ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/589246
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 12 มี.ค. 2559 05:01

อ่าวเขาควาย-ทะเลแหวกระนอง.
หลายคนเคยไปสัมผัสประสบการณ์ประทับใจ สุดทางฝันฝั่งอันดามันเมืองระนอง จังหวัดที่มีสมญานาม “ดินแดนฝนแปดแดดสี่” เมืองเล็กๆ
น่ารัก มีสถานที่เที่ยวทั้งเชิงธรรมชาติ เชิงสุขภาพ เชิงวัฒนธรรม ให้เลือกตามความชอบ ที่ขึ้นชื่อเด่นๆ เช่น ธารน้ำแร่ร้อน ภูเขาหญ้าสีทอง น้ำตกหงาว เกาะพยาม คอคอดกระ และ หาดแหลมสน ยาวสุดตา
ระนอง ยังเป็นเมืองชายแดน สามารถเชื่อมต่อไปประเทศเมียนมาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกันได้สะดวก และจากเกาะแก่งทะเลอันดามัน ฝั่งพม่า ยังลัดเลาะเที่ยวท่องล่องเรือชมเกาะแก่งทะเลอันดามัน ฝั่งไทย อาทิ เกาะพยาม เกาะกำ อ่าวเขาควาย หรือทะเลแหวก จ.ระนอง หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เรียกว่ารอนแรมลอยทะเลกันตั้งแต่เช้า กว่าจะได้ขึ้นฝั่งอาบน้ำจืดก็พลบค่ำ ทริปเช่นนี้เหมาะกับผู้ที่รักหาดทราย สายลม เกลียวคลื่น ท้องทะเล และไม่กลัวไข่เค็ม!!!
เริ่มต้นจากตัวเมืองระนอง มุ่งสู่ท่าเรือแกรนด์อันดามัน ทำเอกสารข้ามแดนด้วยบัตรประชาชนใบเดียว แล้วลงเรือเร็วข้ามสู่โรงแรมแกรนด์อันดามัน บนเกาะสน หรือเกาะตะเตชุน ใกล้กับ “วิคตอเรีย พอยท์” จ.เกาะสอง ฝั่งพม่า ที่นี่เป็นโรงแรม 4 ดาว และมีกาสิโนที่เป็นสากล
หากใครมาถึงช่วงเช้า ลุยเที่ยวต่อได้เลย ถ้าใครมาถึงช่วงเย็น ต้องนอนค้างสัก 1 คืน ถ้านอนไม่หลับแนะให้ลองแวะไปเสี่ยงโชคเล่นๆ แต่มีเคล็ดลับจากอาซิ้มคนหนึ่ง แกแนะให้ถอดกุงเกงลิงทิ้งไว้ในห้อง อย่าใส่เข้าไป แกว่าปล่อยโล่งๆโตงเตงนี่ล่ะ เล่นแล้วมือขึ้นนัก ส่วนจะเจ๋งจริงหรือเจ๊งจริง ไม่ยืนยัน เพราะปกติซิ้มแกไม่เคยนุ่งอยู่แล้ว???
