‘นายกฯ’ถกครม.-ย้ำรบ.ไม่ละเลยปราบทุจริต

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160322/224533.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 22 มีนาคม 2559
‘นายกฯ’ถกครม.-ย้ำรบ.ไม่ละเลยปราบทุจริต

‘นายกฯ’ ประชุมครม. ย้ำรบ.ไม่ละเลยปราบทุจริต วอนอย่าดึงคดีอื่นโยง ‘เบนซ์ซิ่ง’ ให้ตัดสินไปตามความผิด ติง ‘กทพ.’ไม้กั้นทางด่วนถูกชนเสียหาย จะบอกว่าไม่เสียหายไม่ได้

                22 มี.ค.59 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก่อนที่จะเดินทางเข้าร่วมการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือแม่โขง-ล้านช้าง ครั้งที่ 1 (Mekong-Lancang Cooperation: MLC) ที่เมืองซานย่า และการประชุม Boao Forum for Asia ณ เมืองโป๋อ๋าว มณฑลไห่หนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ในบ่ายวันเดียวกันนี้ โดยนายกฯได้กล่าวขอบคุณสื่อมวลชนที่ได้อวยพรวันคล้ายวันเกิดย้อนหลัง ว่า “ขอบคุณนะ ขอให้มีความสุขเช่นกัน” ก่อนการประชุม นายอภินันท์ จันทรางศรี อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ นำหนังสือ SMART FARMEW รู้ไว้ทำได้จริง คำภีร์ฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ มามอบให้เพื่อนำเสนอประชาสัมพันธ์การทำการเกษตรรูปแบบใหม่ที่ใช้พืชน้ำน้อยและการทำการเกษตรแปลงใหญ่ ไร่นาสวนผสม
                นายกรัฐมนตรี กล่าวตอนหนึ่งว่า ในเรื่องของการเกษตรต้องมีการปรับรูปแบบให้สอดคล้องกับสถานการณ์น้ำในปัจจุบัน โดยเฉพาะน้ำทั้งในและนอกเขตชลประทาน ยอมรับว่าเป็นห่วง โดยเฉพาะพื้นที่นอกเขตชลประทานเพราะน้ำมีน้อย จะต้องไปศึกษาว่าพื้นที่เป็นอย่างไร ใช้น้ำให้น้อยที่สุด ซึ่งได้ส่งเรื่องให้อปท.กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ดูแลต่อเพื่อให้สอดคล้องกับการวิจัยพัฒนา และงานช่างฝีมือไปด้วย เพื่อที่จะได้นำไปสู่การส่งออกเพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น เพราะถ้าเราให้เงินไปอย่างเดียวเดี๋ยวก็หมด จะต้องมีการส่งเสริมการตลาด บริหารจัดการ ซึ่งรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณลงไปแล้ว เช่น โรงสีข้าวขนาดเล็ก เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน เป็นการนำร่อง ในส่วนของสินค้าภาคการเกษตรต่างๆ ต้องปลูกให้มีความเหมาะสมและความต้องการของตลาด ที่สำคัญจะต้องมีการแปรรูปเพื่อที่จะได้ส่งออก
                พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สำหรับปัญหาการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ยืนยันว่ารัฐบาลไม่เคยปล่อยปละละเลย สั่งให้ไปดำเนินการตรวจสอบ รัฐบาลไม่ปล่อยให้มีการทุจริตเลย ที่รู้ก็ได้ลงโทษไปแล้ว แต่บางเรื่องที่ยังไม่ลงโทษก็เพราะยังไม่รู้ ยังไม่มีข้อมูล แต่ก็มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ(ปปท.) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ปปช.) ไปดำเนินการ ขณะนี้มีหลายเรื่องอยู่ในขั้นตอนของการตรวจสอบ เราต้องรอความชัดเจน ไม่ใช่ฟังแต่สังคมโซเชียลแล้วมากล่าวหาว่ารัฐบาลไม่ดำเนินการ อย่าเอาเรื่องเล็ก ๆ น้อย  ๆ มาโยงกันไปมา
