‘แจส’ ทิ้งคลื่น4จี ไม่จ่าย ‘7หมื่นล้าน’

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/594287

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 22 มี.ค. 2559 05:45

 

เบี้ยวงวดแรก! กสทช.จี้เอาผิด

รอจนหมดเวลา สุดท้าย “แจส โมบาย” ก็เบี้ยวไม่โผล่มาจ่ายค่าประมูลคลื่น 4 จี งวดแรก 8 พันกว่าล้านบาท พร้อมแบงก์การันตีมาวางค้ำประกัน แถมตัวผู้บริหารหายเข้ากลีบเมฆ ส่งผลให้โดนยึดหลักทรัพย์ค้ำประกัน 644 ล้านบาท ตามด้วยถูกฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ด้าน กสทช.ทำหนังสือถึง “ประยุทธ์” ขอความเห็นพร้อมเสนอ 2 แนวทาง จัดประมูลคลื่นใหม่ ตั้งราคาประมูลเริ่มต้น 7.5 หมื่นล้านบาท เท่าที่เจ้าเดิมได้ไป หรือเรียกผู้ชนะอันดับ 2 และ 3 มาเจรจาต่อรอง ขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารเด้งแรงท้ายตลาด หลังค่ายเบอร์ 4 ไม่มีสิทธิแจ้งเกิด

หลังจากปล่อยให้ผู้คนลุ้นระทึกกันมานานแรมเดือนกับกรณีบริษัทแจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ที่เบียดชนะบริษัทสื่อสารยักษ์ใหญ่จนเอาชนะการประมูลคลื่น 4 จี ความถี่ 900 เมกะเฮิรตซ์ (MHz) ไปได้ด้วยเม็ดเงินที่สูงกว่า 75,654 ล้านบาท คู่กับ บริษัททรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล จำกัด ในเครือทรู ล่าสุด แจส โมบายก็ทำคนไทยผิดหวังไปตามๆ กัน เพราะไม่สามารถนำเงินมาจ่ายค่าธรรมเนียมประมูล งวดแรกจำนวน 8,040 ล้านบาท รวมถึงแบงก์การันตี หรือหนังสือค้ำประกันจากสถาบันการเงิน วงเงิน 75,654 ล้านบาท มามอบให้กับสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ตามกำหนดเส้นตายวันสุดท้ายเมื่อวันที่ 21 มี.ค.

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 21 มี.ค.อันเป็นวันสุดท้ายที่บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ จำกัด ผู้ชนะประมูล 4 จี คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ ในคลื่นชุดที่ 1 ย่าน 895-905 คู่กับ 94-950 เมกะเฮิรตซ์มูลค่า 75,654 ล้านบาท ต้องมาชำระเงินตามกำหนด 90 วันหลังการประมูล แต่ในที่สุดแจสก็ไม่มาชำระเงินค่าประมูล 4 จี ซึ่ง กสทช.ได้รายงานให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้รับทราบเรียบร้อยแล้ว ขณะที่บรรยากาศตลอดวันมีสื่อมวลชนจำนวนมากมาเฝ้ารอทำข่าว และในเวลา 16.00 น. คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (กทค.) ได้ประชุมด่วน เพื่อหารือถึงแนวทางกรณีที่แจสไม่มาชำระเงินอย่างเป็นทางการ เนื่องจาก กสทช.ให้เวลาสิ้นสุดถึง 16.30 น.

จากนั้นเวลา 16.40 น. บอร์ด กทค.นำโดย พ.อ.เศรษฐพงค์ มะลิสุวรรณ รองประธาน กสทช.ในฐานะประธานบอร์ด กทค. พร้อมกรรมการ กสทช. ประกอบด้วยพลเอกสุกิจ ขมะสุนทร นายประเสริฐ ศีลพิพัฒน์ น.พ.ประวิทย์ ลี่สถาพรวงศา และนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช. นายก่อกิจ ด่านชัยวิจิตร รองเลขาธิการ กสทช. สายงานโทรคมนาคม จึงร่วมกันแถลงข่าวอย่างเป็นทางการ โดย พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าวว่า เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าแจสไม่มาชำระเงินค่าประมูล ดังนั้น บอร์ด กทค.ถือเป็นเรื่องเร่งด่วนที่จะต้องสร้างความชัดเจนให้ประชาชนได้รับทราบ เบื้องต้นได้มีมติไปแล้วเมื่อวันที่ 3 ก.พ.59 กรณีแจสไม่มาชำระเงิน ดังนี้ 1.หากจะเปิดประมูลใหม่ ราคาต้องเท่ากับราคาที่แจสประมูลชนะที่ 75,654 ล้านบาท 2. เปิดโอกาสให้ผู้ชนะประมูลที่ชำระเงินแล้ว ให้มีสิทธิเข้าร่วมประมูลได้ เพื่อให้มีผู้เข้าประมูลหลายราย ซึ่งจะก่อให้เกิดการแข่งขัน 3.หากไม่มีผู้ใดสนใจเข้าร่วมประมูล กสทช.จะเก็บคลื่นดังกล่าวไว้ไม่น้อยกว่า 1 ปี 4.ยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันซึ่งเป็นเช็คเงินสดราว 644 ล้านบาททันที รวมถึงต้องฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดขึ้น ทั้งจากค่าใช้จ่ายในการจัดการประมูล 4 จีที่ผ่านมา

