ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/582697
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 27 ก.พ. 2559 05:01

ทอดสายตาจุดชมวิว “เนินนางพญา”
ห้วงเวลาหนึ่ง ถ้าปล่อยให้มือและสมองได้หยุดพัก แล้วพากายและใจไปเสพและสัมผัสธรรมชาติ ชีวิตคงจะดีและมีสีสันไม่น้อย
และทริปนี้ จันทบุรี…หรือชื่อเดิมของเมืองว่า “ควนคราบุรี” คือจุดหมายปลายทางที่เราจะไปปักหมุดบันทึกความประทับใจกับการสัมผัสธรรมชาติ ที่มีการ์ตูนนิสต์ชื่อดัง อย่าง “น้าชัย” หรือ ชัย ราชวัตร เป็นหัวหน้าทัวร์กิตติมศักดิ์นำเที่ยว แค่เริ่มคิดก็สนุกซะแล้ว
รถตู้เคลื่อนพาหนีกรุง มุ่งไปทางด่วนมอเตอร์เวย์ เพียง 2 ชั่วโมงเศษ เราก็ได้ไปเช็กอินที่แรกกันที่ “ชุมชนริมน้ำจันทบูร” ซึ่งเป็นชุมชนเก่าแก่อยู่ติดกับแม่น้ำจันทบุรี มีประวัติยาวนานมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ที่กลุ่มชนชาวจีน ญวน และเวียดนาม อพยพมาตั้งถิ่นฐานริมแม่น้ำจันทบุรี ปัจจุบันยังมีวิถีชีวิตของย่านการค้าเก่าให้เห็นในฐานะเป็นศูนย์การค้าที่รุ่งเรืองมากในอดีต
ชาวบ้านดั้งเดิมยังคงอาศัยปักหลักใช้ชีวิตเรียบง่ายริมฝั่งแม่น้ำ เป็นเสน่ห์ที่ทำให้ที่นี่ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวคลาสสิก ที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้มาเยือนจันทบุรี ยังไม่ทันเริ่มเดินสำรวจ เสียงน้ำย่อยในท้องก็ร้องออกมาพร้อมๆกัน พวกเราเลยลงความเห็นว่า กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ว่าแล้ว หัวหน้าทัวร์กิตติมศักดิ์ ของเรา ก็เดินนำไปยัง “ร้านเจ๊อี๊ด” ร้านก๋วยเตี๋ยวทะเลเลื่องชื่อของชุมชนริมน้ำจันทบูร ที่เปิดขายมานานหลายสิบปี
ทีเด็ดของร้านนี้ที่ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง ก็คือ “เมนูรวมเจ้าสมุทร” ก๋วยเตี๋ยวต้มยำใส่เครื่องทะเลแน่นๆ ทั้งกุ้ง กั้ง ปู ปลาหมึก รวมมาในชามเดียว ราดด้วยน้ำซุปต้มยำรสชาติจี๊ดจ๊าดสะเด็ดยาด ส่วนอีกเมนูที่เด็ดไม่แพ้กัน ได้แก่ “ข้าวหน้าทะเล” เสิร์ฟตามมาติดๆ ข้าวสวยร้อนๆ ใส่เนื้อกุ้ง ปู กั้ง พร้อมน้ำจิ้มซีฟู้ดรสเด็ด ตักราดบนเนื้อทะเลชุ่มๆ บอกได้คำเดียวว่าฟิน
อิ่มหนำสำราญกันแล้วก็ได้เวลาเดินเล่น เลียบริมน้ำจันทบุรี ไปตามถนนสุขาภิบาล ความยาวราว 1 กิโลเมตร สองข้างทางขนาบด้วยบ้านไม้เก่าและตึกปูน สร้างผสมผสานตามแบบสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมไทย จีน ญวณ ฝรั่งเศส มีเอกลักษณ์พิเศษ สังเกตได้จากช่องลม ระเบียง ซุ้มประตู ที่มีลวดลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ ฝีมือการฉลุลายของช่างฝีมือจันทบุรี บางหลังมีการอนุรักษ์ให้สวยงาม บางหลังก็เสื่อมสลายผุพังไปตามสภาพ
