ปลูกพืชเศรษฐกิจแซมสวนยางพาราทางเลือกเพื่ออยู่รอดของเกษตรกร

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160118/220738.html

เกษตร-วิทยาศาสตร์-ไอที : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 18 มกราคม 2559
ปลูกพืชเศรษฐกิจแซมสวนยางพาราทางเลือกเพื่ออยู่รอดของเกษตรกร

ปลูกพืชเศรษฐกิจแซมสวนยางพาราทางเลือกเพื่ออยู่รอดของเกษตรกร : ยุพิน พงษ์ทองรายงาน

             หนึ่งในโครงการแก้ปัญหายางพาราครบวงจรของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์นั้น พล.อ.ฉัตรชัย สาริกัลยะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ระบุว่า การแก้ปัญหายางพาราเพื่อให้เกิดความอย่างยั่งยืนในอนาคต รัฐบาลได้อนุมัติเงินจำนวน 1 หมื่นล้านบาท สำหรับโครงการสนับสนุนสินเชื่อเกษตรกรชาวสวนยางรายย่อยเพื่อประกอบอาชีพเสริม โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกษตรกรประกอบอาชีพเสริมในสวนยาง ช่วยให้มีรายได้เพิ่มเติมนอกเหนือจากการทำสวนยางพาราเพียงอย่างเดียว

ปัจจุบันมีเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ 159,270 ราย ได้รับอนุมัติเงินสนับสนุนในการประกอบอาชีพเสริมจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) แล้ว 96,563 ราย และเมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2558 ที่ผ่านมา ขอขยายวงเงินเพิ่มและได้รับงบประมาณเพิ่มอีก 5,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 1.5 หมื่นล้านบาท ขณะนี้เหลือเงินประมาณ 2,861 ล้านบาท ทั้งนี้จะมีการขยายระยะเวลารับสมัครเกษตรกรเข้าร่วมโครงการเพิ่มเติม ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2559 เป็นต้นไป

จากการติดตามผลการดำเนินโครงการปรากฏว่า ร้อยละ 61 ของเกษตรกรมีความสนใจประกอบอาชีพเสริมด้านปศุสัตว์/ร้อยละ 13 ปลูกไม้ผล ไม้ยืนต้น ไม้ประดับ/ร้อยละ 10 ปลูกพืชไร่/ร้อยละ 9 ทำประมง และอื่นๆ อีกร้อยละ 7 ได้แก่ การแปรรูปสินค้าเกษตร เป็นต้น ซึ่งเมื่อปลายปี 2558 ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความสำเร็จของเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการใน จ.สุราษฎร์ธานีแล้ว

ดูเหมือนการว่า โครงการส่งเสริมให้ชาวสวนยางพาราปลูกพืชเศรษฐกิจแซมในสวนยางพารานั้น หลายภาคส่วนต่างสนับสนุนเป็นอย่างดี จะเห็นได้จากในวงเสวนาโต๊ะกลม เรื่อง “พลิกวิกฤตเป็นโอกาสแก้ปัญหายางพารา” จัดโดยสมาคมสื่อมวลชนเกษตรแห่งประเทศไทย ร่วมกับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ณ ห้องประชุม อาคารสารนิเทศ 50 ปี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่างเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่งที่จะให้มีการส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจแซมในสวนยางพารา เพื่อเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกร

นายอุทัย สอนหลักทรัพย์ นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ชาวสวนยางทำสวนยางแบบผสมผสานแทนการปลูกพืชเชิงเดี่ยว เพื่อลดความเสี่ยงเรื่องราคายางที่มีแนวโน้มตกต่ำนั้น เป็นความฝันมายาวนาน โดยส่วนตัวพร้อมให้การสนับสนุน ส่วนหนึ่งเพื่อให้ชาวสวนยางที่ปลูกในพื้นที่ไม่มีเอกสารสิทธิ สามารถอยู่ร่วมกับป่าได้ อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนโยบายรัฐบาลต้องการโค่นยางเหล่านี้ เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย

