โฆษกกรธ.เผย‘มีชัย’สั่งห้ามตอบโต้‘ทักษิณ’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160310/223927.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 10 มีนาคม 2559
โฆษกกรธ.เผย‘มีชัย’สั่งห้ามตอบโต้‘ทักษิณ’

โฆษกกรธ.เผย‘มีชัย’สั่งห้ามตอบโต้‘ทักษิณ’ ชี้ข้อเสนอ‘ส.ว.สรรหา5ปี’ ของ ‘บิ๊กป้อม’ ต้องเสนอมาเป็นหนังสือทางการ ย้ำร่างรธน.ไร้ใบสั่ง

            ที่สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์เเห่งประเทศไทย วันที่ 10 มี.ค.2559 นายอมร วาณิชวิวัฒน์ กรรมการและโฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาวิชาการ หัวข้อ “หนึ่งคน–หนึ่งเสียง–บัตรหนึ่งใบหรือ สองใบ” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย(พีเน็ต) ที่อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน ยืนยันว่า การทำงานของกรธ. ไม่มีใบสั่งจากใคร กรรมการทุกคนใช้องค์วามรู้ในการออกแบบรัฐธรรมนูญที่ดีที่สุด ยืนยันว่าได้ดูตัวอย่างรัฐธรรมนูญทุกแบบทั่วโลก และพบว่าไม่มีประเทศใดที่จะพูดว่ารูปแบบตัวเองดีที่สุด แต่ทั้งนี้กรธ.มีกรอบการทำงานจาก คสช. คือ ต้องการเดินหน้าประเทศไปได้โดยลดความแตกแยก สร้างความปรองดอง เสียงข้างน้อยต้องรับฟัง

นายอมร กล่าวตอนหนึ่งว่า นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ. บอกกรธ.ทุกคนว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะให้สัมภาษณ์อะไรมาอย่าตอบโต้ เพราะเขาเป็นอดีตนายกฯ อาจจะมีข้อเสนออะไรดีๆก็ได้ และอะไรที่นายทักษิณเข้าใจผิดก็ต้องอธิบาย   แต่อย่าสร้างความร้าวฉาน อย่างไรก็ตามยอมรับว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้เพอร์เฟค ไม่ได้ดีทุกเรื่องเพราะทำในเวลาจำกัด และการแก้ไขตามข้อเสนอก็ยังไม่เสร็จ และจะให้ครอบทุกเรื่องก็ไม่ได้

ส่วนกรณีที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมระบุว่า ส.ว.ควรมาจากการสรรหาและมีเวลาในการดำรงตำแหน่ง5ปี นายอมร กล่าวว่า เป็นความส่วนตัวของพลเอกประวิตร และกรธ.ยังไม่รับหนังสือใดใดในเรื่องดังกล่าว ส่วนการที่ระบุว่าคสช.สามารถมาเป็นส.ว.ได้หรือไม่นั้น นายอมร กล่าวว่า ร่างรัฐธรรมนูญไมได้ห้ามคสช. หรือสนช. สปท. เข้ามาเป็น ส.ว. แต่คนในคสช. สนช. หรือสปท. ต้องลาออกจากการเป็นคสช.ก่อน เพื่อมาเล่นการเมืองในเวลาที่กำหนด

“ยืนยันว่าเรื่องนี้ ถ้ามีหนังสือชัดเจนมาถึงกรธ.ก็จะต้องเป็นมติของที่ประชุมกรธ.21คน และไม่มีใครเสียงดังกว่าใคร พวกเราก็ดูข่าวจากทีวีเท่านั้นในเรื่องนี้ แต่กรธ.จะพิจารณาเรื่องที่มาเป็นหนังสือราชการเท่านั้น”นายอมร กล่าว

 

“มีชัย”แจงปรับอำนาจศาลรธน.ตามคำขอ

ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภาในวันนี้ว่า  มีการประชุมคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรธ.เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญในหมวดองค์กรอิสระ

