ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/579611
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 ก.พ. 2559 05:01

สวนพฤกษศาสตร์เมลเบิร์น
ขึ้นชื่อว่าการเรียนภาษาหรือซัมเมอร์ คอร์สในต่างประเทศแล้ว ออสเตรเลียน่าจะเป็นหนึ่งในประเทศเป้าหมายของนักเรียนไทยจำนวนไม่น้อย ล่าสุด เฟอร์เธอร์ เอ็ดดูเคชั่น ร่วมกับ Brighton Secondary College แนะนำการศึกษาต่อและเรียนภาษาอังกฤษในเมืองเมลเบิร์น ที่ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ที่สุดในโลก โดย The Economist Intelligent Unit ติดต่อกันถึง 5 ปี
อุ่นเครื่องในเมลเบิร์นกันที่ สถานีรถไฟเก่า ฟลินเดอร์ส (Flinders Street Station) ที่คล้ายกับหัวลำโพงบ้านเรา คือเป็นจุดศูนย์กลางของเมือง แต่ก็มีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ เพราะเป็นสถานีรถไฟที่มีอายุยาวนานมากกว่า 150 ปี
ต้องบอกว่า เมลเบิร์นเป็นเมืองที่มีกลิ่นอายความเป็นยุโรปอยู่ค่อนข้างมาก แถมยังเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของออสเตรเลีย รองจากซิดนีย์ เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของรัฐวิกตอเรีย จึงมีสถานที่ท่องเที่ยวที่เป็นพิพิธภัณฑ์ศิลปะและประวัติศาสตร์อยู่ไม่น้อย เหมาะสำหรับนักเรียนนักศึกษาที่จะได้ใช้โอกาสทั้งการเรียนภาษา หาความรู้รอบตัวและประสบการณ์ไปพร้อมๆกัน
อีกอย่างที่เป็นเสน่ห์ของเมลเบิร์น คือ การวางผังเมืองที่ช่วยให้ทุกการเดินทางท่องเที่ยวสะดวกสบาย เราซื้อบัตร myki card ราคา 6 เหรียญใช้สำหรับการเดินทางภายในเมลเบิร์น บัตรนี้เราสามารถใช้ขึ้นได้ทั้งรถไฟ รถราง และรถบัส เรียกว่าสะดวกมากๆ พอเงินใกล้หมดก็ใช้ระบบการเติมเงิน เหมือนเติมเงินในบัตรโทรศัพท์บ้านเรา
และอย่างที่เกริ่นไว้ในตอนแรก การวางผังเมืองที่ดี ทำให้ง่ายต่อการเดินทางโดยเฉพาะภายในเมือง ไม่ว่าจะอยู่ที่จุดไหนของเมืองก็สามารถที่จะเดินทางไปตามจุดต่างๆได้อย่างสะดวก ด้วยบริการคมนาคมที่ทั่วถึง อาจจะเรียกว่าทุกตารางนิ้วเลยก็ว่าได้ ขึ้นรถไฟ ต่อรถบัส นั่งรถรางชมเมือง ชีวิตดีๆ แบบนี้จะหาที่ไหนได้
เรานั่งรถรางไปลงที่ สวนฟิตซ์รอย (Fitzroy Gardens) ซึ่งเป็นสวน สาธารณะขนาดใหญ่ของเมือง ไฮไลต์ของสวนนี้ คือ กระท่อมกัปตันคุก (Cook’s Cottage) นักสำรวจชาวอังกฤษ ผู้ค้นพบทวีปออสเตรเลีย และขั้วโลกใต้ กระท่อมที่ว่านี้ ไม่ใช่ของดั้งเดิมแท้ๆ แต่ถูกย้ายมาจาก Yorkshire ในอังกฤษ เมื่อปี ค.ศ.1934 และนำมาสร้างให้เหมือนของเดิมในวาระการเฉลิมฉลองนครเมลเบิร์นครบรอบ 100 ปี ภายในกระท่อมกัปตันคุกจัดแสดงเครื่องใช้ เครื่องแต่งกายสมัยอังกฤษ เข้ามาในดินแดนออสเตรเลียยุคแรกๆ น่าสนใจไม่น้อย
จากสวนฟิตซ์รอยไปไม่ไกล เป็นที่ตั้งของ ST. Patrick’s Cathedral หรือมหาวิหารประจำเมือง ที่มีความสวยงาม ยิ่งใหญ่ ไม่ต่างกับมหาวิหารสวยๆในยุโรป ด้านในมหาวิหารโอ่อ่า ประดับด้วยกระจกสีงดงามมาก ถือเป็นมหาวิหารที่เก่าแก่ เพราะสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ.1858 เป็นสถาปัตยกรรมแบบโกธิค ตามแบบฉบับของนิกายโรมันคาทอลิก ถามคนเมลเบิร์นได้ความว่า ยังมีการประกอบพิธีกรรมทางศาสนานับตั้งแต่เริ่มสร้างมหาวิหารมาจนถึงปัจจุบันนานกว่า 150 ปี
ตกค่ำได้เวลารื่นรมย์กับสีสันยามค่ำคืนของเมลเบิร์น เพื่อนฝรั่งที่ถูกส่งมาดูแลพวกเราแนะนำให้ไปที่ถนน Brunswick Street ซึ่งเป็นย่านบันเทิงอีกย่านหนึ่งของชาวเมลเบิร์น มีร้านอาหาร บาร์ไวน์ ร้านเหล้า น่ารักๆอยู่หลายร้าน จิบไวน์ ออสซี่แกล้มกับแกะย่างรสเลิศที่แทบไม่ต้องปรุงหรือใส่ซอสใดๆเพิ่ม ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูอีกที เลยเที่ยงคืนไปหลายนาทีแล้ว