“ส่วนตัวผมไม่ชอบวิธีการแทรกแซงราคายางพารา การแทรกแซงนั้นสามารถใช้ได้ชั่วคราวช่วงที่ราคาตกต่ำเท่านั้น แต่ไม่ควรจะใช้นาน เนื่องจากจะกลายเป็นภาระรัฐบาล การส่งเสริมให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนโครงสร้างสวนอย่างยั่งยืนนั้น มีความจำเป็นและต้องเร่งดำเนินการอย่างจริงจัง อย่างการส่งเสริมปลูกพืชเศรษฐกิจในสวนยางพาราก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง” นายอุทัย กล่าว

นายกสมาคมสหพันธ์ชาวสวนยางแห่งประเทศไทย ระบุอีกว่า การทำป่ายางแทนสวนยางสามารถปลูกพืชสมุนไพร ที่สามารถนำไปสร้างมูลค่าเพิ่มได้ โดยการโค่นต้นยางหรือปลูกใหม่ไร่ละ 40 ต้น จากเดิมที่ปลูกไร่ละ 70 ต้น วิธีการนี้จะทำให้ชาวสวนยางได้น้ำยางในอัตราใกล้เคียงกัน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญ ต้องศึกษาเรื่องนี้อีกครั้ง การปรับโครงสร้างสวนยางดังกล่าวสามารถเริ่มต้นได้เลย ส่วนหนึ่งเพื่อรองรับปัญหาราคาตกต่ำที่คาดว่าจะเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องตามราคาน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลง และภาวะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัว โดยสามารถนำงบประมาณที่รัฐบาลใช้แทรกแซงราคายางในขณะนี้มาส่งเสริมการปลูกปลูกพืชอย่างอื่นที่จะให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น เป็นต้น

เช่นเดียวกับ นายประสิทธิ์ หมีดเส็น กรรมการบริหารการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ระบุว่า เป็นเรื่องที่ดีที่จะส่งเสริมให้ชาวสวนยางมีรายได้นอกเหนือจากการขายยาง ในเรื่องนี้รัฐบาลพยายามที่จะดำเนินการมาโดยตลอด แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ เพราะเกษตรกรโค่นทิ้งทั้งต้นสะตอ เหนียง และเหลียง การเป็นสวนยางเชิงเดี่ยวที่สร้างผลกระทบทั้งระบบ โดยเฉพาะกับคนกรีดยางที่ไม่มีรายได้เลยในขณะนี้ ส่วนเจ้าของสวนยังพอมีรายได้บ้างแม้จะน้อย หาก กยท.จะส่งเสริมเรื่องนี้ต่อ ต้องดำเนินการควบคู่ไปกับการเพิ่มมูลค่าให้ยางพาราด้วย

ด้าน ดร.จงรัก วัชรินทร์รัตน์ คณบดีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า จากการศึกษาของมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เรื่องการทำสวนป่ายาง หรือปลูกยางพาราร่วมกับพืชชนิดอื่นๆ นั้น สามารถทำได้ แต่ต้องเป็นต้นไม้ที่มีความเหมาะสมกับพื้นที่นั้นๆ หรือกับสภาพแสงโดยเกษตรกรสามารถเลือกปลูกได้ตามอายุของต้นยางที่เปลี่ยนไป

“การทำป่ายางผสมผสานช่วยไม่ให้เกิดการชะล้างของหน้าดินเร็วเกินไป และสร้างรายได้เสริมแก่ชาวสวนยางได้ด้วย วิธีการนี้เกษตรกรสามารถเริ่มดำเนินการได้ทันทีในสวนยางที่มีอยู่ โดยวิธีการริดกิ่งหรือใบที่ไม่จำเป็นทิ้งไปปล่อยให้แสงรอดผ่านมายังต้นไม้ที่ปลูกเสริม หรือโค่นต้นยางออกให้เหลือเพียง 40 ต้นต่อไร่ จากปัจจุบัน 70 ต้นต่อไร่ ซึ่งปริมาณน้ำยางที่ได้จะใกล้เคียงกัน” คณบดีคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ยืนยัน

การปลูกพืชเศรษฐกิจแซมในสวนยางพารานับเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะสามารถเพิ่มรายได้ให้แก่เกษตรกรได้ ในยุคที่ราคายางพาราตกต่ำอย่างปัจจุบัน

Leave a comment