                “เรื่องการดำเนินการตรวจสอบคดีความต่าง ๆ นั้น ก็ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย เช่น เรื่องคดีรถเบนซ์ชนรถฟอร์ดจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิต ก็มีการโยงไปถึงคดีอื่น อย่าไปโยงไปโยงมา ก็ให้ตัดสินไปตามคดีความและความผิดที่เกิดขึ้น ไม่เช่นนั้นเรื่องมันไม่จบ อย่างไม้กั้นที่ชนไปแล้วมันก็เสียหายจะไปบอกว่าไม่เสียหายไม่ได้ ก็ต้องไปดู ถ้ารัฐบาลนี้ทำไม่ได้ ก็อย่าไปหวังรัฐบาลหน้าเลย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘นายกฯ’ แจงออก ม.44 ปรับโครงสร้างการศึกษาหวังปฏิรูป-บูรณาการร่วมกัน
                ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคสช. ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำสั่งคสช.อาศัยความในมาตรา 44 ให้มีการปรับโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ ว่า เป็นการปรับโครงสร้างให้เกิดการบูรณาการที่ผ่านมาเคยชี้แจงแล้วว่าอำนาจค่อนข้างกระจัดกระจาย จนไม่มีอำนาจในการปฏิรูป การออกคำสั่งเพื่อปรับปรุงครั้งนี้เพื่อให้เกิดการปฏิรูปและในช่วงนี้จึงมีความจำเป็นที่จะออกกฎหมายในมาตรา 44 ไม่ใช่ไปออกเพื่อจะให้การศึกษามันดีขึ้น แต่มอบหมายให้รัฐมนตรีมีเอกภาพในการทำงาน แล้วจะมีคณะกรรมการขับเคลื่อนปฏิรูปการศึกษาประกอบด้วย ปลัดกระทรวงและ 5 แท่งงาน ซึ่งจะอยู่ในนี้ทั้งหมด ก็จะมีการเสนอแนวทางในการปฏิบัติทั้งในส่วนของประถม มัธยม อาชีวะ และอุดมศึกษา ซึ่งเดิมมีการแยกแท่งงานทั้งหมด พอนโยบายรัฐบาลออกไปก็ไม่สอดคล้องกัน วันนี้จึงต้องมาขับเคลื่อนด้วยการปฏิรูป ต่อไปเมื่อเรียบร้อยแล้วทุกคนมีความพึงพอใจยอมรับในกติกาก็จะได้เดินไปในทางเดียวกัน
                “ที่พูดทั้งหมดคือในส่วนของกระทรวงศึกษาเพียงอย่างเดียว ผมมีความคิดว่าจะต้องมีการขับเคลื่อนในกิจกรรมเดียวกัน ถ้าทุกคนแยกกันทำงาน เอาแต่แผนงานของตัวเองวันข้างหน้าก็คงไปไม่ได้ วันนี้ผมบูรณาการทั้งหมดอยู่แล้วว่าใครจะต้องไปทำตรงไหนอย่างไร ต้องคิดถึงประโยชน์สูงสุด ในส่วนของการศึกษาเองปัจจุบันก็บังไม่สอดคล้องกัน จึงไม่สามารถผลิตคนให้ตรงกับความต้องการของประเทศได้ ประชาชนในท้องถิ่นก็ไม่เกิดกระบวนการในการปฏิรูปเกิดความขัดแย้งเช่นนี้ต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ผมจึงให้ความสำคัญกับกระทรวงศึกษาแต่ไม่สามารถทำงานคนเดียวได้ จึงต้องร่วมมือกับกระทรวงมหาดไทย เพราะกระทรวงศึกษาลงไปถึงส่วนท้องถิ่นทั้งเรื่องของโรงเรียน