บอย ธนวัฒน์ ชาวสมุทร กรรมการผู้จัดการ แกรนด์อันดามัน ทราเวล ธุรกิจร่วมเครือฯ เล่าว่า เดิมโรงแรมนี้ชื่ออันดามันคลับ หลังจากผู้บริหารรายใหม่ที่เป็นนักธุรกิจชาวระนอง เข้ามาเทกโอเวอร์ กิจการได้เปลี่ยนชื่อเป็นแกรนด์อันดามัน จึงต้องการลบภาพลักษณ์เดิมๆของกาสิโน เพื่อให้ที่นี่กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวของครอบครัวอย่างสมบูรณ์แบบ นอกจากโรงแรมและกาสิโน ที่นี่ยังมีสนามกอล์ฟมาตรฐาน, ร้านดิวตี้ฟรี, กิจกรรมแอดเวนเจอร์ อาทิ ขับรถเอทีวี เครื่องเล่นซิปไลน์ พายเรือคยัค ไว้ให้บริการด้วย ต่อมาเมื่อได้รับสัมปทานดูแลเกาะอนุรักษ์แห่งอื่นๆเพิ่มจากทางการพม่า จึงได้จัดทริปดำน้ำชมปะการัง ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ และแบบ 3 วัน 2 คืน เพิ่มเข้ามาด้วย
บอย ย้ำว่า การมาเที่ยวทะเลอันดามัน ฝั่งพม่า ถึงอย่างไรก็ต้องผ่าน จ.ระนอง ซึ่งฝั่งไทยจะได้รับอานิสงส์ไปด้วย ทั้งการขนส่ง ร้านอาหาร และธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะที่พัก เพราะโรงแรมแกรนด์อันดามัน มีห้องพักจำกัด ยิ่งช่วงวันหยุดจะรับได้แค่ 20 ห้องเท่านั้น ฉะนั้นอีก 80 เปอร์เซ็นต์ จะกระจายไปยังโรงแรมแห่งอื่นๆในพื้นที่
จากท่าเรือโรงแรม เราเปลี่ยนไปนั่งสปีดโบ๊ต ใช้เวลาราว 45 นาที ก็มาถึง เกาะฮอร์สชู (Horse Shoe) จุดแรกในการดำน้ำแบบสน็อกเกอริ่งของทริป เกาะนี้เป็นเกาะสัมปทานรังนกของคนพม่า ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเหยียบชายหาด ระดับน้ำแถวนี้มีความลึก 2-3 เมตรเท่านั้น แค่ก้มหน้ามองผ่านหน้ากากดำน้ำก็ได้เห็นปะการังสมอง ปะการังเขากวาง และฝูงปลาสีสวยประจำถิ่นว่ายหากินกันชิลๆ
หลังวอร์มร่างกายและรื้อฟื้นการดำน้ำด้วยสน็อกเกิลอยู่พักใหญ่ เราขึ้นเรือต่อไปยังอีกเกาะที่อยู่ไม่ไกลกันนักชื่อว่า เกาะดอกไม้ ได้ชื่อนี้เพราะ
มีดอกไม้ทะเลเยอะและมีปลานีโม่ด้วย รวมทั้งเป็นบ้านของฉลามหูดำตัวจิ๋วแหวกว่ายกันฝูงใหญ่ แต่ถ้าใครไปเจอตัวแม่มันเข้าก็ไม่ต้องห่วง พี่ไกด์บอกว่า ฉลามมันกลัวจระเข้ (ล้อเล่นอ่ะ)
เพลิดเพลินกับการดำน้ำดูปะการังหลายชั่วโมงจนท้องร้องจ๊อกๆ ไกด์พาเราขึ้นเรือแล่นต่อไปยัง เกาะตาฟุก (Dunkin Island) เกาะขนาดย่อมที่มีพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้นขึ้นปกคลุมหนาแน่น โดยเฉพาะไม้เรือนยอด ทันทีที่เรือแล่นเข้าเวิ้งอ่าว สาวๆหลายคนส่งเสียงร้องว้าว!!! เมื่อได้เห็นหาดทรายขาวละเอียดทอดตัวเป็นแนวโค้งยาว ตัดกับน้ำทะเลสีเทอร์ควอยซ์ใสแจ๋ว มองเห็นปะการังและฝูงปลาหลากสีนานาพันธุ์แหวกว่ายกันเริงร่า
