ปลูกผักหวานป่าแซมสวนหม่อน ที่ชัยภูมิ ของ “ป้าคำพุฒิ แสนสิบ” รวยปีละหลายแสนบาท

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05041151058&srcday=2015-10-15&search=no

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 609

เทคโนฯ การเกษตร

ปรัชญา รัศมีธรรมวงศ์

ปลูกผักหวานป่าแซมสวนหม่อน ที่ชัยภูมิ ของ “ป้าคำพุฒิ แสนสิบ” รวยปีละหลายแสนบาท

“ผักหวานป่า” เป็นผักพื้นบ้านที่พบเห็นได้ง่ายในเขตพื้นที่ราบสูง ที่เป็นป่าเต็งรัง ป่าไผ่ รวมอยู่ในกลุ่มพวกป่าเบญจพรรณ ผักหวานป่ามีลักษณะใบใหญ่ กลมยาว หนา หากสนใจอยากปลูกผักหวาน แต่ไม่รู้วิธีปลูก ต้นผักหวานมักจะไม่ค่อยโต การปลูกผักหวานให้ได้ผลผลิตที่ดี ต้องปลูกเลียนแบบธรรมชาติ โดยปลูกผสมผสานกับพืชไร่ไม้ผลอื่นๆ เพื่ออาศัยร่มเงาไม้พี่เลี้ยงช่วยพรางแสงแดดในแปลงเพาะปลูก จุดยากลำบากในการปลูกผักหวานป่าคือ ต้นกล้า ที่เกิดจากการเพาะเมล็ด เมื่อนำไปปลูกในดิน ต้องระวังไม่ให้รากขาดและรากต้องตั้งตรงลงดิน มิฉะนั้น ต้นผักหวานจะไม่เจริญเติบโต

ผักหวานป่า เป็นสินค้าขายดี เป็นที่ต้องการของตลาดตลอดทั้งปี ผลผลิตในช่วงนอกฤดู ซื้อขายในราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 200 บาท ผลผลิตในช่วงฤดู ราคาขายอยู่ที่ กิโลกรัมละ 70 บาท ดอกผักหวานป่ามีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 300 บาท ผักหวานป่าจึงเหมาะสำหรับปลูกในเชิงการค้า เพราะมีรสชาติอร่อย และมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีทั้งวิตามิน โปรตีน กากใยอาหาร ช่วยย่อยอาหารได้ดีมาก แถมเป็นพืชสมุนไพรที่มีสรรพคุณทางยา ช่วยป้องกันโรคมะเร็ง โรคหัวใจ ลดอาการอักเสบทางผิวหนัง ลดน้ำตาลในเลือด ละลายไขมัน ฯลฯ

ศูนย์เรียนรู้ การปลูก

ผักหวานป่า จังหวัดชัยภูมิ

ปัจจุบัน มีแหล่งปลูกและขยายพันธุ์ผักหวานป่าและผักหวานบ้านในหลายพื้นที่ เช่น บ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ขอนแก่น ชัยภูมิ ฯลฯ ในฉบับนี้ ขอพาท่านผู้อ่านไปเยี่ยมชม “ศูนย์เรียนรู้ การปลูกผักหวานป่า” ของ “ป้าคำพุฒ แสนสิบ” บ้านเลขที่ 71/1 หมู่ที่ 7 บ้านโนนผักหวาน ตำบลแหลมทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ 36260

สำหรับ “ศูนย์เรียนรู้ การปลูกผักหวานป่า” แห่งนี้ อยู่ภายใต้การสนับสนุนของ กศน. ตำบลแหลมทอง ที่ผ่านมา ทาง กศน. ตำบลแหลมทอง เปิดกลุ่มโครงการจัดการศึกษาต่อเนื่องแบบบูรณาการด้านอาชีพ หลักสูตรการปลูกผักหวานป่า ณ บ้านโนนผักหวาน โดยให้ ป้าคำพุฒิ แสนสิบ เป็นวิทยากร สอนเยาวชนและชาวบ้านที่สนใจหลักสูตรนี้อย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบัน ครอบครัวป้าคำพุฒิมีอาชีพปลูกผักหวานป่าแซมในสวนหม่อน ลำไย พริก เงาะ ปลูกแบบผสมผสาน บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ในอดีตครอบครัวป้าคำพุฒิมีอาชีพรับจ้างเลี้ยงไหม มาตั้งแต่ ปี 2528 จนกระทั่ง ปี 2543 เจอปัญหาราคาเส้นไหมตกต่ำ จากเดิมที่เคยซื้อขายในราคา กิโลกรัมละ 170 บาท ก็ร่วงหล่นเหลือแค่ 80 บาท ต่อกิโลกรัม รายได้หดหาย แถมมีปัญหาใบหม่อนไม่พอเลี้ยงหนอนไหม จึงพยายามมองหาอาชีพใหม่เพื่อเป็นรายได้เสริมเลี้ยงครอบครัว จังหวะนั้นเจอเพื่อนบ้านปลูกผักหวานป่าขาย กิโลกรัมละ 200 บาท ได้ผลกำไรดี จึงเกิดความสนใจ ขอให้ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาชัยภูมิ พาไปดูงานเรื่องการปลูกผักหวาน ที่บ้านหมอ จังหวัดสระบุรี

