เตือนระเบิดเวลาเศรษฐกิจโลก

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/591490

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 16 มี.ค. 2559 05:01

 

ดร.โกร่งแนะรับมือโตชะงัก-กับดักสภาพคล่อง

นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานกรรมการบริหารบริษัท ดั๊บเบิ้ลเอ (1991) จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงวิกฤติเศรษฐกิจจากธนาคารยุโรป และสหรัฐฯ ซึ่งมีผลกระทบต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ว่า

เศรษฐกิจของยุโรปยังคงเป็นปัญหาที่หนักหน่วงอย่างมาก จนกำลังจะเป็นปัญหาที่กระทบต่อเสถียรภาพของสถาบันการเงินอย่างธนาคารพาณิชย์ โดยหนี้สินจึงเป็นปัญหาสำคัญที่สุดในสหภาพยุโรปอยู่ในปัจจุบัน ปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่ธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ต้องออกมาตรการควบคุมธุรกิจการปล่อยสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ในสหภาพยุโรปอย่างเข้มงวด โดยธนาคารกลางยุโรปออกมาตรการต่างๆเข้ามาควบคุมการปล่อยสินเชื่อโดยเพิ่มสัดส่วนการสำรอง และออกมาตรการตามกฎของบาเซิล 3 อย่างเคร่งครัด กล่าวคือ การตั้งสำรองเต็มจำนวนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล) และแม้แต่หนี้ที่ยังไม่เสียแต่ฐานะการเงินแย่ลง ก็ต้องเริ่มตั้งสำรองในส่วนนี้ด้วย

นายวีรพงษ์กล่าวต่อว่า ในเวลาเดียวกันธนาคาร กลางยุโรปตัดสินใจเพิ่มปริมาณเงินโดยการซื้อสินทรัพย์ที่มีปัญหาหรือคาดว่าจะมีปัญหา และอาจจะนำออกประมูลขายในตลาดโดยการลดมูลค่าของสินทรัพย์เหล่านั้น เพื่อให้พ้นภาระของธนาคารพาณิชย์ อย่างไรก็ตาม ธนาคารพาณิชย์ต้องตั้งสำรองเต็มตามจำนวนหนี้ในราคาที่ซื้อลด ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ต้องลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากลงจนเข้าใกล้ศูนย์ หรือติดลบ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

ขณะเดียวกันเงินที่ธนาคารพาณิชย์ตั้งสำรอง เมื่อนำมาฝากกับธนาคารกลางก็กลับต้องเสียดอกเบี้ย หรือได้ดอกเบี้ยในอัตราที่ต่ำมาก ทำให้ไม่ เหลือสภาพคล่องเพื่อปล่อยให้กับลูกค้า ดอกเบี้ยเงินกู้ จึงสูงขึ้นเป็นการบีบให้สินเชื่อเพื่อการลงทุน และการ บริโภคหดตัวลง เป็นสาเหตุที่ทำให้เศรษฐกิจไม่สามารถขยายตัวได้ แต่ธนาคารพาณิชย์มั่นคงไม่ล้ม แต่ไม่พ้นที่ธนาคารพาณิชย์ในยุโรปต้องประกาศเพิ่มทุน เป็นเหตุให้ราคาหุ้นร่วงลงอย่างรวดเร็ว

สำหรับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ปัญหาหนี้เสียของธนาคารพาณิชย์ก็เริ่มมีความกังวลกันมากขึ้น เริ่มมีความคิดว่าขนาดของธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐอเมริกานั้นใหญ่เกินไปทำให้การบริหารไม่คล่องตัว มีขั้นตอน ยืดยาวเหมือนระบบราชการ จึงมีความคิดว่าน่าจะผ่าธนาคารพาณิชย์ในสหรัฐฯซึ่งมีขนาดใหญ่ แต่มีจำนวนไม่มากให้เป็นธนาคารขนาดเล็กแต่มีจำนวนมากขึ้น เพื่อให้ถ้าธนาคารจะล้มก็ล้มบางส่วนที่แยกออกไป ยังเหลือบางส่วนที่เป็นธนาคารขนาดเล็ก