โดยนายมีชัยให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมถึงความคืบหน้าการพิจารณาปรับแก้บทบัญญัติร่างรัฐธรรมนูญว่า ขณะนี้กรธ.ได้ทยอยปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญถึงหมวดองค์กรอิสระ โดยส่วนใหญ่ยังคงหลักการเดิม ส่วนในหมวดศาลรัฐธรรมนูญ กรธ.ได้ปรับแก้ไขเนื่องจากมีคนพูดถึงอำนาจและบทบาทของศาลรัฐธรรมนูญ หลักการที่กรธ.ออกแบบไว้ในร่างเบื้องต้น ไม่ได้ตั้งใจที่จะให้เป็นอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อมีการแสดงความกังวลกรธ.จึงตัดสินใจปรับแก้ไขไม่ใช่ว่ากรธ.ยอมถอย ส่วนการพิจารณาประเด็นที่มาของส.ส.และส.ว. เบื้องต้นกรธ.ยังไม่ได้พิจารณา ส่วนข้อเสนอที่เสนอออกมาก็อยู่ในส่วนของบทเฉพาะกาลซึ่งกรธ.ยังพิจารณาไปไม่ถึงรออยู่ว่าจะให้เป็นแบบใด

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องพูดคุยหารือเป็นการส่วนตัวกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในเรื่องความเห็นที่เสนอมาหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า คงต้องรอดูรายละเอียดในหนังสือ ก่อนว่าระบุมาอย่างไร คงต้องดูเหตุผลก่อนที่จะนำไปพิจารณา ดังนั้นเวลานี้ตนจึงพูดหรือแสดงความเห็นไปก่อนไม่ได้ เมื่อถามว่ามีเอกสารจากเลขานุการของพล.อ.ประวิตร เกี่ยวกับความมั่นคงในร่างรัฐธรรมนูญส่งมาให้กรธ.พิจารณาหรือไม่ นายมีชัย กล่าวว่า ดูแล้ว บางประเด็นกรธ.ปรับแก้ไขไปแล้วในบางถ้อยคำแต่บางประเด็นก็ไปคนละทิศคนละทาง เมื่อถามว่า    ที่ผ่านมากฎหมายเกี่ยวกับความมั่นคงเคยมีปัญหาหรือไม่ นายมีชัยกล่าวว่า ข้อเสนอที่ส่งเข้ามาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับถ้อยคำในเวลาที่ประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่รายละเอียดจำไม่ได้

เมื่อถามว่าระยะเวลาที่เหลืออยู่เพียงพอต่อการจัดทำร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายมีชัย กล่าวยืนยันว่า” ต้องทัน  ถ้าไม่ทันก็ต้องประชุมกันจนถึงตีหนึ่งตีสอง” เมื่อถามว่ากระแสข่าวที่กรธ.จะกำหนดให้นายกฯต้องสังกัดพรรคการเมือง ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร นายมีชัย กล่าวว่า หลักการนี้มาจากไหน เห็นสื่อมวลชนพูดถึง ตนก็สงสัยจึงไปถามโฆษกกรธ. ก็บอกว่าไม่เคยพูดไม่รู้มาจากไหน    อยู่ๆก็ลอยมา เราก็ได้แต่แปลกใจว่ามาได้อย่างไร แต่เบื้องต้นในส่วนที่เกี่ยวกับที่มานายกฯระบบการเลือกตั้ง บัตรเลือกตั้งบัตรเดียว ตามที่เคยเสนอในร่างเบื้องต้น ยังไม่นำมาพิจารณาทบทวน ทุกอย่างหลักการยังคงเป็นแบบเดิม

เมื่อถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร ออกมาวิจารณ์ว่าร่างรัฐธรรมนูญเป็นร่างที่พาประเทศถอยหลัง นายมีชัย ปฏิเสธที่จะให้ความเห็น โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า “โนคอมเม้นท์”

“กรธ.”ขีดกรอบให้รัฐจัดการศึกษาแก่ปชช.