และก็เหมือนตลาดเก่าริมน้ำทั่วๆไป ที่บ้านบางหลังเปิดหน้าร้านขายอาหารโบราณ ทั้งผัดไทยโบราณ ไอศกรีมจรวด ขนมไทย ร้านขายสมุนไพรจีน หรือแม้แต่ของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อ เลือกสรรตามความพอใจ อีกส่วนหนึ่ง คนรุ่นใหม่เข้าไปปรับแต่งบ้านเก่าให้เป็นร้านกาแฟ เค้กโฮมเมด ร้านนมสด ฯลฯ
ที่สะดุดตาเห็นจะเป็นบ้านหลังหนึ่ง มีเลขหน้าบ้านว่าเป็นบ้านเลขที่ 69 เป็นบ้านเก่าของขุนอนุสรสมบัติ ปัจจุบันจัดเป็นศูนย์เรียนรู้ชุมชน ริมน้ำจันทบุรี รวบรวมประวัติ ความเป็นมาของย่านเมืองเก่าจันทบุรี ถือเป็นอาคารอนุรักษ์หลังหนึ่งที่สมบูรณ์ที่สุดของชุมชนแห่งนี้ อีกด้านหนึ่งของบ้านเปิดเป็นโรงแรมที่พักให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสบรรยากาศเก่าอย่างเต็มอิ่ม
นอกจากเดินเล่นเพลินๆแล้ว ชุมชนริมน้ำเก่าแก่แห่งนี้ ยังมีจุดถ่ายรูปให้บรรดาชาวอินดี้ และฮิปสเตอร์ได้ลั่นชัตเตอร์กันเพียบ ทั้งมุมกำแพงอิฐเก่า ประตูไม้เก่า ที่มีความพยายามสร้างสรรค์งานศิลปะบนกำแพงบ้านให้คนต่างถิ่นได้โพสท่าถ่ายรูปเก๋ไก๋แบบไม่มีเบื่อหลังเดินจนสุดทาง เราเดินวกกลับมาทางเดิม ข้ามสะพานไม้เล็กๆ ที่เรียกว่าสะพานนิรมล เป็นสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี ไปยัง อาสนวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล หรือ โบสถ์คาทอลิกจันทบุรี สถาปัตยกรรมแบบโกธิคที่เก่าแก่ และงดงามที่สุดในประเทศไทย ภายในตกแต่งด้วยกระจกสีที่เรียกว่า “สเตนกลาส” เป็นภาพนักบุญ อาสนวิหารแห่งนี้ คริสต์ศาสนิกชนได้ร่วมกันสมทบทุนกว่า 10 ล้านบาท จัดสร้างรูปหล่อพระนางมารีอาประดิษฐาน ฝีมือช่างสิบหมู่ กรมศิลปากร ทำด้วยทองคำขาวน้ำหนัก 76 กก. สูง 1.20 เมตร ประดับด้วยพลอยที่นำมาจากทั่วโลก ผสมกับพลอยจันทบุรี โดยช่างต้องทำการฝังทีละเม็ดจนครบ 2 แสนเม็ด รวมทั้งสิ้น 2 หมื่นกะรัต ใช้เวลาสร้างนานถึง 7 เดือน จึงแล้วเสร็จ
ออกจากโบสถ์คริสต์ ไปต่อกันที่ “จุดชมวิวเนินนางพญา” ที่ว่ากันว่า ถ้าไม่มาที่นี่ ก็ไม่ถึงจันทบุรี และเมื่อมาถึงก็จริงอย่างคำคนลือ เพราะกวาดสายตามองไปรอบๆ ต้องยอมสยบให้กับวิวสวยๆ 360 องศา ที่เห็นทั้งถนนเฉลิมบูรพาชลทิตเลียบหาดโค้งตามภูเขา ท้องฟ้าสีคราม น้ำทะเลใสแจ๋ว แถมที่นี่ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของจันทบุรีด้วย
