ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05072151058&srcday=2015-10-15&search=no
| วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 609 |
รายงานพิเศษ ดูงานเกษตรเมืองสิงห์ เมืองคนมีความสุขสูงสุด
ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
กะลาไม้แขวน “ลุงเชิด” หัตถกรรมสุดยอด ที่สิงห์บุรี
มะพร้าว เป็นพืชที่พบเห็นได้ทั่วทุกภาคของประเทศ และสามารถเจริญเติบโตได้ดีแม้ไม่ใช่พื้นที่ตามแถบชายทะเล คุณสมบัติที่ดีของมะพร้าวคือ สามารถใช้ทุกส่วนของต้นมาทำประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า ด้วยเหตุนี้จึงทำให้มะพร้าวมีความผูกพันกับวิถีชีวิตของคนไทยมายาวนานกระทั่งในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน กะลามะพร้าว ยังมีคุณสมบัติที่แข็งแรง ทนทาน เมื่อนำมาขัดจะทำให้มีผิวเรียบดำเป็นเงางาม แล้วใช้ภูมิปัญญาผสมผสานกับความคิดสร้างสรรค์ประดิษฐ์เป็นเครื่องใช้สอย เครื่องเรือน และเครื่องประดับตกแต่งตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน จึงนับเป็นผลงานหัตถกรรมที่งดงามด้วยฝีมืออันประณีต
จากจุดเด่นของกะลามะพร้าวเช่นว่านี้ ได้ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านโคกคูณ จังหวัดสิงห์บุรี อย่าง คุณเชิดชัย เอี่ยมรักษา นำมาประดิษฐ์เป็นภาชนะใส่ต้นไม้ แล้วยังเพิ่มมูลค่าด้วยการใช้เปลือกมะพร้าวแกะสลักเป็นรูปสัตว์นำไปประกอบกับกะลา เพื่อใช้ประดับแขวนตกแต่งดูสวยงาม
คุณเชิดชัย อายุ 67 ปี มีชื่อเรียกตามชาวบ้านละแวกนั้นว่า ลุงเชิด พักอยู่บ้านเลขที่ 181 หมู่ที่ 1 ตำบลบางกระบือ อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี พร้อมกับภรรยาและลูกสาวคือ คุณลัดดา เอี่ยมรักษา คุณสุรางค์รัตน์ เอี่ยมรักษา
สร้างมูลค่าเพิ่มของไม้ดอกไม้ประดับ
ด้วยการประดิษฐ์กะลาไม้แขวน
อาชีพดั้งเดิมของลุงเชิด คือช่างต่อโครงหลังคารถปิกอัพ และรถบัส ต่อมารับจ้างขับรถทั่วไป กระทั่งอายุมากไม่ปลอดภัยจึงเลิก แล้วหันมาเพาะ-ขยายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ โดยนำไปวางขายตามตลาดนัด แต่มีรายได้ไม่มากนัก
จุดเริ่มของงานกะลาไม้แขวน มาจากเมื่อลุงเชิดมองว่า ควรทำอย่างไร ให้เกิดความน่าสนใจมากกว่าการนำต้นไม้มาวางขายเฉยๆ เลยเกิดความคิดสร้างมูลค่าอาชีพตัวเองด้วยการนำกะลามะพร้าวมาใส่ต้นไม้ขาย แต่เห็นว่าถ้าเป็นกะลาอย่างเดียวคงไม่สะดุดตา จึงนำเปลือกมะพร้าวมาแกะสลักให้เป็นรูปสัตว์ต่างๆ แล้วประกอบเข้ากับกะลา กระทั่งมีคนสนใจซื้อจำนวนมาก เพราะเป็นของแปลกที่ไม่เคยพบมาก่อน แล้วยังมีความประณีต สวยงาม
“ครั้งแรกยังคิดไม่ออกว่าจะแกะสลักเป็นรูปอะไร เพราะมะพร้าวมีลักษณะรูปทรงกลมและทรงรี จึงลองมาทำเป็นรูปไก่ ในครั้งแรกออกมาดูดีมาก มีหลายคนชมว่าสวย ต่อมาตั้งใจแกะเป็นรูปปลาช่อนแม่ลา ซึ่งเป็นสัญลักษณ์จังหวัด จากนั้นจึงทยอยแกะเป็นรูปสัตว์ชนิดอื่นอีกมากมาย ขายดีมาก บางรายถึงกับสั่งทำเป็นจำนวนมาก เพื่อนำไปขายต่อ”