นายนรชิต สิงหเสนี โฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) แถลงผลการพิจารณาของกรธ. ว่าจากข้อท้วงติงในบทบัญญัติว่าด้วยการจัดการศึกษาโดยรัฐที่หลายฝ่ายกังวลว่าการเขียนถ้อยคำของกรธ.​นั้น    อาจทำให้เยาวชนไม่ได้รับการศึกษาเทียบเท่าที่รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 กำหนด ดังนั้น กรธ. จึงได้ปรับถ้อยคำและเขียนกำหนดที่ชัดเจนว่า    รัฐต้องจัดการศึกษาพร้อมก้บสนับสนุนค่าใช้จ่ายให้กับผู้เรียนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ โดยในมาตรา 50 กำหนดให้รัฐต้องดำเนินการให้เด็กทุกคนได้รับการศึกษาตั้งแต่ก่อนวัยเรียนจนจบการศึกษาภาคบังคับอย่างมีคุณภาพโดยไม่เก็บค่าใช้จ่าย   รวมถึงการรับการศึกษาตามความต้องการ ทั้งนี้ได้เพิ่มเติมบทบัญญัติวรรคใหม่ กำหนดให้รัฐต้องสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการศึกษาตามความถนัดให้กับประชาชนที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เพื่อเพิ่มโอกาสให้กับประชาชน ซึ่งความหมายดังกล่าวนอกจากการอุดหนุนเรื่องค่าเรียนฟรีแล้ว ต้องสนับสนุนค่าใช้จ่ายอื่นๆ ในการเรียนด้วย    ​​และประเด็นสำคัญ​ยังกำหนดให้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์เพื่อลดความเหลื่อมล้ำทางด้านการศึกษา โดยรัฐต้องเป็นผู้สนับสนุนงบประมาณดังกล่าว ส่วนรายละเอียดเกี่ยวกับกองทุนนั้นจะนำไปเขียนไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้องต่อไป

นายนรชิต กล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร กล่าวปาฐกถาในงาน สนทนาเป็นการส่วนตัว ที่สถาบันนโยบายโลก ที่นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งพาดพิงถึงการทำร่างรัฐธรรมนูญของกรธ.​ว่า ตนเชื่อว่าต่างชาติสามารถประมวลในข้อเท็จจริงได้ว่าสิ่งที่กรธ. ได้ทำร่างรัฐธรรมนูญไม่มีประเด็นอะไรที่เป็นข้อคัดค้านหรือขัดแย้งกับประชาชนและความเห็นของสังคม ส่วนประเด็นของการเลือกตั้งนั้น ยืนยันว่าประชาชนยังได้สิทธิในการเลือกตั้งส.ส. โดยตรง ขณะที่ส.ว. นั้นแม้วิธีการจะเปลี่ยนแปลง แต่ยืนยันได้ว่าการได้มาซึ่งส.ว.นั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ได้ผู้เป็นตัวแทนของประชาชน หรือที่เรียกว่ารูปแบบของสภาพลเมือง

นายนรชิต กล่าวด้วยว่าสำหรับการรณรงค์และทำความเข้าใจกับประชาชนต่อเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญนั้น กรธ. ได้หารือเบื้องต้นแล้ว คือ หลังจากที่กรธ.​ส่งร่างรัฐธรรมนูญฉบับลงประชามติให้รัฐบาล ภายในวันที่ 29 มี.ค.​ แล้ว จากนั้นระหว่างวันที่ 1-15 เม.ย.​จะเป็นโอกาสที่กรธ. ได้หารือและทำสรุปประเด็นสำคัญและสิ่งที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทั้งนี้ได้หารือกับหน่วยงานราชการ และภาคส่วนต่างๆ ของสังคมเพื่อร่วมดำเนินการรณรงค์ให้ความรู้กับประชาชนด้วย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำถึงการพิจารณาข้อเสนอให้มี ส.ว. สรรหาตามที่แกนนำรัฐบาเสนอ นายนรชิตกล่าวว่ายังไม่ได้พิจารณา ขณะนี้ยังยืนยันในหลักการเดิมที่ กรธ.กำหนดไว้ ส่วนกรณีที่ 2-3 งวันที่ผ่านมาพบว่านายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ขอลาประชุมในช่วงเย็นทุกวันตนไม่ทราบว่าท่านไปทำอะไรซึ่งนายมีชัยก็เพียงแต่แจ้งว่าขอไปทำธุระ

