ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05034151058&srcday=2015-10-15&search=no
| วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 609 |
เกษตรในเมือง
องอาจ ตัณฑวณิช Ongart8117@gmail.com
ปุ๋ยไส้เดือน ใช้ในบ้านแบบง่ายๆ
การเลี้ยงไส้เดือนเพื่อนำมูลและน้ำจากมูลไส้เดือน ฮือฮามาหลายปีแล้ว ตอนนั้นยังไม่ค่อยใส่ใจนัก เนื่องจากขยะแขยงไส้เดือนอยู่พอสมควร สมัยก่อนที่เป็นเด็กไปตกปลากันก็อาศัยเพื่อนขุดไส้เดือนให้ แล้วตอนเกี่ยวเบ็ดโดยใช้ไส้เดือนก็ให้เพื่อนเกี่ยวให้ ด้วยความรู้สึกว่ามันลื่นๆ ยาวๆ เหมือนงู ก็เลยขี้เดียด มาถึงวันนี้ต้องการเรียนรู้เรื่องเกษตรอินทรีย์ จำเป็นต้องทำปุ๋ยอินทรีย์ที่ไม่ต้องซื้อ และมั่นใจได้ 100 เปอร์เซ็นต์ว่าไม่มีสารเคมีแน่นอน มาใช้กับพืชผักอินทรีย์ที่ปลูก
ในกระบวนการผลิตพืชผักอินทรีย์ ปัจจัยการผลิตค่อนข้างสำคัญมาก เนื่องจากเราต้องมั่นใจในความเป็นปัจจัยการผลิตที่เป็นอินทรีย์แท้ ซึ่งถ้าผ่านการผลิตโดยเราเอง เราย่อมมั่นใจได้แน่นอน และอีกสาเหตุหนึ่งคือเป็นการลดต้นทุนไปในตัว ที่ผ่านมาในการผลิตพืชอินทรีย์มักจะนำเศษพืชผักที่ตัดแต่งออกเพื่อจำหน่ายหรือที่ไม่ได้คุณภาพมาให้เป็นอาหารของไส้เดือน และนำมูลไส้เดือนและน้ำจากมูลไส้เดือนมาเป็นปุ๋ยสำหรับใช้ในพืชผักอินทรีย์ วนเวียนเป็นวัฏจักรกันไปไม่สิ้นสุด ถือว่าเป็นการใช้ประโยชน์จากของเหลือใช้ในการผลิตอย่างมีคุณค่า เพราะในการผลิตพืชผัก ปุ๋ยถือเป็นปัจจัยสำคัญใช้ในปริมาณมาก ซึ่งหมายถึงจำนวนเงินที่มากเช่นกันในการซื้อ
แต่นั่นคือ การผลิตปุ๋ยไส้เดือนในระบบฟาร์ม ซึ่งเป็นการผลิตขนาดใหญ่ที่จะต้องไว้พื้นที่ วัสดุอุปกรณ์ รวมถึงโรงเรือนโดยเฉพาะต่างหากออกมา ปริมาณปุ๋ยที่ได้ค่อนข้างมาก ทั้งหมดนี้ไม่เหมาะสำหรับการผลิตปุ๋ยไส้เดือนแบบครัวเรือน ที่ปลูกผักกันในบริเวณรั้วบ้านไม่รู้จะทำไปทำไมเยอะแยะ และก็ไม่รู้จะแบ่งที่ทางกันยังไง เพราะปัจจุบันเราก็อยู่กันในบ้านเล็กๆ ในเมือง หรือชานเมืองกัน เพราะได้มีโอกาสไปศึกษาเรื่องการเลี้ยงในระบบฟาร์มมาบ้าง ส่วนใหญ่จะส่งเสริมให้เลี้ยงขายกัน การย่อขนาดของเขามาให้เล็กก็ค่อนข้างยุ่งยาก เพราะฉะนั้นมาเลี้ยงแบบหลังบ้านดีกว่า เอาแค่ตะกร้าเดียวก็พอแล้วสำหรับผักที่ปลูกข้างบ้าน เอาไว้ให้เลี้ยงจนชำนาญแล้ว อยากขยายก็ค่อยว่ากัน