ปลูกผักหวานป่า

แซมพืชไร่ไม้ผล

ป้าคำพุฒิ ได้นำต้นผักหวานป่ามาทดลองปลูก จำนวน 150 ต้น โดยปลูกผักหวานป่าเลียนแบบธรรมชาติ ปลูกแซมในสวนหม่อน ลำไย พริก เพื่อให้เป็นไม้พี่เลี้ยง ให้มีแสงแดดรำไร ต้นผักหวานป่าเจริญเติบโตดี ปลูกประมาณ 4 ปี ก็เริ่มเก็บยอดผักหวานออกขายได้ ป้ากับเพื่อนเกษตรกรจะรวมกลุ่มกันขายผักหวานป่าให้แม่ค้า ในราคากิโลกรัมละ 200 บาท ปัจจุบัน สวนผักหวานป่าแห่งนี้มีอายุครบ 10 ปีแล้ว ยังให้ผลผลิตที่ดี ผักหวานป่า เป็นพืชที่ทนแล้ง ใช้น้ำน้อย จะเข้าสู่ช่วงพักต้นในช่วงเดือนพฤศจิกายน-พฤษภาคม ของทุกปี เมื่อเข้าสู่ช่วงฤดูแล้งจะสามารถเก็บผักหวานป่าออกขายได้

ป้าคำพุฒิ บอกว่า ที่นี่เก็บผักหวานป่าออกขายปีละครั้ง โดยเก็บยอดผักหวานป่าในลักษณะผักสด และเก็บใบผักหวานป่ามาแปรรูปในลักษณะใบชา ต้นผักหวานป่าเมื่อมีอายุมากขึ้นจะมีเมล็ด สามารถนำมาเพาะขยายพันธุ์ได้ ผักหวานป่าจะมีเมล็ดปีละครั้ง จะสุกประมาณปลายเดือนเมษายน-ต้นเดือนมิถุนายน เมล็ดจะมีอัตรางอกลดลงอย่างเร็วมาก เมล็ดแก่ที่หลุดร่วงจากต้น ต้องเร่งเพาะเมล็ดภายใน 15 วัน หากปล่อยทิ้งไว้ เปอร์เซ็นต์การงอกก็จะลดลงเรื่อยๆ

จากปีแรกที่ปลูกต้นผักหวานป่า จำนวน 150 ต้น ปัจจุบัน ป้าคำพุฒิ สามารถขยายพันธุ์ต้นผักหวานป่าได้เพิ่มขึ้นเป็น 2,000-3,000 ต้น มีรายได้จากการเก็บผักหวานป่าออกขาย ปีละ 200,000 บาท และเก็บเมล็ดผักหวานป่า จากป่าชุมชนแถวบ้านมาเพาะขยายพันธุ์ จำหน่ายต้นกล้าแก่เกษตรกรและประชาชนที่สนใจ ในราคา ต้นละ 25 บาท ต้นกล้าที่เกิดจากการเพาะเมล็ดดสามารถเติบโต แข็งแรง เป็นที่ต้องการของตลาดทั่วไป

คำแนะนำ

ในการปลูกผักหวานป่า

ป้าคำพุฒิ บอกว่า ปลูก 4 ปี ก็เก็บยอดขายได้แล้ว เวลาขุดดินใส่ต้นกล้าผักหวานป่าลงไป ระวังอย่าให้รากขาด เพราะต้นผักหวานป่าจะไม่เจริญเติบโต ไม่แตกยอด เวลาปลูกควรใส่ปุ๋ยคอกบำรุงดินลงไป ต้นผักหวานป่ามีอายุยืน 50-100 ปี แถมดอกผักหวานป่ายังขายได้ราคาดีอีกต่างหาก ขายส่งในราคา กิโลกรัมละ 300 บาท ตลาดนิยมดอกผักหวานป่า เพราะถือว่าเป็นของแปลก เป็นยาดี ขายแยกดอก แยกใบ

โดยธรรมชาติแล้ว ต้นผักหวานป่า มักพบเห็นได้ตามป่าเบญจพรรณ ที่มีไม้ยืนต้นหลากหลายชนิด หากเรานำมาปลูกในพื้นที่เรือกสวนไร่นา จำเป็นต้องสร้างบรรยากาศภายในสวนให้มีร่มเงาเหมือนป่าตามธรรมชาติ โดยปลูกผักหวานป่าแซมกับไม้ผลไม้ยืนต้น ประเภทต้นลำไย มะยงชิด ต้นหม่อน หากปลูกผักหวานป่าแบบพืชเชิงเดี่ยว ต้นผักหวานป่าจะแสดงอาการใบเหลืองและมีโอกาสตายได้