หนุนกกต.เลิกปล่อยผีนักเลือกตั้งซื้อเสียง

นายสมชัย ศรีสุทธยากร กรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาวิชาการ หัวข้อ “หนึ่งคน–หนึ่งเสียง–บัตรหนึ่งใบหรือ สองใบ” ซึ่งจัดโดยมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย(พีเน็ต) ที่อาคารสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ถนนสามเสน ว่า ตนมีโอกาสพูดคุยกับนักการเมืองจำนวนมาก พบว่าจริงๆแล้วพวกเขาไม่อยากซื้อเสียง แต่เพราะไม่มีการจับกุมจริง และมีกระบวนการตรวจสอบยาวนานเกินไปหลายคนจึงเสี่ยงทำทุจริต เพราะรู้ว่าค่อยหาทางออกทีหลังหากโดนสอย และที่ผ่านมากฎหมายออกแบบให้กกต.ทำงานได้ไม่เต็มที่ เพราะประกาศรายชื่อผู้ได้รับเลือกตั้งก่อนแล้วสอยทีหลังเป็นปัญหา เพราะเมื่อกกต.ประกาศรายชื่อแล้ว คนที่ถูกประกาศแล้วเป็นเจ้าขึ้นมาทันที มีอำนาจในการปกครอง ไม่ว่าจะเป็นส.ส.หรือรัฐมนตรี ก็ไปข่มขู่พยานในพื้นที่ ทำให้กระบวนยุติธรรมมีความล่าช้าก็ทำได้ ทำให้การเกรงกลัวที่จะถูกลงโทษไม่ดี ทำให้พยานกลับคำให้การ หรือบางคนก็โดนข้อเสนอว่าจะเอาเงินหรือเอาลูกปืน ดังนั้นเมื่อกระบวนการยุติธรรมเป็นแบบนี้คนก็จะกล้าทุจริตเลือกตั้ง จึงคิดว่าต้องมีกลไกที่เด็ดขาด

“และตอนนี้ กกต.เองจะมีเวลาเพียงพอแล้ว คือ60วันหลังหลังการเลือกตั้งในการตรวจสอบที่จะเอาคนออกจากสนามเลือกตั้งก่อนที่จะเข้าไปมีอำนาจ”นายสมชัย กล่าวและว่า ในอนาคตตนมองว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้ต้นทุนเลือกตั้งต่ำอันนี้สำคัญกว่า เช่น เคยมีการจำลองการเลือกตั้งประเทศญี่ปุ่น ถ้าท่านจ่ายค่าสมัครลงเลือกตั้ง การจัดพิมพ์โปสเตอร์หาเสียงก็ให้กกต.จัดการ กกต.ก็จะประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึงให้ประชาชนรู้จัก ให้โอกาสประชาชนรู้จักผ่านสื่อ และที่ญี่ป่นเขาให้เวลาในการหาเสียงน้อย ไม่ถึง45-60วันเหมือนบ้านเรา แต่นั่นเป็นการสะสมความดีของสังคมของคนสมัคร ที่ต้องทำความดีมาตลอด พอมีการประกาศให้มีการเลือกตั้ง กกต.ก็บอกแค่ว่าคนนี้สมัคร ต้นทุนเลือกตั้งก็จะหายไปด้วย แต่เราไม่สามารถบอกได้ว่าจะทำได้ในประเทศไทยหรือไม่ ดังนั้นเราต้องทดลองออกแบบวิธีการที่ดีที่สุดออกมาก่อน กกต.เองก็ไม่มีสิทธิ์บอกว่าอะไรที่ดีที่สุด

ด้านนายอมร วาณิชวิวัฒน์ กรรมการและโฆษกกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) กล่าวว่า จากนี้ กกต.จะมีอำนาจในการให้ใบแดงชั่วคราวไปก่อน แต่อยู่ที่ความกล้าของกกต. อย่าเกรงใจและปล่อยไปก่อน คราวนี้ถ้ามั่นใจก็ดำเนินการ เพราะคงไม่มีใครเขียนใบเสร็จว่าทุจิต แต่ถ้ากกต.จับได้ กกต.ก็มีสิทธิ์ตัดสิทธิ์รับเลือกตั้งในเขตนั้น หรือทุกเขต หากเคลียร์ตัวเองได้ในหนึ่งปีค่อยว่ากัน