ผมมีโอกาสได้ไปอบรมเรื่องการเลี้ยงไส้เดือนแบบง่ายๆ ของ รศ. กษิดิศ อื้อเชี่ยวชาญกิจ อาจารย์ประจำ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เบอร์โทรศัพท์ (081) 821-5007 ที่มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช แบบเร่งรัด แค่ 30 นาที ก็เห็นว่าเหมาะกับการนำเอาไส้เดือนมาเลี้ยงข้างบ้าน จึงนำเรื่องราวมาถ่ายทอดให้กันฟัง
ตัวไส้เดือนที่ว่านี้ เป็นไส้เดือนแอฟริกา Africa Nightcrawler (AF) ทำไม ถึงไม่ใช้ไส้เดือนไทย เป็นเพราะว่าไส้เดือนแอฟริกานี้คัดเลือกมาแล้วว่า เป็นพันธุ์ที่กินเก่งและขยายพันธุ์ได้รวดเร็ว เหมาะกับการเลี้ยงเพื่อนำมูลมาใช้ จึงต้องใช้พันธุ์นี้ มิใช่เห่อของนอกแต่ประการใด
เรียนรู้เรื่องไส้เดือนก่อน
ไส้เดือนที่เราจะเลี้ยงนี้ เรียกว่า ไส้เดือนดิน เพราะมันมีไส้เดือนน้ำ ไส้เดือนทะเล ซึ่งเราไม่พูดถึง ไส้เดือนดินมีอัณฑะและรังไข่อยู่ในตัวเดียวกัน หมายถึง มีทั้ง 2 เพศ อยู่ในตัวเดียวกัน เนื่องจากธรรมชาติสร้างสรรค์ไว้ เมื่อไส้เดือนมีอยู่ตัวเดียวก็ขยายพันธุ์ได้ แต่ก็ค่อนข้างยุ่งยากพอสมควร แต่โดยปกติไส้เดือนดินจะจับคู่กันผสมพันธุ์ วงจรชีวิตจะเป็นเหมือนไข่ จนเป็นตัวอ่อนเล็กๆ สีขาว และกลายเป็นลูกไส้เดือน จนกระทั่งเจริญเติบโตจนเป็นวัยเจริญพันธุ์ ได้ใช้เวลาประมาณ 50-60 วัน สถานที่อยู่ต้องเป็นที่ร่มและชื้น ห้ามแสงแดดส่องตรงๆ เด็ดขาด เพราะไส้เดือนจะหนีหมด
ประโยชน์ของไส้เดือน
ไส้เดือนดินที่อยู่ในธรรมชาติจะช่วยทำให้โครงสร้างของดินมีความสมบูรณ์ เนื่องจากการชอนไชของไส้เดือน จะทำให้ดินร่วนซุยและโปร่ง อากาศและน้ำมีโอกาสแทรกเข้าไปในเนื้อดินได้ เป็นการไถพรวนที่ธรรมชาติมอบให้เป็นหน้าที่ของไส้เดือน การไถพรวนของเครื่องจักรทางการเกษตรสามารถไถพรวนหน้าดินได้แค่ 30 เซนติเมตร แต่ไส้เดือนสามารถไถพรวนได้ถึง 20 เมตร ไส้เดือนจะกินซากพืชซากสัตว์ที่อยู่ในดิน แต่หลังจากกินแล้วจะขึ้นมาถ่ายมูลบนดินเสมอ ผมอ่านทีแรกไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ เพราะทำไมต้องยุ่งยากด้วย กินใต้ดินก็ถ่ายไว้ใต้ดิน พอมาเลี้ยงในตะกร้าก็รู้ว่ามันมาถ่ายไว้ข้างบนจริงๆ