ความรู้และความชำนาญของสิ่งเหล่านี้ลุงเชิดไม่เคยร่ำเรียนหรือฝึกฝนที่ไหนมาก่อน แต่อาจโชคดีมีทุนเดิม เพราะพ่อเคยเป็นครูและมีความสามารถด้านการแกะสลัก จึงทำให้ได้เห็น ได้ลอง เป็นการซึมซับมานาน อีกทั้งเมื่อเดินทางไปยังจังหวัดที่มีงานหัตถกรรมเด่น ก็จะจดจำงานเหล่านั้นไว้ พอกลับมาก็จะทดลองแกะ ซึ่งประสบความสำเร็จทุกงาน ฉะนั้น งานแกะสลักจากเปลือกมะพร้าวจึงเรียกได้ว่าหมูเลย…
งานหัตถกรรมกะลาไม้แขวนลุงเชิดเริ่มทำแบบเป็นอาชีพจริงจัง เมื่อปี 2546 แล้วขณะนี้มีวางจำหน่ายที่ตลาดนัดเกษตร และตลาดนัดคลองถม (สิงห์บุรี) ซึ่งนอกจากจะโชว์เฉพาะสินค้าที่ประดิษฐ์เสร็จเรียบร้อยวางขายเปล่าๆ แล้ว อีกส่วนหนึ่งยังมีการนำต้นไม้ประดับใส่คู่ลงไปด้วย เพื่อจะได้ขายไปพร้อมกันทั้งต้นไม้และงานกะลา โดยมีต้นทุนที่ใช้ทำต่อชิ้น ประมาณ 50 บาท
โดยราคาขายจะไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับขนาดและความยากง่ายของชิ้นงาน กรณีไก่ที่ขายดีจะขายส่ง ราคาชิ้นละ 100 บาท ขายปลีกชิ้นละ 150 บาท หรือถ้าเล็กลงมาราคาขายปลีก ชิ้นละ 80 บาท หรืออย่างมังกรที่ได้รับความนิยมขายราคา ชิ้นละ 199 บาท สินค้าที่ขายดีอันดับต้นคือปลาและไก่ และไฮไลต์คือ มังกร สิงห์ ส่วนรองลงมาเป็นลิง
ลูกค้าที่ซื้อผลิตภัณฑ์ของลุงเชิดมีทั้งแบบซื้อปลีกและซื้อส่งจำนวนมาก เพื่อนำไปขายต่อ อย่างที่ กาญจนบุรี พัทยา และตามแหล่งท่องเที่ยว โดยของแท้จะเห็นว่ามีความประณีต สวยงาม ที่สำคัญถ้าสังเกตจะมีป้ายติดไว้ว่าเป็นสินค้ากะลาไม้แขวนลุงเชิด
ใช้มะพร้าวได้ทุกพันธุ์ ขอให้แก่เท่านั้น
ลุงเชิด บอกว่า สามารถใช้มะพร้าวได้ทุกพันธุ์ แม้แต่น้ำหอม เพียงแต่ต้องเป็นมะพร้าวที่แก่จัดเท่านั้น หรือที่เรียกกันว่า มะพร้าวทุย เพราะไม่มีเนื้อ ไม่มีน้ำ เหลือแต่กะลาขนาดเล็ก โดยให้สังเกตสีที่เปลือกให้มีสีแดง และมีผิวแห้ง ทั้งยังระบุว่า การนำลูกมะพร้าวที่ไม่แก่จัดหรือผิวไม่แห้งสนิทมาแกะสลักอาจยุบตัวลง แล้วทำให้เสียรูปทรง ทั้งนี้ไม่จำกัดขนาดมะพร้าวและสามารถนำมาใช้ได้ทุกลูก ไม่ว่าจะเป็นขนาดเล็กหรือใหญ่ มีรูปทรงแบบไหน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับลุงเชิดว่าเมื่อเห็นรูปทรงมะพร้าวแล้ว จะคิดออกแบบเพื่อประดิษฐ์เป็นรูปสัตว์อะไรตามความเหมาะสม
สำหรับลูกมะพร้าว ลุงเชิดไปหาซื้อมาจากละแวกใกล้บ้านไม่ไกลนัก ลุงเชิดบอกว่าในปัจจุบันจำนวนมะพร้าวยังมีมากและไม่กังวลว่าจะหายาก เพราะในจังหวัดสิงห์บุรีมีเหลือเฟือ ครั้งแรกที่เริ่มทำซื้อมา ลูกละ 5 บาท แต่พอนานไปช่วงหลังนี้ราคาสูง ลูกละ 10-12 บาท แต่ระยะหลังนี้จะลดราคาให้เหลือลูกละประมาณ 7-8 บาท โดยจะต้องไปขนมาเอง คราวละประมาณ 300 ลูก
“สมัยเริ่มขายครั้งแรกที่ทำยังสนุก เพราะทำแล้วขายทันที ช่วงนั้นสามารถทำได้ถึงวันละ 12 ตัว แต่ปัจจุบันอายุและร่างกายที่แก่ลง ทำให้ความสามารถในการทำลดลงมา เหลือวันละ 6 ตัว”
รูปแบบของการแกะสลักเป็นสัตว์ในแบบต่างๆ จะไม่ทำพร้อมกันในครั้งเดียว แต่จะตรวจสอบว่า ถ้าลูกค้าเริ่มเบื่อแบบเดิม จึงจะเปลี่ยนมาแกะแบบใหม่ เพื่อเป็นทางเลือกพร้อมกับสร้างความน่าสนใจ ดังนั้น ในปัจจุบันรูปสัตว์ที่แกะสลัก ได้แก่ ไก่ ปลา มังกร กุ้ง กบ ลิง นก เป็นต้น