พอก้าวเท้าลงจากเรือสัมผัสบนทรายนุ่มๆ พลันได้ยินเสียงร้องคุ้นหูดังแว่วอยู่เหนือหัว ชวนให้เงยหน้ามองหาเจ้าของเสียงที่กำลังโผลงเกาะต้นไทรใหญ่ เหลือเชื่อที่เกาะแห่งนี้เป็นแหล่งอาศัยของฝูงนกเงือกไม่ต่ำกว่า 10 ตัว ซึ่งถือเป็นดัชนีบ่งชี้ความสมบูรณ์ของผืนป่า นี่ไง…พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในทะเลมี (นก) เงือกจริงๆนะ
หลังอิ่มท้องกับมื้อเที่ยง บางคนขอตัวไปเล่นน้ำส่องหากุ้งมังกรตัวโต บ้างพายเรือคยัคอาบแดด หรือออกเดินสำรวจหามุมเก๋ๆ ถ่ายรูปไว้อัพเฟซ ยอมรับว่าธรรมชาติบนเกาะนี้สมบูรณ์จริงๆ คนงานเฝ้าเกาะกระซิบว่า ไม่กี่วันก่อนเพิ่งพบร่องรอยแม่เต่าทะเลขึ้นมาขุดหลุมวางไข่ทิ้งไว้ ถ้าไม่มีมนุษย์หรือสัตว์อื่นไปรบกวน อีกราว 2 เดือน คงได้กินปลากริมไข่เต่า เอ๊ย…เห็นลูกเต่าน้อยคลานต้วมเตี้ยมกลับสู่อ้อมกอดแห่งท้องทะเล
ออกจากเกาะตาฟุกในช่วงบ่าย เราเดินทางสู่ เกาะหัวใจมรกต (Cock’s Comb) ตัวเกาะขนาดใหญ่ ปกคลุมด้วยต้นไม้เขียวขจี มีแนวสันเขารูปหัวใจ โอบล้อมผืนน้ำสีเขียวมรกตไว้เบื้องล่าง ซึ่งต้องมองจากมุมสูงถึงจะเห็นหัวใจทั้งดวง โดยทางทัวร์มีแนวคิดจะนำเรือลากร่มชูชีพมาให้บริการนำนักท่องเที่ยวขึ้นไปชมภาพมุมสูงด้วย
ทางเข้า-ออกหัวใจมรกต มีเพียงทางเดียวและต้องว่ายน้ำเข้าไปเท่านั้น จะมีเชือกโรยไว้ให้นักดำน้ำใช้พยุงตัวขณะว่ายผ่านอุโมงค์ เมื่อเข้าไปข้างในจะไม่มีหาดทราย มีแค่แพไม้ไผ่ที่ผูกไว้ให้ยืนพักเหนื่อย ระดับน้ำไม่ลึกมากแค่ 2-3 เมตร แต่มีกับดักเป็นเจ้าหอยเม่นหนามแหลมตัวอันตราย อย่าเผลอไปเหยียบมันเข้าเชียว
ภายในหัวใจมรกต คือระบบนิเวศอันสมบูรณ์ของอาณาจักรปะการังและดอกไม้ทะเล เปรียบเสมือนป่าดงดิบแห่งท้องทะเล เป็นบ้านของปลาหลากสายพันธุ์ ช่วงที่ว่ายน้ำผ่านเข้าปากอุโมงค์ จะมีฝูงปลานับหมื่นตัวมารวมกันเป็นกลุ่มก้อน เพื่อหลบบรรดานักล่าผู้หิวโซ จากภาพถ่ายใต้น้ำที่ทีมงานคุณบอยถ่ายไว้ ยืนยันได้ว่าน่าตื่นตาตื่นใจแค่ไหน ยิ่งถ้าวันที่คลื่นลมเป็นใจ ทะเลไม่พิโรธ อาจเห็นกระเบนแมนตา และฉลามวาฬ มาว่ายโชว์โฉมให้ดูเป็นขวัญตา
ใครอยากไปส่องหัวใจมรกต กลางทะเล อันดามันกับหวานใจ ช่วงฤดูกาลนี้เหมาะสุดๆ ฟ้าสวย น้ำใส คลื่นลมสงบ วันลาพักร้อนเหลือเยอะ และโบนัส (คง) ยังไม่หมด ลองหาข้อมูลกันเอาเองที่ http://www.grandandamantravel.com
ขอให้สนุกสุขสันต์ชุ่มฉ่ำกับทริปอันดามันแสนโรแมนติก แล้วอย่าลืม…ทริกที่อาซิ้มแกบอกล่ะ.





