เที่ยวเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี อลังการน้ำพุดนตรี..สีสันแห่งรัตติกาล

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/585956

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 5 มี.ค. 2559 05:01

 

ทะเลสาบเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี.

ลมหนาวโบกโบยมาทักทายขนาดนี้ ไม่รีบขึ้นเหนือไปสัมผัสอากาศเย็นๆ ก็ดูจะเป็นการปล่อยโอกาสดีๆให้ผ่านเลยไปแบบน่าเสียดาย ว่าแล้ว ทีมเที่ยวตามตะวัน ก็แบกเป้ขึ้นหลัง มุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยการสนับสนุนของ สายการบินแอร์เอเชีย สายการบินราคาประหยัดที่ดีที่สุดในโลก จากความเห็นของนักเดินทางมากกว่า 18 ล้านคนทั่วโลก

เชียงใหม่มีอะไรน่าเที่ยว คำตอบคือ เยอะแยะไปหมด จนเลือกไม่ถูก แต่คราวนี้เราจะไปสัมผัสบรรยากาศเก่าๆ สมัยวัยเด็กที่เคยร้องไห้กระจองอแงขอพ่อแม่ไปเที่ยวเขาดิน วันเสาร์-อาทิตย์นั่นละ…

แสง สี เสียง น้ำพุดนตรี…เทคโนโลยีจากเยอรมนี.

แน่นอนที่สุด ทริปนี้เราจะไปเที่ยว…เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี หลังจากที่ไม่เคยไปเยือนสวนสัตว์กลางคืนแห่งแรกของประเทศไทยมาหลายปี

และเมื่อไปถึงจึงรู้ว่าเราเชยมาเสียนาน เพราะวันนี้ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เขาปรับเปลี่ยนรูปแบบการให้บริการสามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งกลางวัน กลางคืน แม้จะยังคงคอนเซปต์การเป็นสวนสัตว์กลางคืนที่ใหญ่ที่สุดในโลกก็ตาม

“พ่อเพชร” เสือโคร่งขาว ตัวแรกของไนท์ซาฟารี.

ดร.ศราวุฒิ ศรีศกุน ผอ.สำนักงานพัฒนาพิงคนคร (องค์การมหาชน) ซึ่งดูแลเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เปิดบ้านภายในสวนสัตว์ต้อนรับคณะของเราอย่างอบอุ่น พร้อมกับให้ความมั่นใจว่าการมาเที่ยวที่นี่ของเราเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องแล้ว เพราะเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีมีขนาดใหญ่เป็น 2 เท่าของไนท์ซาฟารีสิงคโปร์ เน้นความเป็น Nature Theme Park ซึ่งจะแตกต่างจากสวนสัตว์ทั่วๆไป แม้แต่ซาฟารีในแอฟริกา เพราะที่นี่นักท่องเที่ยวสามารถศึกษาพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้อย่างใกล้ชิด ที่แม้แต่ในแอฟริกาก็อาจจะดูพฤติกรรมของสัตว์ป่าได้ยากกว่าที่นี่

เริ่มทักทายกันตั้งแต่ทางเข้าสวนสัตว์ ที่จัดเป็นลานสัตว์ป่าหิมพานต์ ปลุกเร้าอารมณ์ความสนใจของนักท่องเที่ยวให้ฮึกเหิมประหนึ่งนายพรานกำลังจะเข้าป่าล่าสัตว์ยังไงยังงั้น

กวาง…สัตว์ฝูงใหญ่ที่สุด ที่เป็นมิตรกับนักท่องเที่ยว.

โซนแรกของการสัมผัสบรรยากาศความเป็นซาฟารี เริ่มกันที่โซนที่เรียกว่า สะวันนา ซาฟารี (Savanna Safari) การเข้าชมใช้การนั่งรถลาก (Tram) เปิดโล่งขนาด 50 ที่นั่ง ซึ่งประดับด้วยลวดลายสัตว์ป่าชนิดต่างๆ ซึ่งพอรถเริ่มขยับเราก็เริ่มเห็นเจ้ากวางน้อยเป็นร้อยๆตัววิ่งไล่กันอยู่ใกล้ๆ ไม่กลัวคน

ไปอีกสักพัก ก็เจอทั้งยีราฟ ม้าลาย เดินเข้ามาทักทายแบบเป็นมิตร รวมทั้งเจ้าจิงโจ้แดง จิงโจ้ถือกำเนิดในออสเตรเลียมานานกว่า 1 ล้านปี ถือเป็นสัตว์มีกระเป๋าหน้าท้องที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบันที่ยังคงดำรงเผ่าพันธุ์อยู่ มันสามารถกระโดดได้ไกลถึง 2 เมตร

วัววาตูซี่..วัวที่มีเขาใหญ่ที่สุดในโลกจากแอฟริกา.

