ไปกิน…”หมึกดุ๊กดิ๊ก” ที่ปูซาน

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/559850

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 9 ม.ค. 2559 05:01

 

เปิดเส้นทางบินตรงจากดอนเมืองสู่อินชอน ประเทศเกาหลีใต้ วันละ 2 เที่ยวบิน สำหรับ สายการบินไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์…สายการบินราคาประหยัดที่ให้บริการเส้นทางการบินระยะไกล สายการบินแรกของประเทศไทย

เที่ยวบินที่ XJ700 ออกจากดอนเมืองตีสองยี่สิบนาที ถึงอินชอน 09.40 น. ตามเวลาเกาหลีใต้ ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง

ปลาหมึกตัวโตที่สับใส่ปากแล้วยังดินดุ๊กดิ๊ก

ตามแผนเดิมคือเราต้องนั่งรถไฟ AREX หรือแอร์พอร์ต เรลโรด เอ็กซ์เพรส ต่อไปยังสนามบินกิมโปเพื่อขึ้นเครื่องบินในประเทศไปเมืองปูซาน เมืองท่าสำคัญที่สุดของเกาหลีใต้ และเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของเกาหลีใต้รองจากกรุงโซล แต่เนื่องจากเราใช้เวลาต่อคิวในการตรวจเอกสารเข้าเมืองค่อนข้างนานจึงต้องเปลี่ยนแผนเป็นนั่งรถบัสจากสนามบินอินชอนไปยังสนามบินกิมโปแทน

ราว 1 ชั่วโมงเราก็มาถึงสนามบินกินแฮในเมืองปูซาน อากาศในช่วงบ่ายค่อนข้างอุ่นสบายไม่ร้อนไม่หนาวจนเกินไป “พิณ” ไกด์สาวชาวเกาหลีที่พูดไทยได้ชัดเจน นำเสนออาหารมื้อกลางวันแบบเร่งรัดที่ร้านบุฟเฟ่ต์บลูโกกิที่ ตลาดปลาชากัลชิ ซึ่งเป็นตลาดค้าปลาและอาหารทะเลที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออก และยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของปูซานด้วย

สุกี้ซีฟู้ด

หลังอิ่มอร่อยกับหมูย่างรสเลิศแล้ว ก็ได้เวลาออกไปเดินชมตลาดปลาซึ่งตั้งอยู่บริเวณท่าเรือ ซึ่งท่าเรือที่ปูซานนี้ ถือเป็นท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดของเกาหลีและเป็นท่าเรือที่ใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก

บรรยากาศในตลาดค่อนข้าง คึกคัก แม่บ้านเกาหลีเริ่มออกมาจับจ่ายเลือกซื้ออาหารทะเลทั้งแบบสดๆและแบบแห้งจากร้านแผงลอยขนาดเล็กที่ตั้งเรียงรายสองฝั่งถนน อาหารทะเลสดๆถูกลำเลียงออกมาจัดวางให้ดูน่ากิน มีทั้งปูอลาสก้า ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้ามาจากรัสเซีย กุ้งตัวโตๆไปจากเมืองไทย ส่วนกุ้งมังกรอย่างล็อบสเตอร์ถูกส่งมาจากแคนาดา ส่วนปลาหมึกยักษ์ตัวใหญ่ๆนำเข้ามาจากเปรูเป็นส่วนมาก

ภาพบ้านที่หมู่บ้านคัมชอนอดีตและปัจจุบัน

พิณ บอกว่า ทุกวันจะมีเรือจากรัสเซีย จีน ไทย ญี่ปุ่น และประเทศแถบอเมริกาใต้เข้ามาที่ท่าเรือแห่งนี้ตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะในช่วงเช้า ส่วนอาหารทะเลขึ้นชื่อที่เป็นของเกาหลีจริงๆ ส่วนใหญ่จะเป็นพวกหอย ปลาหมึก และปลาทะเลหลากหลายชนิด รวมถึงปลาไหลทะเลด้วย

พูดถึงปลาหมึก มาถึงแหล่งอาหารทะเลขึ้นชื่อของเกาหลีอย่างปูซานแล้ว ต้องไม่พลาดเมนูเด็ดอย่าง “ซันนักจี” (Sannakji) หรือ ปลาหมึกดุ๊กดิ๊ก เมนูที่ชาวเกาหลีนิยมรับประทานกันมาก

หลายคนอิดออดตอนที่แม่ค้าสับปลาหมึกแล้วตัวมันยังดิ้นดุ๊กดิ๊กๆอยู่ แต่พอมีคนแรกนำร่องคีบเข้าปากแล้วบอกว่าอร่อย… เท่านั้นละ ทุกคนก็พร้อมที่จะคีบเจ้าปลาหมึกดุ๊กดิ๊กเข้าปากกันคนละคำสองคำ นี่ถ้ามีน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ดจัดจ้านจากเมืองไทยไปด้วย คงวาง ตะเกียบไม่ลงแน่ๆ

ภาพถ่ายหมู่บ้านคัมชอนมุมสูงจากจุดชมวิว

การกินหมึกดุ๊กดิ๊กหรือซันนักจีนี้ มีเคล็ดลับอยู่บ้างตรงที่ต้องราดน้ำมันงาลงไปในปลาหมึกเพื่อให้เกิดความลื่น คนเกาหลีบอกว่า ความอร่อยของเมนูนี้อยู่ที่ปลาหมึกที่ยังคงดิ้นดุ๊กดิ๊กในปาก เวลากินเขาบอกว่าต้องเคี้ยวให้ละเอียดก่อนค่อยกลืน เพราะไม่เช่นนั้นปุ่มตรงหนวดหมึกอาจจะดูดติดปากหรือคอทำให้สำลักหรือติดคอได้