มูลของไส้เดือนมีประโยชน์กับพืชมาก เนื่องจากมีสารอาหารที่พืชต้องการสูง และยังอยู่ในรูปที่ละลายน้ำได้ดี ธาตุอาหารดังกล่าวคือ ไนโตรเจน ฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม และมูลไส้เดือนยังช่วยส่งเสริมการละลายธาตุอาหารอื่นๆ ที่อยู่ในดิน ทำให้พืชสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ง่ายอีกด้วย นอกจากนี้ ไส้เดือนยังเป็นตัวที่ตรวจสอบระบบนิเวศว่ามีการปนเปื้อนของสารเคมีมีมากแค่ไหน โดยดูจากจำนวนไส้เดือนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นั้นๆ ว่า มีจำนวนมากหรือไม่ ถ้ามีน้อยหรือไม่มีแสดงว่าอาจเป็นพื้นที่ปนเปื้อนสารเคมี
การเลี้ยงไส้เดือนแบบหลังบ้าน
หาตะกร้าโปร่งๆ หน่อย จะเป็นสี่เหลี่ยมหรือวงกลมก็ได้ นำกระดาษกล่องลังลูกฟูกมาแช่น้ำ สักประมาณ 5-10 นาที ให้กระดาษนิ่ม แล้วจึงนำมารองพื้นและบุตะกร้าทั้ง 4 ด้าน ให้หมด หลังจากนั้น นำมูลวัวที่แช่ไว้ในน้ำ ประมาณ 5-7 วัน จนกระทั่งคลายความร้อนแล้วมาใส่ลงในตะกร้าให้เหลือต่ำกว่าขอบตะกร้า ประมาณ 10 เซนติเมตร แล้วจึงใส่ไส้เดือน ประมาณ 10 ตัว ลงไปข้างบน นำขี้วัวมาโรยทับอีกเล็กน้อย หลังจากนั้น นำกระดาษลูกฟูกที่แช่น้ำเตรียมไว้มาทับข้างบนอีก เป็นอันเสร็จพิธี แล้วนำตะกร้าไปวางในที่ค่อนข้างเย็นและชื้นอยู่ภายในหลังคากันแดดกันฝน เพราะถ้าเป็นที่อากาศร้อนหรือแสงแดดส่องถึงไส้เดือนจะหนีหมด รดน้ำให้กระดาษลูกฟูกที่ปิดหน้าอยู่ 2-3 วันครั้ง หรือเห็นว่าแห้งก็ควรรดน้ำ ส่วนมูลวัวก็เติมสัปดาห์ละครั้งก็พอ แต่ถ้าไม่มีเวลาก็ 2 สัปดาห์ เติมครั้งก็ได้ แต่เติมให้มีปริมาณมากหน่อย ลืมบอกไปมูลวัวที่ขายถูกในกรุงเทพฯ คือที่ ทหารราบ 11 บางเขน ขายกระสอบละ 40 บาท
รศ. กษิดิศ แนะนำว่า การเลี้ยงไส้เดือนของคนเลี้ยงมือใหม่ อย่าเพิ่งนำเศษผัก เศษอาหาร มาให้ไส้เดือนกิน เพราะเราไม่รู้ปริมาณที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นมูลวัวที่แช่น้ำแล้วเหมาะสมที่สุด เพราะให้มากก็ไม่เป็นไร ไม่มีการบูดเน่า ส่วนเศษผัก เศษอาหารต่างๆ ที่ประดังใส่ลงไป