ลุงเชิด ชี้ว่าผลงานของเขาเน้นในความเป็นธรรมชาติให้มากที่สุด ทั้งนี้เพื่อเป็นการอนุรักษ์รูปแบบงานศิลปหัตถกรรมให้มีความยั่งยืน อีกทั้งเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงสารเคมีที่เป็นอันตรายด้วย
เน้นประดิษฐ์งานหัตถกรรมที่เป็นธรรมชาติ
ฉะนั้น ทุกส่วนที่ใช้ประกอบขึ้นเป็นตัวงาน จึงพยายามหลีกเลี่ยงสิ่งที่ไม่ใช่ธรรมชาติให้มากที่สุด อย่างลูกตาใช้เม็ดมะกล่ำ หรือแม้แต่ลวดลายบนชิ้นงานกะลาใช้ความร้อนจากหัวแร้งเผา เพื่อทำให้เกิดลวดลาย อาจใช้สีเคมีตกแต่งเฉพาะส่วนหัวเท่านั้น ซึ่งถือว่าเล็กน้อย ดังนั้น งานที่ออกมาจึงเป็นธรรมชาติอย่างแท้จริง
ประโยชน์ของงานหัตถกรรมกะลาไม้แขวนของลุงเชิด ไม่เพียงใช้ปลูกไม้ประดับขนาดเล็กเท่านั้น แต่ด้วยความละเอียดสวยงามประณีตของชิ้นงาน จึงสามารถนำมาแขวนหรือตั้งโชว์เป็นของประดับตกแต่งบ้านได้ในคราวเดียวกัน
ความเป็นคนสิงห์บุรี จึงทำให้ลุงเชิดมั่นใจว่า ตัวเขาเองเป็นคนแรก และคนเดียวในจังหวัดที่ผลิตงานหัตถกรรมชิ้นนี้ เพียงแต่คนอื่นอาจทำกะลามะพร้าวแบบคล้ายกัน และกล้าฟันธงได้ว่า เป็นคนเดียวที่เป็นเจ้าของงานประเภทนี้ ด้วยเหตุนี้ลุงเชิดจึงได้ไปจดลิขสิทธิ์เพื่อยืนยันผลงานตัวเอง พร้อมกับนำผลงานตัวเองไปเสนอเข้าโอท็อป (OTOP) เรียบร้อยแล้ว ตามคำแนะนำของหลายคนที่ต้องการส่งเสริมงานประเภทนี้ให้มีความโด่งดัง
ไม่เพียงการใช้เวลาไปกับงานประดิษฐ์กะลามะพร้าวในแต่ละวัน แต่ลุงเชิดยังได้รับเชิญไปสอน และสาธิตการทำงานหัตถกรรมกะลาชิ้นนี้ให้แก่คนที่สนใจ ซึ่งได้ติดต่อผ่านมาทาง สำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี ในทุกครั้ง
ปัจจุบัน ลุงเชิดและครอบครัวมีรายได้หลักจากอาชีพนี้ ลุงเชิดบอกว่าหากต้องการติดต่อซื้อ ซื้อได้ที่ลุงเชิดหรือผ่านทางสำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี เพราะจะได้สินค้าที่เป็นของแท้ อีกทั้งหากต้องการจำนวนมาก ต้องสั่งล่วงหน้า เพราะปัจจุบันช่วยกันทำในครอบครัว จำนวน 3 คน และจะต้องทำทุกวันเพื่อเตรียมไว้ขายในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ ดังนั้น อาจทำให้ไม่ทันถ้าสั่งกระชั้นชิดเกินไป
“มีความภูมิใจมากกับผลงานที่เป็นความคิดและสร้างสรรค์ด้วยการออกแบบและผลิตเอง โดยไม่มีการเลียนแบบใคร อีกทั้งยังมีความภูมิใจในความเป็นคนสิงห์บุรีที่ได้ผลิตงานหัตถกรรมเป็นของจากธรรมชาติ เพราะไม่เพียงแค่คนในประเทศที่ให้ความสนใจ แต่ชาวต่างชาติยังให้ความสนใจไม่แพ้กันด้วย” ลุงเชิด เจ้าของผลงานกะลาไม้แขวนกล่าวในตอนท้าย
สนใจผลิตภัณฑ์จากงานหัตถกรรม “กะลาไม้แขวน ลุงเชิด” ติดต่อได้ที่ หมายเลขโทร. (085) 930-8491, (085) 685-0816 หรือสอบถามรายละเอียดได้ที่ สำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรี โทรศัพท์ (036) 512-396, (036) 543-367
ท้ายนี้ ขอขอบคุณ ทีมงานเจ้าหน้าที่เกษตรจังหวัดสิงห์บุรีทุกท่าน ที่อำนวยความสะดวกในการทำงานในครั้งนี้