สปท.นัดถกรายงานขับเคลื่อนงานปฏิรูป3กมธ.ใหญ่

นายคำนูณ สิทธิสมาน โฆษกคณะกรรมาธิการ(กมธ.)วิสามัญกิจการสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (วิป สปท.) แถลงภายหลังการประชุมว่า ที่ประชุมได้มีมติบรรจุระเบียบวาระการประชุมสปท.ในวันที่ 14-15 มี.ค.นี้ โดยในวันที่ 14 มี.ค. จะมีวาระการพิจารณาเรื่องที่คณะกมธ.ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการศึกษาพิจารณาเสร็จแล้ว 2 เรื่อง 1.รายงานเรื่อง แผนปฏิรูปเร่งด่วนในการแก้ปัญหาเกี่ยวกับการประกันคุณภาพการศึกษาภายในและการประเมินคุณภาพการศึกษาภายนอก และ 2.รายงานเรื่อง การขับเคลื่อนการปฏิรูประบบวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยเพื่อนวัตกรรม ขณะที่ ในการประชุมในวันที่ 15 มี.ค. เป็นวาระการพิจารณาเรื่องที่กมธ.พิจารณาเสร็จแล้ว 1.รายงานการปฏิรูปประเทศของคณะกมธ. ด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม เรื่อง การจัดทำแผนการพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560-2564) และ ร่าง พ.ร.บ.การกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 6 (พ.ศ.2560-2564) และ 2.รายงานการปฏิรูปประเทศ ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน เรื่อง การปฏิรูปองค์การมหาชน และ ร่าง พ.ร.บ.องค์การมหาชน (ฉบับที่..) พ.ศ. …. และ ในช่วงปลายเม.ย.นี้ จะมีจัดงานแถลงผลงานของสปท.หลังทำงานครบรอบ 6 เดือน

ปริญญาชี้ใช้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจหวั่นนองเลือด

ที่ห้องประชุมมูลนิธิ 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ถ.ราชดำเนิน คณะกรรมการญาติวีรชนพฤษภา 35 จัดเสวนาถอดบทเรียน พฤษภา 2535 “รัฐธรรมนูญกับการปฏิรูปประเทศไทย”มีนายปริญญา เทวานฤมิตรกุล กรรมการมูลนิธิพฤษภาประชาธรรมและรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 2550 นายบัณฑูร เศรษฐศิโรตม์ อดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ 2558 นายอุดม รัฐอมฤต กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ 2558 ร่วม

นายปริญญา กล่าวว่า  ทำอย่างไรไม่ให้เหตุการณ์พฤษภาคม 35 เกิดขึ้นอีก การยึดอำนาจในครั้งนั้นอ้างว่า รัฐบาลทุจริตคอร์รัปชั่น ผู้ยึดอำนาจสัญญาครั้งแรกว่า จะเลือกตั้งใน 6 เดือน บ้านเมืองจะถอยหลังแค่ก้าวเดียว แต่พอผ่านมาไม่เป็นเช่นนั้น มีการเขียนรัฐธรรมนูญเปิดช่องให้สืบทอดอำนาจได้  โดยส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดยรสช.และเปิดช่องให้คนนอกสามารถเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เมื่อรัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจก็คือประโยชน์ทับซ้อน ชัดเจนว่า ขณะนี้คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ขอเวลาในช่วง 5 ปีแรก ทำให้เหตุการณ์เริ่มคล้ายกับการร่างรัฐธรรมนูญปี 2534 ซึ่งมีประธานร่างเป็นคนเดียวกัน เราจึงต้องมาคิดว่าทำอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดความรุนแรงอีก เพราะบทเรียนปี 35 ก็เริ่มต้นเหมือนตอนนี้เริ่มมีคนประท้วงจากปริมาณน้อยและถูกจับ แต่หากมีการสืบทอดอำนาจและไม่ทำตามที่รับปาก ซึ่งตนไม่อยากให้เกิดการนองเลือดอีกครั้ง

ทั้งนี้รัฐธรรมนูญปี 34  ได้ฉายาว่า รัฐธรรมนูญหมกเม็ด จึงไม่อยากให้รัฐธรรมฉบับ 29 มี.ค.59  เป็นดังที่เคยเกิดขึ้นมา มีอะไรควรให้ประชาชนเห็นตรง ๆ   แต่หากร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ผ่านประชามติจะยุ่งไปอีกทาง เรารู้เจตนาคสช.น่าจะอยากให้ผ่านประชามติ เพราะมีการแก้ชั่วคราว 2557  เรื่องประชามติ ซึ่งจะเป็นเครื่องมือของคสช. ตนเชื่อว่าคนจำนวนหนึ่งจะรับและไม่รับ แต่ยังมีคนส่วนใหญ่รอดูวันที่ 29 มี.ค. ว่าจะออกมาอย่างไร จะปรับแก้ตรงไหนโดยเฉพาะประเด็นที่จะทำให้คนไม่รับ   คสช.มีไพ่ในมืออยู่ 3 ใบ แต่ยังไม่ทิ้งมาให้เราเห็น เพราะรอดูกระแสเกี่ยวกับร่างรัฐธรรมนูญก่อน ถ้าเป็นแบบเดิม ไม่มีการปรับแก้ โอกาสที่คนจะไม่รับจะมีมากกว่าและเชื่อว่าจะมีการเสนอทางออกที่แย่กว่าเดิม