การแต่งตั้งอย่างผู้อำนวยการโรงเรียน รัฐมนตรีก็ไม่ได้เข้าไปเกี่ยวข้องเลยมันไม่ได้ ต้องลงไปดูว่าถูกต้องชอบธรรมหรือไม่ ไม่เช่นนั้นอำนาจจะลงไปข้างล่างทั้งหมดก็จะเหมือนเดิมอย่างที่เป็นมา จึงมาลองปรับใหม่ว่าจะดีขึ้นหรือไม่ เพราะที่ตรวจสอบครู 4-5 แสนคน พอใจกับคำสั่งดังกล่าว จะมีเพียงที่มีปัญหาอยู่บ้าง 2 พันกว่าคนที่เป็นผู้บริหารและยังติดอยู่กับกติกาเดิม ซึ่งพวกนี้น่าเป็นห่วงถ้ายังไม่แก้ไข และไม่ทำให้พ.ร.บ.มีความชัดเจน อนาคตข้างหน้าก็จะแยกเป็นแท่งลงมาแบบเดิม เงินก็จะแยกเป็นแท่ง ๆ โดยมีรัฐมนตรีช่วยมาดูแลกันคนละสายคนละแท่ง แล้วมันจะเกิดงานได้อย่างไร ปัญหาของบ้านเราคือการบูรณาการที่เกิดไม่ได้อย่างแท้จริง” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
‘นายกฯ’ เผยกำลังทำช้อปช่วยชาติรอบ 2
                ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) กล่าวถึงโครงการช้อปช่วยชาติรอบ 2 ลดภาษีสูงสุด 15,000 บาทว่า ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังดำเนินการอยู่ ยังไม่ได้นำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)
                “แต่พอทำโครงการนี้ ช้อปเสร็จมีการใช้จ่ายก็มาโทษรัฐบาลอีก หาว่าส่งเสริมให้ไปใช้จ่ายจนเป็นหนี้เป็นสินแต่พอไม่ทำให้ก็กล่าวหาว่าไม่สนใจ แล้วจะทำอย่างไรดีวะเนี่ย พอพูดคำว่าช้อปช่วยชาติก็หาเรื่องอีก เหมือนกับพอมีวันหยุดราชการเพิ่มก็บอกว่าทำให้มีคนตายเพิ่ม อย่าลืมว่ามาตรา 44 ห้ามคนตายไม่ได้นะ ถ้ามันอยากจะตายละก็” นายกฯ กล่าว
                นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธว่า ในที่ประชุมครม. วันนี้ไม่ได้มีการพิจารณาแต่งตั้งอธิบดีกรมทางหลวงแต่อย่างใด
                ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดการให้สัมภาษณ์ พล.อ.ประยุทธ์ มีอาการเหนื่อยเหมือนคนเป็นไข้ ผู้สื่อข่าวถามว่า นายกรัฐมนตรี ไม่สบายหรือเปล่า นายกรัฐมนตรี กล่าวยอมรับว่า เป็นหวัดนิดหน่อยทานยาแล้ว ทั้งนี้เมื่อผู้สื่อข่าวอวยพรขอให้เดินทางไปร่วมประชุมที่ประเทศจีนโดยสวัสดิภาพ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวด้วยอารมณ์ตลกว่า “ไปเครื่องบิน”
‘นายกฯ’ ระบุแอร์พอร์ตลิงค์มีปัญหามานาน เตรียมหามาตรการไม่ให้เกิดซ้ำอีก
                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี กรณีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ สถานีรามคำแหงเกิดกระแสไฟฟ้าขัดข้อง เมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) ว่า ตนตรวจสอบแล้ว แอร์พอร์ตลิงค์เส้นนี้มีปัญหามานานแล้ว ประเด็นสำคัญคือเรื่องจำนวนขบวนรถ ซึ่งไม่ได้เกิดจากสมัยรัฐบาลตน มันไม่ได้มีการเตรียมการไว้ในเรื่องของระบบต่าง ๆ ที่ทดแทน จำนวนรถที่ไม่ได้สนใจกันเลย เมื่อวานนี้ (21 มี.ค.) เหตุเกิดจากระบบไฟฟ้ามีปัญหา และระบบไฟฟ้าสำรองดันมาเสีย ไปดูว่าระบบไฟฟ้าสำรองมันเสียอย่างไร ตนให้ไปดูแล้วปรากฎว่า มันเสียมาหลายเดือนแล้ว และกำลังให้สอบสวนกันอยู่