การที่สหรัฐฯพยายามเพิ่มปริมาณเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นเพื่อให้ค่าเงินอ่อนลงเมื่อเทียบกับเงินยูโร และเงินหยวนของจีน แต่ความพยายามนั้นดูเหมือนไม่สู้จะประสบความสำเร็จเท่าใดนัก เพราะเงินยูโรอ่อนค่าลงตามภาวะเศรษฐกิจของยุโรป แต่เศรษฐกิจของสหรัฐฯฟื้นตัว พร้อมๆกันนั้น อัตราการว่างงานในสหรัฐฯลดลงตามลำดับ ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ลังเลไม่กล้าชี้นำดอกเบี้ยนโยบายตามกำหนด เพราะจะกระทบกับยุโรปและจีนมากกว่าที่คิดไว้ เงินที่ไหลไปสหรัฐฯจึงไหลกลับออกมาที่เอเชีย เกิดความผันผวนจนหลายคนคิดว่าจะเกิดความรุนแรงในตลาดเงิน

“ความผันผวนดังกล่าวหวนมากระทบถึงผล ประกอบการ และความมั่นคงของธนาคารพาณิชย์ในยุโรปอย่างหนัก ทุกคนจึงจับตาดูอยู่ว่าวิกฤติหนี้ของธุรกิจ และหนี้สาธารณะของรัฐบาลบางประเทศ เช่น อิตาลี สเปน โปรตุเกส กรีซ และไอร์แลนด์ จะพัฒนาไปทางใด หรือจะกลายเป็นลูกระเบิดสำหรับเศรษฐกิจของยุโรปหรือไม่ วิกฤตการณ์ค่าเงินรูเบิ้ลของรัสเซียจะลุกลามมาที่สหภาพยุโรปหรือไม่ แต่ราคาน้ำมันลดลงมีส่วนช่วยพยุงเศรษฐกิจยุโรปไว้ได้มาก”

ทั้งนี้ ปัญหาของธนาคารในยุโรปพร้อมๆกับการลดการขาดดุลงบประมาณทำให้การขยายตัวทางเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาไม่ยั่งยืน ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ไม่ว่าจะเป็นที่ ฮ่องกง สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย รวมทั้งประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน เพราะการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์เป็นไปได้ยากมาก เพราะธนาคารพาณิชย์ในประเทศเหล่านี้ระมัดระวังตัวมากเป็นพิเศษกลายเป็นสถานการณ์ธนาคารไม่ปล่อยสินเชื่อ เศรษฐกิจจึงชะลอตัวลงเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัวลงธนาคารยิ่งไม่ปล่อยสินเชื่อกลายเป็น “กงเกวียนกำเกวียน”

“สิ่งที่เกิดขึ้นในระยะต่อไป คือ อัตราการขยายตัวเศรษฐกิจที่ต่ำ สินเชื่อไม่ขยายตัว ธนาคารพาณิชย์ในยุโรป และเอเชียตะวันออกกลายเป็นกับดักสภาพคล่องไปหมด จึงเป็นหน้าที่ของรัฐบาลโดยธนาคารรัฐ เช่น ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน อาจจะต้องเป็นผู้ปล่อยสินเชื่อแทนธนาคารเอกชน อาจจะโดยการชดเชยของรัฐบาลและรัฐบาลต้องพร้อมจะเพิ่มทุนให้ เพราะธนาคารเอกชนไม่พร้อมที่จะเพิ่มทุนในสภาวะตลาดหุ้นที่ค่อนข้างซบเซาอยู่ในขณะนี้”

ขณะที่โครงการลงทุนในเรื่องการขนส่งทั้งทางบก น้ำ อากาศ ถ้าเร่งรัดได้ก็ควรจะรีบให้เร็วที่สุด ขณะเดียวกันไม่ควรกู้เงินจากต่างประเทศ แต่ควรใช้เงินบาทภายในประเทศ ดอกเบี้ยที่รัฐบาลจ่ายจะได้อยู่ภายในประเทศ เป็นการช่วยผู้ออม และธนาคารพาณิชย์ของไทย เงินบาทก็จะไม่แข็ง เพื่อช่วยการส่งออกไปในตัวด้วย

“เราทำเช่นนี้ได้ เพราะเรามีทุนสำรองระหว่างประเทศในระดับที่สูงมาก ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุล อาการกับดักสภาพคล่องของธนาคารในยุโรป และเอเชีย ยกเว้นจีนและญี่ปุ่นจะเป็นอุปสรรคการขยายตัวทางเศรษฐกิจอาจจะกินระยะเวลายาว 3-5 ปี และขณะนี้ยังไม่เห็นสัญญาณว่าจะสิ้นสุดเมื่อใด สถานการณ์อย่างนี้อย่าไปโทษนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ กันเลย”.

Leave a comment