“กรณีแจสไม่มาชำระเงินนั้น ถือเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบทุกด้านทั้งประเด็นกฎหมาย และผลประโยชน์ของประเทศและประชาชนเป็นหลัก โดยจะมีการพิจารณารายละเอียดอีกครั้งในวันที่ 23 มี.ค.นี้ ส่วนกรณีที่ถามกันว่าราคาแพงมากเกินไปจนผู้ชนะประมูลไม่สามารถมาชำระเงินได้นั้น เป็นหน้าที่ของผู้ชนะประมูล กสทช.ถือว่าทำหน้าที่ดีสุดแล้ว ทำอย่างโปร่งใส ส่วนคำถามว่า มีประเทศใดในโลกที่เคยประสบปัญหาเช่นไทย เบื้องต้น ไม่ทราบ แต่เท่าที่ทราบประมูลไปแล้ว เจ๊งในระหว่างประกอบกิจการ และที่ประเทศเช็ก สโลวะเกีย ประมูลสูงเกินไป ก็สั่งให้หยุดประมูล” พ.อ.เศรษฐพงค์กล่าว

ด้านนายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เลขาธิการ กสทช.กล่าวว่า สำนักงาน กสทช.ต้องเตรียมการจัดการประมูล 4 จีต่อไปตามขั้นตอนของกฎหมาย คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการเตรียมการราว 4 เดือน และยึดเช็คเงินสด ซึ่งเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันของแจส 644 ล้านบาททันที และเรียกร้องค่าเสียหายที่เกิดจากค่าใช้จ่ายในการประมูล 4 จี วงเงิน 160 ล้านบาท ส่วน ที่สองเป็นค่าเสียโอกาส เพราะประเทศชาติไม่ได้รับประโยชน์ โดยจะส่งเรื่องให้คณะอนุกรรมการกฎหมาย และจะเชิญสำนักงานกฤษฎีกา กระทรวงการคลังมาร่วมหารือเพื่อพิจารณารายละเอียดและวิเคราะห์ความเสียหาย และจะรายงานให้ทราบเป็นระยะ เพื่อ ความโปร่งใส

นอกจากนี้ ยังจะเสนอแนวทางเลือกให้รัฐบาลพิจารณาเป็นอีกหนึ่งทางเลือก คือ การเลือกผู้ชนะ ประมูล 4 จี อันดับ 2 และ 3 มาเจรจาต่อรองราคาตามลำดับ ซึ่งอาจเป็นราคาเดียวกันกับแจสได้เสนอราคาไว้ โดยแนวทางนี้จะเสนอนำไปหารือในที่ประชุมบอร์ด กทค. วันที่ 23 มี.ค.นี้ และหลังจากนั้นจะนำผลสรุปและแนวทางต่อไปจากกรณีแจสไม่มาชำระเงิน รายงานให้นายกรัฐมนตรีรับทราบภายในสัปดาห์นี้

นายอุตตม สาวนายน รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการโรดโชว์ที่ประเทศเกาหลีใต้ ร่วมกับคณะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ถึงกรณีแจส โมบาย ไม่มาจ่ายเงินค่าประมูลคลื่นความถี่ 4 จี ว่า กรณีผู้ชนะประมูลไม่มาชำระเงินไม่มีผลกระทบต่อการพัฒนาดิจิตอลระยะยาวของไทย เชื่อว่าจะมีเอกชนที่สนใจคลื่นความถี่ดังกล่าวเพราะการขยายตัวของความต้องการด้านดิจิตอลและการสื่อสารมีความชัดเจนตามแนวโน้มของการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม ขณะที่เรื่องในแง่ของความเชื่อมั่นต่อการประมูลครั้งต่อไป ไม่น่าเกิดเหตุซ้ำ และกรณีที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ น่าจะทำให้ผู้ที่จะสนใจเตรียมความพร้อมให้รัดกุม ขณะที่คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคม (บอร์ด กทค.) จะหารือภายในวันพุธที่ 23 มี.ค.นี้ เชื่อว่าจะมีความชัดเจนในเรื่องของเงื่อนไขการเปิดประมูลครั้งใหม่ ขณะที่ตนเองคงได้ต้องไปหารือกับ กสทช.ด้วย