นายปริญญา กล่าวต่อว่า เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ เป็นประชาธิปไตยหรือไม่ นายมีชัยบอกรัฐธรรมนูญปราบโกง แต่เครื่องมือในการปราบคอร์รัปชั่นคือ ประชาธิปไตยที่เข้มแข็ง แต่เราเหมือนจะทำในทางที่กลับกันเพราะเรามุ่งปราบคอร์รัปชั่นโดยไม่ใช้เครื่องมือประชาธิปไตยและตนคิดว่า รัฐธรรมนูญที่จะออกมาในวันที่ 29 มี.ค.นี้ ไม่ใช่ประชาธิปไตยอย่างดีแค่กึ่งประชาธิปไตย ร่างรัฐธรรมนูญควรกลับไปสู่ระบบประชาธิปไตย บทเรียนที่หนึ่งประเทศที่ถูกแบ่งเป็น 2 การปกครอง ฟากหนึ่งประชาธิปไตย อีกฟากหนึ่งเผด็จการ ดูว่าสุดท้ายฝ่ายไหนชนะ มาตรา  44 คือ การไม่แบ่งแยกอำนาจ ไม่มีนิติบัญญัติ บริหารและตุลาการ ทางที่ดีสุดคือให้อำนาจ 3 ฝ่ายถ่วงดุลกัน

อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเราถือว่าเป็นประเทศที่เป็นประชาธิปไตยระดับปานกลาง ไม่ได้แย่ถึงขนาดต้องรอใครมาดูแลเปลี่ยนผ่าน 5 ปี และเคยเป็นประชาธิปไตยมาก่อน ทางที่ดีที่สุดคือคสช.ทำตามโรดแมป คสช.ไม่ควรได้ประโยชน์จากร่างรัฐธรรมนูญ เพราะจะถูกเชื่องโยงทันทีกับการสืบทอดอำนาจ คสช.ทำเพื่อส่งต่อบ้านเมืองไม่ใช่ให้ตัวเอง ในบทเฉพาะกาลไม่ควรมีอะไรที่คสช.ได้ประโยชน์ เพราะถ้ามีส่วนได้เสียจะกลายเป็นคู่ขัดแย้ง

ขณะที่นายเสรี กล่าวว่า  การเมืองที่ผ่านมาไม่ใช่การเมืองสร้างประเทศ มีแต่เรียกร้องหาผลประโยชน์ ทางออกตอนนี้รัฐธรรมนูญที่เรากำลังจะเขียนต้องเอาสภาพความเป็นจริงเข้ามาบัญญัติว่าเป็นอย่างไร นักการเมืองเรามีคุณภาพถึงระดับหรือไม่ เป็นที่ยอมรับเสียสละอย่างจริงจังหรือยัง ต้องปฏิรูปนักการเมืองให้มีมาตรฐานก่อน ถ้าไม่เช่นนั้นจะต่างอะไรกับให้คนมาสืบทอดอำนาจ  ถ้าบ้านเมืองยังไม่สงบร่มเย็น การแก่งแย่งอำนาจรัฐให้มาอยู่มือ นี่คือสิ่งที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์ เรามองในภาพลักษณ์ที่ดูดีเป็นสากล แต่การเมืองเรายังไม่ก้าวไปถึงจุดนั้น ปัจจุบันเเป็นช่วงสำคัญเราสามารถเลือกผลส้มที่ดีเก็บไว้ที่เน่าเอาออก แม้ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารแต่ต้องแก้ปัญหาตามความเป็นจริง

ทั้งนี้การสืบทอดอำนาจไม่ควรมีในร่างรัฐธรรมนูญ เมื่อตอนนี้มีอำนาจอยู่แล้วก็ใช้อำนาจนั้นแก้ปัญหาต่อไป ข้อเสนอเหล่านั้นควรอยู่ที่บทเฉพาะกาลเพื่อแก้ไขปัญหาช่วงเปลี่ยนผ่าน เช่น ลองให้เลือกตั้งส.ส.โดยดำรงตำแหน่งวาระละ 2 ปี แบ่งเป็น 2 วาระ เมื่อเลือกตั้งแล้วให้ดูว่าสิ่งที่บัญญัติมาจะส่งผลอย่างไร เพราะไม่รู้ว่ากลไกที่วางไว้จะแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ ต้องทดลองใช้จริงโดยที่ยังไม่ต้องให้มีรัฐบาล แต่ให้คสช.อยู่ในตำแหน่งคอยตรวจสอบว่าสิ่งที่บัญญัติมาเป็นไปถูกต้องหรือไม่ ซึ่งจะไม่ถูกครหาว่าเป็นรัฐบาลซ้อนรัฐบาล นอกจากนี้ส.ว.มาจากการสรรหา แต่อย่าให้มีอำนาจมากเกินไป ช่วงเปลี่ยนผ่านต้องเขียนในบทเฉพาะกาลให้ชัดแล้วให้ประชาชนตัดสิน อยากให้ร่างนี้ผ่านการทำประชามติแล้ว ทำประชามติเฉพาะในบทเฉพาะกาล