                “ถ้าทุกคนทำงานตามหน้าที่ของตัวเอง เอาใจใส่มันก็จบ ถ้าไม่เอาใจใส่มันก็เป็นแบบนี้ตลอดไป และที่ผ่านมาอยากบอกว่า มันไม่ใช่ใครที่ต้องไปแถลงตรงโน้นตรงนี้ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมได้ให้รัฐมนตรีช่วยเป็นผู้ไปชี้แจง ใครอยู่ใกล้ก็ไปก่อนก็แค่นั้นเอง และคนที่ไปช้าจะไปถามทำไมว่าไปช้า เพราะมันเป็นหน้าที่ ในระดับนโยบายคือผมและรัฐมนตรี มันมีผู้ปฎิบัติอยู่แล้ว ก็ต้องไปลงโทษผู้ปฎิบัติว่าจะทำอย่างไร หามาตรการอย่างไรที่จะไม่ให้เกิดขึ้นอีก การลงโทษมีทั้งเบาไปหาหนัก ไม่ใช่เอาไปฆ่าทิ้ง ไปแก้ให้ถูกจุด” นายกฯ กล่าว
                นายกฯ กล่าวด้วยว่า วันนี้ให้ไปหาทางซ่อมแซมให้มีใช้ รถที่ใช้ตอนนี้มันแน่นเกิดไป เพราะเป็นที่นั่งแบบบิสซิเนสหมด อาจจะต้องเอา 4 ขบวนมาปรับปรุงก่อน ภายในเวลา 4 เดือน ในเรื่องของการทำให้นั่งได้มากขึ้น ยืนได้มากขึ้น มันจะได้ขนคนได้มากขึ้น ในเรื่องการซื้อใหม่ยังไม่ซื้อ ซื้อใหม่ตอนที่แก้ปัญหาได้หมดแล้ว และค่อยซื้อยังมีเวลาทัน ทุกคนมุ่งแต่จะซื้อ ๆ หมด ผมยังไม่ให้ทั้งหมดหรอก
‘นายกฯ’สั่ง 4 กระทรวง บูรณาการแก้ปัญหาน้ำ
                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงการใช้มาตรา 44 การขับเคลื่อนแผนงานการบริหารน้ำ ให้สอดคล้องกันว่า ตนต้องการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพาณิชย์ ต้นทาง กลางทาง ปลายทาง และต้องบวกกระทรวงศึกษาธิการเข้าไปด้วยในเรื่องการสอนคนและเรื่องการวิจัยและพัฒนาต้องเข้ามาร่วมกลุ่มด้วย เพื่อนำไปสู่การทำแผนงานโครงการที่สอดคล้องกันหมด ว่าจะทำอย่างไรประชานจะมีรายได้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ถ้าคิดเป็นกิจกรรมแบบนี้ ทั้ง 19 กระทรวงจะมาร่วมกันทุกงาน เพื่อจะได้เกิดผลทีเดียว ถ้าทุกคนแยกกระทรวงกันไปก็จะทำงานในแท่งของตัวเองคนเดียว
                วันนี้ตนเป็นคนบูรณาการทั้งหมดอยู่แล้วว่าใครจะต้องไปทำอะไร ทุกกระทรวงมีความเกี่ยวข้องเรื่องน้ำ ทั้งงบบาดาล งบขุดบ่อเหมือนกันหมด แต่มากบ้างน้อยบ้าง ดังนั้นต้องกำหนดเป้าหมายให้ชัดเจนเพื่ออะไร เพื่อใครที่ไหนจะได้เกิดประโยชน์สูงสุด เพราะที่ผ่านมาไม่ต่อเนื่อง
‘นายกฯ’ ให้ยึดตามก.ม. ‘แจส โมบาย’ ไม่จ่าย ‘4จี’
                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์กรณี บริษัท แจส โมบาย บรอดแบนด์ ไม่ชำระเงินค่าใบอนุญาตคลื่น 900 MHz กับคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ว่า ตนทราบแล้ว ให้เป็นเรื่องของกฎหมาย และคงเป็นเรื่องของการประมูลใหม่