ด้านนายลาร์ส นอร์ลิ่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทโทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า นี่เป็นสถานการณ์ที่มีผลกระทบอย่างมาก เป็นประวัติการณ์ของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ซึ่งต้องพิจารณาร่วมกันหาทางออกอย่างรอบคอบที่สุด เพื่อความยุติธรรมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ในความเห็นของดีแทค หากมีการจัดการประมูลอีกครั้ง ควรจะต้องนำคลื่น 900 ช่วงที่ 1 มาประมูลใหม่ตามเงื่อนไขเดิมของ กสทช. ซึ่งยังมีผลใช้บังคับ รวมทั้งกำหนดราคาประมูลเริ่มต้น 12,800 ล้านบาทเท่าเดิม ซึ่งจะเป็นราคาที่นำไปสู่การสะท้อนมูลค่าคลื่นความถี่ที่แท้จริง

ขณะที่นางวิไล เคียงประดู่ ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการอาวุโส ส่วนงานประชาสัมพันธ์ บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือเอไอเอส ในฐานะผู้เข้าประมูลที่เสนอราคามาเป็นอันดับ 2 สำหรับการประมูลคลื่น 900 ในลอตที่ 2 ซึ่งทรูเป็นผู้ชนะไป เปิดเผยว่า บริษัทคงต้องรอดูว่า จากนี้ต่อไป กสทช.จะมีแนวทางในการดูแลจัดการเกี่ยวกับคลื่น 900 ที่ว่างอยู่อย่างไร โดยต้องรอดูราคาประมูลและเงื่อนไขต่างๆ จากทาง กสทช.ว่าจะมีการกำหนดรูปแบบและวิธีการอย่างไร

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ก่อนหน้านี้ นายสมชัย เลิศสุทธิวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเอไอเอส เคยให้สัมภาษณ์หลังพลาดประมูลใบอนุญาต ระบุสถานการณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว และเอไอเอสได้เดินหน้าทำธุรกิจบนเงื่อนไขที่ไม่มีคลื่นความถี่ 900 ไปแล้ว จึงต้องดูว่าราคาประมูลหากมีการเปิดรอบใหม่ จะดึงดูดใจหรือไม่ เนื่องจากที่ยอมแพ้ ก็เพราะเห็นว่าราคาสูงเกินไป

ส่วนนายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานคณะผู้บริหาร บริษัททรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คาดว่าจะมีการประมูลใหม่ในเร็วๆนี้ มิเช่นนั้นทรูจะเป็นผู้ให้บริการราย เดียวที่มีคลื่น 900 โดยจะบุกตลาด ลงทุนเต็มที่บนคลื่น 900 ที่เป็นเจ้าของอยู่

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากรู้แน่ชัดแล้วว่า แจส โมบาย ผิดนัดชำระเงิน ก็ได้พยายามติดต่อไปทางแจส โมบาย รวมทั้งบริษัทจัสมิน ในฐานะบริษัทแม่ ปรากฏผู้บริหารไม่สามารถติดต่อได้ บางรายปิดมือถือ อย่างไรก็ตาม จากการสอบถามในวันดังกล่าว นายพิชญ์ โพธารามิก ซีอีโอแจสโมบาย ไม่ได้เข้ามาทำงานที่ตึกจัสมินแต่อย่างใด

สำหรับการประมูล 4 จี คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์จำนวน 20 เมกะเฮิรตซ์ แบ่งเป็น 2 ใบอนุญาต ใบละ 10 เมกะเฮิรตซ์ โดยชุดแรกคลื่นย่าน 895-905 ใช้คู่กับ 940-950 เมกะเฮิรตซ์ ผู้ชนะประมูลคือ แจส โมบาย โดยบริษัท ดีแทค ไตรเน็ต เน็ตเวิร์ค จำกัด ในเครือบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค เสนอราคา 70,180 ล้านบาท

ส่วนคลื่นชุดที่ 2 ย่าน 905-915 คู่กับ 940-950 เมกะเฮิรตซ์ บริษัท ทรูมูฟ เอช ยูนิเวอร์แซล จำกัด ผู้ชนะประมูลในราคา 76,298 ล้านบาท ซึ่งได้มาชำระเงินและรับใบอนุญาตเป็นที่เรียบร้อย แข่งกันกับบริษัท แอดวานซ์ ไวร์เลส เน็ตเวอร์ค จำกัด ในเครือบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเสนอราคาไว้ที่ 75,976 ล้านบาท โดยการประมูลคลื่นครั้งดังกล่าว สร้างสถิติยาวนาน เริ่มเคาะราคาในเวลา 09.00 น. ของวันที่ 15 ธ.ค.58 ไปสิ้นสุดการเคาะราคาในเวลา 00.30 น. ของวันที่ 19 ธ.ค.58 หรือ 4 คืน 5 วัน