ท่าทางตื่นเต้นของการคีบหมึกดุ๊กดิ๊กเข้าปาก

นี่ถ้าเป็นช่วงแดดร่มลมตก เห็นทีคงได้นั่งกินหมึกดุ๊กดิ๊กแกล้มโซจูแก้หนาว ได้อารมณ์ฟินทุกๆ ปีในช่วงเดือนตุลาคม จะมีเทศกาลอาหารทะเลที่เรียกว่า เทศกาลชากัลชิ ซึ่งจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวเกาหลีและชาวต่างชาติเดินทางมาร่วมงานนี้เป็นจำนวนมาก ความสนุกสนานเพลิดเพลินอยู่ที่การเดินกินอาหารทะเลสดๆริมถนน ชมการแสดงดนตรี การละเล่นและกิจกรรมต่างๆ คล้ายๆกับงานกาชาดหรืองานเทศกาลของดีอ่างศิลาบ้านเรายังไงยั้งงั้นละ…

อาหารทะเลสดๆ ที่ตลาดปลาชากัลชิ

เราใช้เวลาเดินชมตลาดปลาประมาณ 30 นาที ก็ได้เวลาเดินทางต่อไปยัง “หมู่บ้าน วัฒนธรรมคัมชอน” ซึ่ง การท่องเที่ยวเกาหลีใต้ ต้องการจะประชาสัมพันธ์ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของเมืองปูซาน

จริงๆ แล้วเรามองเห็นหมู่บ้านคัมชอนตั้งแต่ตอนยืนอยู่ตรงท่าเรือแล้ว อาคารสีสันแปลก ตาเบียดแทรกกันอยู่บนภูเขาอีกด้านหนึ่งตรงข้ามกับตลาดชากัลชิ มองไกลๆ เหมือน ตึกในเขาวงกต

ภาพเขียนเจ้าชายน้อยหน้าประตูบ้านที่หมู่บ้านคัมชอน

เรื่องราวของหมู่บ้านคัมชอนในฐานะของแหล่งท่องเที่ยวอาจจะเพิ่งเป็นที่รู้จักไม่นาน แต่จริงๆ แล้ว หมู่บ้านแห่งนี้ถูกค้นพบตั้งแต่เมื่อ 60 กว่าปีก่อน เป็นหมู่บ้านที่ผู้อพยพหนีภัยจากสงครามเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้มารวมตัวอยู่ด้วยกัน ในช่วงเวลานั้นที่นี่ถูกเรียกขานว่าเป็น “สลัม” ด้วยบ้านที่ปลูกติดๆกัน นอกจากผู้อพยพภัยสงครามแล้ว ที่นี่ยังมีนักบวชมารวมอยู่ด้วยกันอีกกลุ่มหนึ่ง จึงมีชื่อเรียกหมู่บ้านนี้อีกชื่อหนึ่งว่า “แทกึกโด” หรือ หมู่บ้านศาสนา

ปูอลาสก้าจากรัสเซีย

แทกึกโด หรือหมู่บ้านคัมชอน ถูกทิ้งร้างให้อยู่ในสภาพทรุดโทรมมานาน กระทั่งผู้นำหมู่บ้านเกิดไอเดียที่จะปรับปรุงหมู่บ้านครั้งใหญ่ ในปี ค.ศ.2009 จึงได้เชิญบรรดาศิลปินนักเรียนและจิตรกรมาช่วยกันตกแต่งหมู่บ้านขึ้นมาใหม่ เพื่อเป็นจุดสนใจและดึงดูดผู้คนให้มาเที่ยวมากขึ้น ศิลปินนับสิบมาช่วยกันตกแต่ง เสริมจินตนาการให้กับหมู่บ้านด้วยสีพาสเทลหลากสีสัน และ รูปปั้นแบบต่างๆ ทั้งรูปปั้นนกบนหลังคา รูปปั้นฝูงปลาบนระเบียงไม้ จนทั่วทั้งหมู่บ้านมีสีสันสดใส และได้รับการขนานนามใหม่ว่า…“ซานโตรีนีแห่งเกาหลี” ที่กำลังได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนหมู่บ้านแห่งนี้มากขึ้นเรื่อยๆ

กุ้งจ่อมสูตรเกาหลี

ออกจากหมู่บ้านคัมชอน เรามีโปรแกรมต้องไปดูพระอาทิตย์ตกที่ Oryukdo Islands Skywalk ซึ่งเป็นสะพานกระจกเหนือหน้าผา มองไปจะเห็นเกาะ Oryuk สัญลักษณ์ของปูซาน ซึ่งน่าเสียดายที่เราไปถึงในช่วงพระอาทิตย์ตกเสียแล้ว เลยได้ชื่นชมแค่บรรยากาศยามค่ำคืนและสายลมทะเลที่พัดเข้าใส่จนหนาวสั่น…

อาหารค่ำในปูซานเป็นสุกี้ซีฟู้ดหม้อโต ที่ดูเหมือนการกินมื้อนี้จะ Slow food เพราะทั้งเพลียทั้งหมดแรง ตื่นขึ้นมาเช้าวันแรกในปูซาน เกือบจำไม่ได้ว่าหลับไปตอนไหน….!!!!

ท่าเรือใหญ่ที่สุดในเกาหลีใต้

Leave a comment