เพื่อช่วยให้ต้นผักหวานป่าเจริญเติบโตเร็ว และแตกยอดได้ดี ควรตัดยอดบ่อยๆ เพื่อกระตุ้นให้ต้นผักหวานป่าแตกยอดใหม่ได้มากขึ้น เทคนิคนี้ได้ผลดีเมื่อทำกับต้นผักหวานป่าที่มีอายุมากแล้วเท่านั้น นอกจากนี้ การขุดรากผักหวานป่าที่เป็นต้นแก่แล้ว สามารถช่วยให้เกิดการแตกต้นใหม่ได้เช่นกัน สำหรับต้นผักหวานป่าที่ปลูกตามธรรมชาติ แค่ดูแลใส่ปุ๋ยคอก ใส่ปุ๋ยขี้ไหมใต้ต้นผักหวานป่า ก็ทำให้ต้นผักหวานในชุมชนแห่งนี้มีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร คือมีลักษณะยอดใหญ่ และอ่อน มีรสชาติหวาน มัน กรอบ

ที่ผ่านมาครอบครัวป้าคำพุฒิได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) สาขาชัยภูมิ จำนวน 5,000 บาท เพื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนทำนารอบสอง ป้าคำพุฒิ กู้เงิน 200,000 บาท มาใช้ก่อสร้างโรงเรือนเลี้ยงไหม ปัจจุบัน ป้าคำพุฒิมีรายได้จากการทำสวนผักหวานป่าผสมผสานกับสวนผลไม้ สร้างรายได้ก้อนโต หักค่าใช้จ่ายแล้วยังมีเงินเหลือเก็บเหลือใช้ สามารถชำระเงินกู้กับ ธ.ก.ส. ได้หมดแล้ว ปัจจุบัน ฐานะความเป็นอยู่ของครอบครัวป้าคำพุฒิก็ดีขึ้นเรื่อยๆ และสวนแห่งนี้ก็กลายเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องการปลูกผักหวานป่า ที่ผู้สนใจต่างแวะเวียนกันเข้ามาหาความรู้ได้อย่างต่อเนื่อง

สูตรปุ๋ยขี้ไหม

ป้าคำพุฒิ แนะนำเคล็ดลับการผลิตปุ๋ยขี้ไหมเพื่อใช้ในไร่นา โดยนำขี้ไหม น้ำหนัก 50 กิโลกรัม กากน้ำตาล จำนวน 1 ถัง สาร พด. 2 นำมาหมัก ประมาณ 1 เดือน ก็นำไปใช้งานได้ โดยใช้ปุ๋ยขี้ไหม อัตราส่วน 5 ลิตร ผสมน้ำ 200 ลิตร ฉีดพ่นในสวนผักหวานป่า ช่วยให้ต้นและใบผักหวานป่าเขียวเข้ม เติบโต งาม ช่วยประหยัดต้นทุนได้ดี

แกงผักหวาน

ใส่ไข่มดแดง…อร่อยเด็ด

ป้าคำพุฒิ มีเมนูอร่อยประจำบ้านมาฝากกันคือ แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง เป็นเมนูรับแขก ที่ใครก็ยอมรับว่า มีรสชาติอร่อยเด็ด ป้าคำพุฒิ บอกว่า หมู่บ้านโนนผักหวาน โดยรอบเป็นป่าเขาเป็นธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ จึงมีไข่มดแดงที่สร้างรังบนต้นไม้เป็นจำนวนมากในช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายนของทุกปี แกงผักหวานใส่ไข่มดแดง ถือเป็นอาหารที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านแห่งนี้

หากใครอยากลิ้มรสแกงผักหวานใส่ไข่มดแดง ก็ให้เตรียมวัตถุดิบสำคัญไว้ให้พร้อม ได้แก่ ผักหวาน ที่ล้างสะอาดแล้วเด็ดเอาแต่ยอดอ่อน ไข่มดแดง เห็ดขอนขาว น้ำปลาร้า น้ำเปล่า กระเทียม หอมแดง ตะไคร้ ข่า และพริกสด วิธีการทำ เริ่มจากใส่น้ำลงในหม้อต้มให้เดือด ใส่พริกสดลงไป ใส่เครื่องสมุนไพร กระเทียม ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด หอมแดง ลงไป ใส่ไข่มดแดงที่เตรียมไว้ ใส่น้ำปลาร้า ใส่ผักหวานเป็นลำดับสุดท้าย คนให้เข้ากัน รอให้วัตถุดิบสุกเข้ากัน ตักใส่ถ้วยรับประทานได้เลย รับรองอร่อยเด็ด จนต้องขอตักเพิ่มเป็นถ้วยที่สอง

หากผู้อ่านท่านใดสนใจ สั่งซื้อต้นกล้า และยอดผักหวานป่า สามารถติดต่อกับ ป้าคำพุฒิ แสนสิบ ที่ ตำบลแหลมทอง อำเภอภักดีชุมพล จังหวัดชัยภูมิ โทร. (087) 864-2716, (085) 205-7873 รับรองไม่ผิดหวัง

Leave a comment