ด้านนายอุดม กล่าวว่า  รัฐธรรมนูญไม่ได้ย่ำที่เดิม ผู้ร่างรัฐธรรมนูญทุกฉบับเป็นความคาดหวังของสังคม มีทั้งหวังจะโจมตีหรือหวังเห็นความก้าวหน้า เราติดหล่มประชาธิปไตยแบบตะวันตก คิดว่าการเลือกตั้งคือทางออก ถ้าประชาชนได้เลือกตั้งผู้แทนแล้วปัญหาจะคลี่คลาย แต่ไม่ใช่ ทำไมคสช.ถึงถูกมองว่าอยากสืบทอดอำนาจ เพราะเห็นว่านักการเมืองมีพฤติการณ์อย่างไรและข้อกล่าวหาว่ารัฐธรรมนูญที่จะออกมา 29 มี.ค. เป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ ก็เป็นเรื่องของทัศนะ เป็นวิธีคิดที่ไม่เหมือนกัน รัฐธรรมนูญที่ยาวเกินไปทำให้ทะเลาะกันทุกเรื่อง เรามองว่าบางเรื่องเขียนได้ แต่บางเรื่องถ้าเขียนไว้บางส่วนอาจกระดิกไม่ได้ แต่เขียนไปเขียนมาอาจยาวเหมือนเดิมเพราะโดนวิจารณ์เยอะ

ทั้งนี้การร่างรัฐธรรมนูญขณะนี้มี 2 ส่วน ส่วนแรกเกี่ยวข้องกับสิทธิหลักประกันของประชาชน ที่แก้ไปเยอะแล้วในขณะนี้ ส่วนที่ 2 คือเรื่องสถาบันการเมือง โครงสร้างอำนาจและการปฏิรูป แต่กุญแจที่ทุกคนให้ความสนใจอยู่แค่เพียงบางจุด อย่างบัตรเลือกตั้งใบเดียวหรือ 2 ใบ เรื่องของส.ว. จากเดิมที่ไม่มีใครเพ่งเล็งพอมีเรื่องเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ว่าสืบทอดอำนาจหรือไม่

ฝ่ายรัฐบาลบอกว่า ส.ว. มีไว้ค้ำประกันว่าสิ่งที่ดีในรัฐธรรมนูญจะถูกแก้จากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แต่ไม่ได้มีอำนาจมากขนาดนั้น กรธ.รับฟังมากเข้าจึงยังไม่ได้คิดอะไร แต่ละฝ่ายมีความเห็นแตกต่างกัน สิ่งที่ควรกังวลคือเราจะสร้างการเมืองที่มีความมั่นคงไม่แตกแยกได้อย่างไร สังคมประชาธิปไตยต้องแตกแยกหรือไม่

อย่างไรก็ตามความขัดแย้งในสังคมปัจจุบัน คู่ขัดแย้งไม่ใช่อำนาจรัฐกับประชาชน แต่เป็นประชาชนกลุ่มต่างๆ กลุ่มอนุรักษ์และกลุ่มทุน  ซึ่งทหารก็คิดตัวเองเป็นอีกกลุ่มหนึ่ง   ซึ่งกลุ่มที่พูดถึงประชาธิปไตยก็ไม่พูดเลยเรื่องการทุจริตหรือไม่ทุจริต  กลุ่มอนุรักษ์ก็เป็นผู้ถืออำนาจอยู่แล้ว เราพยายามสร้างกติกาให้คน 2 กลุ่มมีพื้นที่ร่วมกันมากขึ้น ไม่ทะเลาะกันเป็นกีฬาสีเหมือนที่ผ่านมา

Leave a comment