ด้านความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นสื่อสารตลอดทั้งวันที่ 21 มี.ค. หุ้นในกลุ่มสื่อสาร ต่างปรับตัวขึ้นแรงตลอด ทั้งในส่วนของหุ้น บมจ.จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล (JAS) ที่ถูกจับตามองมากที่สุด หรือหุ้นของบริษัทสื่อสารรายอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นดีแทค (DTAC) เอไอเอส (ADVANC) ทรู (TRUE) ที่ต่างปรับตัวขึ้นแรงเช่นกัน โดยเฉพาะในช่วงท้ายตลาดก่อนเส้นตายที่บริษัทแจส โมบาย จะต้องเข้ามาจ่ายเงินประมูล และก่อนปิดตลาดนั้น เมื่อนักวิเคราะห์พากันคาดการณ์ว่าแจสคงจะเบี้ยวไม่เข้ามาจ่ายเงินค่าประมูลแก่ กสทช.แน่ ทำให้มีการเข้าซื้อหุ้นของกลุ่มสื่อสารกันหนาตา ดันราคาหุ้นสื่อสารดีดตัวขึ้นแรงทั้งกระดาน ด้วยนักวิเคราะห์มองว่า หากแจสฯทิ้งใบอนุญาต 4 จี จะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการรายเดิมที่อยู่ในตลาดทั้ง 3 รายที่ไม่ต้องมีผู้ประกอบการ “หน้าใหม่” เข้ามาแข่งขัน และแย่งส่วนแบ่งตลาด ขณะที่ยังเป็นผลดีต่อหุ้น JAS เองด้วย เพราะไม่ต้องเป็นหนี้จากการกู้เงินจำนวนมหาศาลเพื่อนำมาจ่ายค่าใบอนุญาตที่สูงมาก

ทั้งนี้ บล.ทิสโก้ให้ความเห็นผ่านบทวิเคราะห์ออกมาทันทีที่ชัดเจนว่า แจสโมบายฯทิ้งใบอนุญาตแน่ โดยระบุว่าจะส่งผลดีต่อหุ้นในกลุ่มสื่อสาร เพราะทำให้ไม่มีผู้เล่นรายที่ 4 เข้ามาแข่งขัน นอกจากนี้ กทค.เผยว่า หากเปิดประมูลใหม่ต้องใช้ราคาที่ JAS ชนะเป็นราคาเริ่มต้น (75,654 ลบ.) และจะตัดสิทธิ JAS ในการเข้าประมูลอีกครั้ง แต่ไม่ตัดสิทธิรายอื่น ที่เข้าประมูลครั้งก่อน ส่วนการดำเนินการในกรณีที่ไม่จ่ายเงินตามกำหนด จะมีการยึดเงินค้ำประกัน 644 ล้านบาท รวมทั้งเตรียมเรียกค่าเสียหาย JAS และตรวจสอบใบอนุญาตเดิมที่ได้รับจาก กสทช.

ส่วนราคาหุ้น DTAC ปิดที่ราคาสูงสุดของวัน ที่ 42.25 บาท บวก 2.25 บาท เช่นเดียวกับ ADVANC ปิดที่ราคาสูงสุดที่ 177 บาท บวก 6 บาท ส่วน TRUE ปิดที่ราคาสูงสุดของวัน ที่ 8 บาท บวก 0.15 บาท ขณะที่ JAS ปิดที่ 3.68 บาท บวก 0.10 บาท หลังขึ้นไปสูงสุดที่ 3.70 บาท

ต่อมาในช่วงค่ำ นางเกศรา มัญชุศรี กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า ได้ให้ JAS มาชี้แจงข้อมูลแก่นักลงทุน ไม่ว่าบริษัทจะจ่ายหรือไม่จ่ายเงินงวดแรกค่าใบอนุญาต 4 จี คลื่น 900 เมกะเฮิรตซ์ หลังผ่านเส้นตายเวลา 16.30 น. ของวันที่ 21 มี.ค. เพราะถือเป็นประเด็นที่มีนัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจและราคาหุ้นเพื่อความชัดเจน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

– แจสฯ ยังไม่ติดต่อ กสทช. จ่ายค่าไลเซ่นส์ 4จี ขีดเส้นตายถึง 16.30 น.

– ไม่มีเซอร์ไพรส์!! แจส หายเงียบ ไม่มาจ่ายค่าไลเซ่นส์ 4จี

Leave a comment