ไส้เดือนกินไม่หมดจะบูดเน่าเป็นพิษเป็นภัยต่อไส้เดือน ทำให้เกิดการตายหมู่ได้เป็นประจำสำหรับมือใหม่ แต่พอเราเลี้ยงไปสักพัก ค่อยๆ ให้เศษพืช เช่น เปลือกแตงโมนี่ไส้เดือนชอบ หั่นเป็นชิ้นๆ หน่อยครับ ใส่ทีละน้อย 2-3 วัน ต้องเปิดดูที ถ้ายังไม่หมดแสดงว่าให้มากไป เปลือกแตงโมจะเน่าเป็นเชื้อรา ต้องเก็บออก วิธีนี้สำหรับคนที่ไม่มีเวลา จะเสียเวลาครับ เอามูลวัวอย่างเดียวก็พอ วันอาทิตย์หยุดงานค่อยเปิดดูครั้งเดียวดีกว่า
ศัตรูของไส้เดือน
บริเวณที่เลี้ยงไส้เดือนควรจะไม่มีศัตรูของมันคือ มด หนู กบ นก จิ้งจก กิ้งกือ หอย งู ตุ๊กแก จิ้งหรีด หรืออะไรที่สามารถกินไส้เดือนได้ควรอยู่ห่างหน่อย หรืออาจตั้งบนโต๊ะที่มีความสูงสัก 80 เซนติเมตร ก็ได้ ดูแลง่ายดี
การเก็บมูล
แนะนำให้เก็บมูลไส้เดือนสัปดาห์ละครั้งพอ โดยปกติไส้เดือนจะถ่ายไว้ข้างบน พอเราเปิดกระดาษลูกฟูกออกสักพัก ไส้เดือนจะหลบแดดลงข้างล่าง ก็เอาอะไรที่ไม่มีคมตักมูลไส้เดือนด้านหน้าออก ใส่ตะกร้าพลาสติก แล้วค่อยๆ ร่อน โดยการเคาะขอบตะกร้า มูลไส้เดือนจะตกลงใส่ภาชนะที่รองเอาไว้ ค่อยๆ ร่อนทีละน้อย คอยสังเกตว่ามีไส้เดือนตัวเล็กตกลงมาบ้างไหม ให้เก็บกลับไปใส่ตะกร้าเลี้ยงใหม่ ทำอย่างนี้เรื่อยๆ จนมูลไส้เดือนด้านบนจากตะกร้าเลี้ยงหมด แล้วนำมูลใส่ภาชนะเก็บ โดยปิดฝาไม่ให้โดนฝน เติมมูลวัวให้ได้ในปริมาณเท่าเดิมของตะกร้าก่อนร่อนมูลออก แล้วก็นำกระดาษลูกฟูกมาปิดทับเหมือนเดิม
ทีนี้เราก็ได้ปุ๋ยมูลไส้เดือนเป็นของตัวเอง ใส่ผักของตัวเองได้แบบง่ายๆ ปุ๋ยมูลไส้เดือนนี้ยังมีเชื้อไตรโคเดอร์ม่า ที่นำมาใส่ต้นพืชเพื่อเบียดเบียนเชื้อราอื่น โดยการแย่งกินอาหารให้หมดก่อน เชื้อราอื่นไม่มีอาหารกินก็จะตายไปในที่สุด ทำให้เชื้อราอื่นไม่ทำอันตรายต่อพืชของเรา วันที่ผมได้รับแจก จาก รศ. กษิดิศ อื้อเชี่ยวชาญกิจ มา เป็นไส้เดือนเพียง 5 ตัว อยู่ในตะกร้าพลาสติกเล็กๆ เส้นผ่าศูนย์กลาง ประมาณ 15 เซนติเมตร บรรจุมูลวัวมาเต็ม ปัจจุบันนี้ ผ่านไปหลายเดือนแล้ว ก็ทำแบบไม่ได้เอาใจใส่ แต่ปริมาณไส้เดือนมีการขยายพันธุ์ได้มากพอสมควร จนสามารถแจกจ่ายให้พรรคพวกไป คนละ 10 ตัว หลายคนแล้ว ซึ่งแสดงวิธีการเลี้ยงว่าไม่ได้ยุ่งยากแต่ประการใด