วันรุ่งขึ้น เรามีโปรแกรมไปเที่ยว พิพิธภัณฑ์เมลเบิร์น (Melbourne Museum) ซึ่งเป็นที่รวบรวมวิวัฒนาการต่างๆของเมลเบิร์นและรัฐวิกตอเรีย ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นอาคารสูง 6 ชั้น ด้านตะวันออกของตัวอาคารเป็นที่รวบรวมศิลปวัฒนธรรมของชาวออสเตรเลีย ส่วนด้านตะวันตกเป็นผลงานทางด้านวิทยาศาสตร์, เทคโนโลยี, สิ่งแวดล้อมและพัฒนาการของมนุษย์ทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
อีกมุมหนึ่งของพิพิธภัณฑ์เป็น พิพิธภัณฑ์ป่าไม้จำลอง ซึ่งประกอบด้วยพันธุ์ไม้กว่า 8,000 ชนิดในรัฐวิกตอเรีย การแสดงศิลปะและวัฒนธรรมของชนพื้นเมืองของรัฐวิกตอเรีย ที่ทำให้เราได้เรียนรู้อดีตของเมืองหลวงเก่าแห่งนี้อย่างละเอียดครบถ้วน
ต่อจากพิพิธภัณฑ์เมลเบิร์น ได้เวลาอาหารกลางวัน เจ้าภาพแนะนำร้านอาหารย่านถนนลียอง หรือ Lygon Street ที่มีชื่อเรียกอีกอย่างว่า “ลิตเติ้ลอิตาลี” เพราะเป็นย่านที่ชาวอิตาเลียนอพยพกันมาตั้งแต่ช่วงหลังสงครามโลก ถนนสายเล็กๆ แต่มีทั้งร้านกาแฟ ร้านอาหาร ห้องเสื้อแฟชั่น และร้านขายสินค้าเล็กๆน้อยๆ น่าเดินดีเหมือนกัน แต่เพราะช่วงบ่ายเราต้องไปต่อกันที่ พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ (Melbourne Aquarium) ที่ต้องบอกว่าเป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำที่ใหญ่มากๆอีกแห่งหนึ่ง ภายในพิพิธภัณฑ์ทำเป็นอุโมงค์โค้งแก้วใส ที่สามารถเดินลอดอุโมงค์ไปได้ และระหว่างทางก็จะได้ชื่นชมกับความงดงามของโลกใต้ทะเลและเหล่าสัตว์น้ำนานาชนิดทั้งปลาฉลาม ปลากระเบน รวมถึง Seadragon ที่ไม่แน่ใจว่าภาษาไทยจะเรียกว่าอะไร เป็นสัตว์น้ำที่มีให้ชมเฉพาะในออสเตรเลีย เท่านั้น
ออกจากพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ รถแล่นผ่านตึกสูงรูปร่างคล้ายหอไอเฟล มันคือ Victorian Arts Centre เป็นสถานที่สำหรับการแสดงศิลปะทุกแขนงจากทั่วโลก เช่น ละครเวที บัลเล่ต์ คอนเสิร์ต คล้ายๆกับโอเปร่าเฮาส์ในซิดนีย์ ไปอีกไม่ไกลมากเป็นอาคารคล้ายๆ อาคารโบราณ เรียกว่า Shrine of Remembrance หรืออาคารอนุสรณ์สถานทหารผ่านศึก ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงทหารชาวออสเตรเลียที่สละชีพเพื่อชาติในสงครามโลกครั้งที่ 1 สงครามโลกครั้งที่ 2 สงครามมลายู สงครามเวียดนาม และสงครามอื่นๆ รูปร่างของอาคารคล้ายกับมอโซเลียมแห่งฮาลิคาร์นาสซุส ซึ่งเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกในยุคโบราณ
ปิดท้ายกันที่ Royal Botanic Gardens Melbourne ซึ่งถือว่าเป็นสวนพฤกษศาสตร์ที่สวยงามมากแห่งหนึ่ง พอๆกับสวนคิวการ์เด้นในอังกฤษ เมืองไทยเราไม่ค่อยมีสวนสวยๆ แบบนี้มากนัก เห็นแล้วเลยอดตื่นเต้นไม่ได้
แต่ด้วยเวลาอันน้อยนิดแค่ไม่กี่วัน ทำให้ยังไม่ได้สัมผัสเมลเบิร์นอย่างเต็มที่ นี่ถ้าย้อนเวลากลับไปเป็นเด็กได้ จะสมัครมาเรียนซัมเมอร์ คอร์ส ที่นี่สักครั้ง เหมือนที่เด็กไทยหลายคนมีโอกาสมาเรียน ซึ่งถ้าใครสนใจเรียนภาษาหรือคอร์สต่างๆ ในเมลเบิร์น ลองเข้าไปหาข้อมูลกันได้ที่ www.FurtherEducation.co.th หรือที่อีเมล info@furthereducation.co.th เผื่อจะได้สัมผัสเมลเบิร์นในมุมที่หลากหลาย ที่อาจทำให้คุณหลงรักเมืองแห่งศิลปะและวัฒนธรรมแห่งนี้จนถอนตัวไม่ขึ้นเลยละ…..!!!!!!