                “ไม่ต้องสั่งหรอกเรื่องอย่างนี้ ให้ทำตามกฎหมายไป จะไปเอื้อประโยชน์อะไรกับใครไม่ได้อยู่แล้ว และอาจจะต้องมีการลงโทษเรื่องค่าปรับด้วย” นายกฯกล่าวย้ำ
‘นายกฯ’ แจงวางโควต้ากองทัพในส.ว.ให้กลั่นกรองข้อมูลทหาร-ตำรวจ ยันไม่ยึดอำนาจ
                พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงข้อเสนอในร่างรัฐธรรมนูญของคสช.ต่อกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ว่า ที่กรธ.ระบุว่าให้พบกันครึ่งทางนั้น ยังไม่รู้ว่าครึ่งทางไหนและจะยังไม่มีข้อเสนอแนะไปเพิ่มเติม เพราะยังไม่ทราบผลสรุปจะออกมาอย่างไร เอาอย่างนี้แล้วกัน ตนทำไปด้วยความหวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ใครจะคิดอย่างไรก็ตามแต่ ถ้ามันออกมาได้ก็น่าจะดี ถ้าออกไม่ได้ก็ต้องรับผิดชอบด้วยกันทั้งหมด ประชาชนด้วย
                ผู้สื่อข่าวถามว่า ในร่างรัฐธรรมนูญเปิดให้มีพรรคเล็กเข้ามา  ทำให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า จะทำไม ถ้าพรรคเล็กมา หากพรรคใหญ่ไม่ดีจะมาได้อย่างไร ถ้าพรรคใหญ่เขาดีมันก็ต้องมาได้ คนก็ต้องเลือกพรรคใหญ่ แต่ละพรรคต้องหาคนดีมาให้เขาเลือก ทุกเรื่องเขาตั้งเป็นกลไกมาเฉย ๆ มีการคัดกรองตั้งเยอะแยะ จากนี้ก็จะมีส.ว.ดู ทุกเรื่องต้องทำงานด้วยกัน ไม่ใช่กลัวพรรคเล็กจะเข้ามามาก แล้วที่ผ่านมาได้อะไรไหม มีปัญหาหรือไม่เพราะมีคนพรรคใหญ่มากเกินไป แล้วทำดีหรือไม่ หรือจะเอาแบบนั้นอีกก็ตามใจ ประชาชนก็เลือกกันมาก็แล้วกัน
                ส่วนที่ให้โควต้าส.ว.มาจากเหล่าทัพ 6 ตำแหน่ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นส.ว.เพื่อที่จะดูแลให้ข้อมูล ไม่ได้ให้ไปสั่งใคร ส.ว. ส.ส. ทำหน้าที่ภายใต้ระบบรัฐสภา การที่ให้มี 6 คนดังกล่าวเข้าไป เพราะเขาคุมหน่วยทหาร ตำรวจอยู่ เวลารัฐบาลจะใช้อะไร จะได้ไม่ต้องแยกใช้ ถ้าสั่งเรื่องไปก็จะมีการหารือกัน ในเหตุผลไม่เช่นนั้นพอสั่งไปในวันหน้าก็จะมาโทษอีก ว่าทำไมทำให้คนนี้ ไม่ทำให้คนโน้น ไปเป็นเครื่องมือให้เขาด้วยซ้ำ ไปกลั่นกรองให้เขาผิดตรงไหน
                “กลัวอะไร กลัวพวกนี้จะเอากำลังไปยึดส.ว.หรืออย่างไร เขามีสมองน่า รัฐบาลทำให้ดีเถอะ ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งสิ้น ที่ทำให้ทั้งหมด ทำให้รัฐบาลใหม่ทั้งนั้น จะแก้ไข จัดระเบียบอะไรต่าง ๆ ถามว่าผมได้อะไรหรือไม่ ผมอยู่เมื่อถึงเวลาที่ต้องอยู่ จากนั้นใครได้ประโยชน์ประชาชนใช่ไหม รัฐบาลใหม่ใช่ไหม แล้วมาโจมตีผมซึ่งเป็นคนทำไว้ให้ แล้วเอากลไกประชาธิปไตยโลกเขามา แล้วเราเหมือนโลกคนอื่นเขาหรือเปล่า วันนี้เราเหมือนใครในโลกหรือไม่ คนไทยคิดแบบนี้ ต้องคิดให้เหมือนคนทั้งโลกเขาก่อน ถึงจะเอากติกาคนทั้งโลกมาใช่ ค่อย ๆ เดินหน้าไปสิ แยกออกหรือยังว่าประเทศประชาธิปไตยแตกต่างจากประเทศสังคมนิยมประชาธิปไตยอย่างไร สหพันธรัฐเป็นอย่างไร ต้องมีพื้นฐานตรงนี้ก่อน มันถึงจะนำมาสู่ว่าไทยอยู่ตรงไหน แบบไหน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