หลังรับลมชมวิวกันหนำใจได้เวลาเดินทางต่อไปยัง อ.ท่าใหม่ เพื่อเสพธรรมชาติ ที่ “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ” ที่นอกจากจะได้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลแล้ว ระหว่างทางเดินศึกษาธรรมชาติของอ่าวคุ้งกระเบน ซึ่งเป็นป่าชายเลน ยังมีต้นไม้นานาพันธุ์ ที่ทำให้บรรยากาศรื่นรมย์ไม่น้อยเลยทีเดียว
เที่ยวแบบเสาะหาสรรสาระหลายก็ได้เวลาเข้าที่พัก คืนนี้น้าชัยนำเสนอ “แรบบิซ ฮิลล์ รีสอร์ท” ซึ่งเป็นรีสอร์ตบนเนินเขาส่วนตัว ตั้งอยู่ที่เขาวงกต อ.แก่งหางแมว ที่นี่มีจุดชมวิวที่เราสามารถมาชมแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์ได้แบบอารมณ์ร่มๆในใจ เห็นนามสกุลเจ้าของรีสอร์ตแล้ว ก็รู้เลยว่าไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นน้องสาวคนสุดท้องของน้าชัย ชื่อ “พี่จ่อย” อรุณี กตัญญุตานันท์ นั่นเองพี่จ่อยบอกว่า ทำรีสอร์ตแห่งนี้ เพราะต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการพักผ่อนแบบปล่อยอารมณ์ให้ผ่อนคลายไปกับธรรมชาติ
ห้องพักของเราคืนนี้ ชื่อว่า “สวีทตี้ บันนี่ พูลวิลล่า” เป็นพูลวิลล่าแบบ 2 ห้องนอน ตั้งอยู่บนเนินเขา มีจากุซซี่ส่วนตัวไว้แช่ผ่อนคลาย หรือถ้าใครไม่อยากแช่ตัวให้ผิวแห้ง ก็สามารถที่จะนอนบนฟูกนุ่มๆ ชมวิวแบบ 180 องศา ของอุทยานแห่งชาติเขาชะเมาได้
ห้องพักของที่นี่มีหลายแบบ สร้างลดหลั่นไปตามสภาพพื้นที่ที่เป็นเนินสูงต่ำ เน้นการดีไซน์แบบเรียบหรู นอกจากพักผ่อนแล้ว ที่นี่ยังมีห้องสำหรับคู่ฮันนีมูน และกิจกรรมหลากหลายทั้งขี่จักรยานเสือภูเขา ให้อาหารกระต่ายในฟาร์ม หรือจะอบสมุนไพรให้สดชื่นก็แล้วแต่ที่สบายใจกันเลย
แล้วก็ถึงเวลาอาหารค่ำ พี่จ่อยลำเลียงเมนูจานเด็ดออกมาให้ชิมไม่ขาดสาย ทั้ง ยำไก่หิมพานต์ ไก่ต้มกระวาน ผัดปลากะพงทอดยำสมุนไพร หมูชะมวง ยำหมูยอ พิซซ่า โฮมเมด ปิดท้ายด้วยของหวานรสเลิศอย่าง “อัฟโฟกาโต” ที่ใช้กาแฟเอสเพรสโซ่เข้มข้นราดใส่ไอศกรีมวานิลลา แถมแต่งลูกเล่นด้วยช็อกโกแลตแท่ง แบบว่า…มันเริ่ดมากจริงๆ
น่าเสียดายที่เวลาดีๆ มักจะอยู่กับเราไม่นาน หลังพักผ่อนสุขกาย อุ่นใจได้ไม่กี่ชั่วโมง ก็ต้องกลับสู่โหมดปกติของชีวิตมนุษย์เงินเดือน
แต่ไม่ว่าจะยังไง เสน่ห์ของจันทบุรีที่ได้มาเยือนคราวนี้ บอกได้เลยว่า ครั้งหน้าจะมาอีก…อดใจรอไม่นาน…!!!









