้ทุกประเทศมีความห่วงใย ซึ่งปัญหาภัยก่อการร้ายทุกประเทศไม่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยตนเองอย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องร่วมมือกับหลายประเทศ โดยมีการแชร์ข้อมูล ติดตามพฤติกรรมกลุ่มคนที่ต้องสงสัย หรือติดตามเส้นทางการเงินกลุ่มคนเหล่านั้น

ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะสามารถยับยั้งปัญหาการก่อการร้ายได้ ปัจจุบันปัญหาก่อการร้ายมีการแอบแฝงไปทั่วโลก

“ไทยไม่มีกลุ่มก่อการร้าย” เป็นคำยืนยันจาก พล.อ.ทวีป แต่เขาก็ยอมรับว่า ปัญหาก่อการร้ายอาจมาจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ กลุ่มเจไอ หรือกลุ่มไอเอส

พล.อ.ทวีป บอกว่า การแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสารกับประเทศเพื่อนบ้านถือว่าประเทศไทยได้ประโยชน์ โดยได้รับข้อมูลที่เป็นต้นกำเนิดของกลุ่มก่อการร้าย หากมีการสงสัย หรือเพ่งเล็ง ประเทศเพื่อนบ้านก็จะส่งข้อมูลมาให้ เพื่อร่วมกันตรวจสอบเส้นทางของกลุ่มก่อการร้าย ซึ่งประเทศไทยก็จะได้รู้ว่ากลุ่มคนเหล่านี้มีที่มาที่ไปอย่างไร จะมีการแวะเข้ามาในประเทศไทย หรือมีการต่อเครื่องไปยังประเทศอื่น หรือแวะเข้ามาทำกิจกรรมในบ้านเรา เพื่อพักคอยบางสิ่งบางอย่าง ซึ่งตรงนี้จะเป็นข้อมูลสำคัญที่เราจะได้ติดตามพวกนี้ได้อย่างใกล้ชิด

หน่วยงานด้านความมั่นคงทำงานค่อนข้างหนัก แต่ก็ถือว่าเป็นเรื่องธรรมดาในการติดตามกลุ่มคนเหล่านี้ เพราะภัยคุกคามรูปแบบต่างๆ มันเกิดขึ้นตลอดเวลา เราจะต้องคอยประสาน และติดต่อแลกเปลี่ยนกับนานาชาติ หากไม่ร่วมมือกันก็จะกลายเป็นประเทศที่เป็นจุดบอด และอ่อนแอในเรื่องพวกนี้ ซึ่งเราจะไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้น

ทั้งนี้หน่วยงานด้านความมั่นคงพยายามติดตามทุกช่องทางเพื่อไม่ให้เกิดช่องโหว่ หรือช่องว่างในการทำงาน โดยมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อมูลกับทุกภาคส่วน

โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นข้อมูลภาครัฐจะต้องบูรณาการ โดยหนึ่งในนั้นคือฐานข้อมูลความมั่นคง ซึ่งเป็นส่วนที่สภาความมั่นคงแห่งชาติรับผิดชอบอยู่ ตอนนี้หน่วยงานของรัฐได้หารือเพื่อตกผลึกก่อนจะขยายต่อไปยังหน่วยงานภาคอื่นๆ โดยเฉพาะเอกชนที่จะต้องเข้ามามีส่วนร่วมให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์กับงานด้านความมั่นคงได้

ในประเด็นที่ว่า สภาความมั่นคงแห่งชาติได้ประเมินสถานการณ์ความมั่นคงอย่างไรบ้าง พล.อ.ทวีปบอกว่า สถานการณ์เฉพาะก่อการร้าย ยืนยันว่าไม่ต้องเป็นห่วงอะไรมากนัก เพราะว่าเราได้ดำเนินการในทุกจุดที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ในการประเมินสถานการณ์ หรือการแจ้งเตือนอะไรต่างๆ สิ่งนี้เราดูแลไว้หมดแล้ว