                นายกฯ กล่าวว่า ขอถามว่าเอาของตนไปเปรียบเทียบกับประเทศสังคมนิยมเขาได้ไหม ทำไมเขาเจริญเติบโตเท่านั้นเท่านี้ ทำไมเขาก้าวหน้า เขาลงทุน ซึ่งเขาต้องทำอีไอเอ แบบเราทำบ้างไหม เขาถูกต่อต้านเยอะหรือไม่ เคยเห็นไหม บางประเทศอยากจะสร้างถนน เขาชี้เส้นตรงแล้วลุยเลย มีใครค้านเขาได้ มันต่างกันตรงนี้ เขาเรียกว่าการใช้อำนาจมันต่างกัน ความจริงตนมีอำนาจมากกว่าเขาอีกยังทำไม่ได้เลย เพราะคนไทยไม่ค่อยยอมรับผลประโยชน์คนอื่น นอกจากดูตัวเองก่อนนั่นแหละคือสิ่งที่ตนคำนึง คนดีเยอะ แต่มีคนชักนำให้เสียหาย จากการที่ตนไปพบชาวบ้าน ประชาชนอยากได้ถนนหนทาง ตนก็บอกให้ไปบอกคนที่ค้าน ถ้าไม่ค้านมากนักก็ทำได้ แล้วเสร็จไปนานแล้ว ตนก็มาลดเวลาให้ ก็หาว่ายกเลิกอีไอเออีก มันทำได้ที่ไหนเข้าใจหรือยังการสร้างเส้นทางรถไฟ สร้างแบบหลบไปหลบมา เลี่ยงซ้ายเลี้ยวขวาเป็นเลขแปด เพื่อหลบที่คนที่ไม่ให้ทางได้หรือไม่ ถ้าอยากได้ต้องไปช่วยตนตรงนั้น หากอยากให้ของถูกต้องสร้างเส้นทางตรง ๆ ไม่ต้องทำสะพานลอดได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ แล้วกลับมาว่ารัฐบาลทำไม่ได้
                “ถ้าผมทำอะไรไม่ได้ในวันนี้ อย่าคิดว่าวันหน้าจะทำอะไรได้อีกเลย จำคำพูดผมไว้ก็แล้วกัน” นายกฯ กล่าว
‘นายกฯ’ สั่งติดตามงบประมาณโครงการใหญ่ วอนเอ็นจีโอคำนึงถึงการพัฒนาประเทศ
                เมื่อเวลา 12.10 น. วันที่ 22 มีนาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ที่ประชุมวันนี้มีการพิจาณาหลายโครงการที่ได้ผ่านการพิจารณาวาระแรกไปแล้ว โดยรัฐบาลย้ำให้ติดตามงบประมาณซึ่งมีความก้าวหน้าตามลำดับ และต้องเข้าใจว่าโครงการการลงทุนขนาดใหญ่นั้นมีปัญหา เช่นการทำเส้นทาง ถนน โครงการน้ำ เมื่อไม่สามารถเริ่มโครงการได้เพราะติดขัด EIA EHIA ส่งผลให้งบประมาณเดินหน้าไม่ได้ โดยเรื่องเหล่านี้มีผลต่อความเชื่อมั่นในประเทศ ดังนั้นไม่ควรยกเลิกโครงการ แต่ต้องหารือเพื่อหาทางออกร่วมกัน
                “ทุกคนต้องยอมรับว่า ถ้าสร้างในพื้นที่ที่ตัวเองมีส่วนได้ส่วนเสีย ต้องคำนึงว่าถ้าไม่มีเลยกับการมีบางส่วนแล้วมาให้ความร่วมมือบ้าง จะเกิดประโยชน์ต่อตัวเองและคนอื่นด้วยหรือไม่ ดังนั้นต้องสร้างค่านิยมใหม่ โครงการใหญ่ทำไม่ได้เพราะติด EIA EHIA ก็ไปทำเล็กๆ อันไหนทำไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ ถ้าประชาชนในพื้นที่ไม่ได้ประโยชน์ก็ช่วยไม่ได้ เพราะไม่มาช่วยกันดู เช่น ไฟฟ้า ถ้าทุกคนอยากให้มีพลังงานทดแทน ก็ต้องช่วยกัน ผมอยากดูแลทุกคน ถ้าไม่ร่วมมือกันเลยก็เป็นแบบนี้ พวกเอ็นจีโอ ก็ต้องเข้าใจ อย่าคิดแต่เรื่องของตนโดยไม่สนใจประเทศว่าจะพัฒนาไปอย่างไร มันไปไม่ได้หรอก” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

Leave a comment