และแล้วก็เข้าสู่โซนที่สอง เรียกว่า Predator Prowl เป็นโซนของสัตว์นักล่าทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นเสือโคร่งขาว สิงโต ไฮยีน่าลายจุด ซึ่งหลังจากที่พวกเราเดินทางกลับมาไม่นานก็ได้ทราบข่าวร้ายว่า “พ่อเพชร” เสือโคร่งขาวตัวแรกของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ที่ออกมาอวดโฉมให้พวกเราเห็นในวันนั้นได้จากไปแล้ว จากการป่วยด้วยโรคติดเชื้อในกระแสเลือด ถือเป็นการสูญเสียสัตว์ที่มีคุณค่าของสวนสัตว์ไปอย่างน่าเสียดาย

นอกจากเสือโคร่งขาวแล้ว ในโซนนี้ยังมีเสือจากัวร์ซึ่งถือว่าเป็นเสือที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก เสือลายเมฆ ที่ ผอ.ศราวุฒิ บอกว่า เหลืออยู่ไม่กี่ตัวในโลกเพราะใกล้สูญพันธุ์เต็มทีแล้ว

เสือลายเมฆ..สัตว์อีกชนิดที่ใกล้สูญพันธุ์.

เสร็จจากกิจกรรมนั่งรถชมสัตว์ ซึ่งเริ่มตั้งแต่บ่ายสามโมงเย็นไปจนถึงสี่โมงครึ่งแล้ว ก็ได้เวลาแว่บไปพักผ่อนอาบน้ำอาบท่า เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่บรรยากาศของการเที่ยวสวนสัตว์ในเวลากลางคืน สมกับชื่อไนท์ซาฟารี ซึ่งพฤติกรรมของสัตว์ในเวลากลางวันและกลางคืนจะต่างกัน โดย เฉพาะเจ้านักล่าทั้งหลาย ที่มักจะกระฉับกระเฉงในช่วงกลางคืนมากกว่ากลางวัน ซึ่งนอกจากจะชมสัตว์แล้ว ในวัน พระจันทร์เต็มดวง เรายังสามารถ “ชมจันทร์” ได้อย่างสวยงามในบริเวณนี้ด้วย

เราเลือกที่จะชมไนท์ซาฟารีในช่วงหัวค่ำ เพราะต้องการจะกลับมาให้ทันการแสดงน้ำพุดนตรี ที่จะมีทุกวันในช่วงสองทุ่ม และสามทุ่ม ที่ ผอ.เชียงใหม่ไนท์ซาฟารี การันตีว่าเป็นแสง สี เสียง ของน้ำพุดนตรี (Musical Fountain&amp ; Water Screen) ที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย

คินคาจู…สัตว์เล็กๆที่น่ารัก.

ซึ่งก่อนที่จะไปชมน้ำพุดนตรี ใครที่อยากถ่ายรูปกับลูกสัตว์ ทางสวนสัตว์ไนท์ซาฟารี ก็มี Photo corner ให้นักท่องเที่ยวได้ถ่ายรูปกับลูกสัตว์ที่เกิดใหม่ โดยเฉพาะสัตว์นักล่าอย่างลูกเสือโคร่งขาว, ลูกสิงโต, ลูกเสือโคร่งอินโดจีน โดยมีเจ้าหน้าที่คอยดูแลอย่างใกล้ชิด

และแล้วก็ถึงเวลาชมการแสดงน้ำพุดนตรี ที่ต้องบอกว่ายิ่งใหญ่อลังการสมกับที่รอคอย โดย เฉพาะน้ำพุที่พุ่งขึ้นสูงถึง 12 เมตร แผ่ขยายวงกว้างออกไปถึง 20 เมตร โดยเป็นเทคโนโลยีจากประเทศเยอรมนี ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดสำหรับการท่องเที่ยวที่นี่

ลานสัตว์ป่าหิมพานต์..ทางเข้าไนท์ซาฟารี.

คืนนี้พวกเราเลือกที่จะพักในรีสอร์ตของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี เพื่อสัมผัสบรรยากาศของการนอนในสวนสัตว์จริงๆ ซึ่งบ้านพักที่นี่ก็สะดวกสบาย เป็นลักษณะของบ้านตากอากาศชั้นเดียว แต่ละหลังตกแต่งสไตล์ซาฟารี สวยงามแปลกตา ที่เห็นแล้วให้ความรู้สึกของการอยู่ท่ามกลางธรรมชาติจริงๆ

น่าเสียดายที่เรามีเวลาไม่มากสำหรับการพักผ่อนคราวนี้ เพราะต้องเดินทางต่อไปยังที่อื่นๆที่สวยงามของจังหวัดเชียงใหม่ต่อ เพื่อสัมผัสอากาศหนาวเย็นให้คุ้มค่า

ยีราฟ..ทักทายนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด.

เสือจากัวร์..เสือที่วิ่งเร็วที่สุดในโลก.

ตอนขับรถกลับออกมาเห็นทะเลสาบใหญ่ มีคนปั่นเรือจักรยาน ที่เรียกว่า Paddle Boat ยิ่งถ้าคนที่เป็นคู่รักด้วยแล้ว การได้ปั่นเรือจักรยานล่องไปตามสายน้ำ ที่มีทั้งฝูงหงส์ขาวและหงส์ดำ ดูแล้วโรแมนติกชะมัด

นี่ถ้าอากาศเย็นกว่านี้อีกนิด ฮัลสตัทท์ก็ฮัลสตัทท์เถอะ รับรองไม่ได้เงินเราแน่ เห็นแล้วก็อด ภูมิใจแทนคนเชียงใหม่ไม่ได้ ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวดีๆแบบนี้อยู่ใกล้บ้าน

ไม่ต้องนั่งเครื่องบินมาไกลจากกรุงเทพฯ ถึงกว่า 800 กิโลเมตร…กว่าจะได้สัมผัสบรรยากาศดีๆแบบนี้!

Leave a comment