“สิ่งที่จะขอร้องประชาชนคนไทยทุกคนคือว่า หากเห็นอะไรผิดปกติ หรือมีคนแปลกหน้าเข้ามาเช่าบ้าน แบบมีพฤติกรรมที่ไม่เป็นปกติ โดยเฉพาะชาวต่างชาติ ก็อยากจะให้ช่วยกันเป็นหูเป็นตา และแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อได้ติดตามกลุ่มคนเหล่านี้ ซึ่งถือเป็นการช่วยกันคนละไม้คนละมือ โดยจะทำให้การทำงานด้านความมั่นคงง่ายขึ้น”

นอกจากนี้ พล.อ.ทวีปได้ประเมินสถานการณ์การเมืองไทยในปัจจุบันว่า เมื่อร่างรัฐธรรมนูญใกล้จะเสร็จ ซึ่งจะถึงขั้นเตรียมทำประชาพิจารณ์แล้ว ก็จะเห็นว่าพรรคการเมืองทั้งหลายมาแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา เพราะว่าพรรคการเมืองที่ออกมาแสดงความคิดเห็นจะเป็นพรรคการเมืองเดิมๆ ที่เรารู้อยู่แล้ว ทั้งนี้การร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ออกมา เจตนาหลักๆ คือให้มั่นใจว่าเราจะได้ผู้ที่ได้รับเลือกเข้ามาดูแลประเทศชาติ เป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริงที่จะดูแลส่วนรวม ไม่ใช่เพื่อพรรคหรือเพื่อส่วนตัว

สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ร่างรัฐธรรมนูญพยายามที่จะทำให้ตรงนี้เกิดขึ้น อยากถามกลับไปว่า สิ่งเหล่านี้ที่รัฐบาลและคสช.ตั้งใจทำแบบนี้ดีหรือไม่ดี ในการที่เราจะมั่นใจว่าจะได้ผู้แทนของตัวเราที่มีความตั้งใจจริงที่จะมองเห็นส่วนรวมมากกว่า ถ้าทุกคนตอบคำถามว่า เห็นด้วย ก็คิดว่าร่างรัฐธรรมนูญจะเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้เกิดสิ่งนี้ได้

ส่วนร่างรัฐธรรมนูญผ่านการทำประชาพิจารณ์จะสามารถปลดล็อกการเมืองได้หรือไม่นั้น พล.อ.ทวีปมองว่า อย่างน้อยจะช่วยเริ่มต้นให้ได้ อย่าลืมว่าปัญหาทุกคนตระหนักดี รู้ดีว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นมากมายมหาศาล คือเราได้นักการเมืองส่วนใหญ่ที่ไม่มีคุณภาพเข้าไปอยู่ในสภา หรือผู้บริหารในรัฐบาลก็ดี เราได้กลุ่มคนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้มองผลประโยชน์ของประเทศชาติเข้าไป ถึงได้เกิดปัญหาเรื้อรังมาหลายปี ซึ่งเป็นจุดที่เราจะเริ่มต้นแก้ไขตรงนี้ให้ได้ ความตั้งใจจริงคือ อย่างน้อยมั่นใจได้ว่าคนที่เข้ามาหลังเลือกตั้งเป็นคนที่ไม่เห็นแก่ตัว หรือไม่ได้คิดเฉพาะส่วนตัว คือเข้าไปทำให้ประเทศจริงๆ ไม่ได้มีวาระแอบแฝงเพื่อประโยชน์หรืออำนาจอะไรเลย

อย่างไรก็ตาม ในช่วงก่อนที่จะมีการทำประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ พล.อ.ทวีปบอกว่า กำลังจับตาดูการเคลื่อนไหวของคนหลายกลุ่ม ทั้งนักการเมืองนักศึกษา ที่ขณะนี้มีความเชื่อมโยงกัน ซึ่งกลุ่มนักศึกษากลุ่มหนึ่งก็มีอิสระในการแสดงออกทางความคิด แต่ก็มีกลุ่มนักศึกษาบางกลุ่มที่การโยงใยกันกับการเมือง ซึ่ง สมช.จะดูแยกเป็นกรณีไป

Leave a comment