ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160317/224287.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 17 มีนาคม 2559
‘อภิสิทธิ์’ ค้าน ‘ผบ.เหล่าทัพ’ นั่ง ส.ว.สรรหา ชี้ขัดหลักประชาธิปไตย-ส่อสืบทอดอำนาจ แนะ กรธ.ทำให้ปชช.ยอมรับ อย่าเกรงใจใคร หวั่นเป็นเงื่อนไขขัดแย้ง
17 มี.ค.2559 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์(ปชป.) ให้สัมภาษณ์ถึงข้อเสนอปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญ3ข้อ ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่เสนอต่อคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.) มีความจำเป็นแค่ไหนในช่วงเปลี่ยนผ่าน ว่า เฉพาะประเด็นการเพิ่มส.ว.เพื่อมาถ่วงดุลในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ หรือ การจะให้อำนาจส.ว.ในการติดตามประคับประครองการปฏิรูปเท่านั้น ที่สอดรับกับความจำเป็นในช่วงเปลี่ยนผ่านในบทเฉพาะกาล แต่การให้อำนาจส.ว.ในการลงมติไว้วางใจหรือไม่ไว้วางใจ และการไปปรับการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีหรือปรับระบบเลือกตั้ง ที่มีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดสภาพที่เรียกว่าเบี้ยหัวแตก ซึ่งขัดกับการเดินหน้าของประเทศ และขัดกับระบบหลักที่ กรธ.วางไว้ และจะไม่เป็นผลดี ทำให้เกิดความขัดแย้ง เป็นสภาพการเมืองที่เป็นการต่อรองกันระหว่างนักการเมืองกับกลุ่มผู้มีอำนาจ ซึ่งเราไม่ต้องการอย่างนั้น แต่เราต้องการประเทศเดินหน้าไปสู่การปฏิรูปได้ โดยความเป็นประชาธิปไตยที่สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชน แต่มีกลไกที่เข้มแข็งในการที่จะตรวจสอบไม่ให้คนที่มาจากการเลือกตั้งใช้ อำนาจในทางไม่ชอบ นั่นควรจะเป็นเป้าหมาย
เมื่อถามว่า มองโครงสร้างของส.ว.สรรหาที่ให้ฝ่ายความมั่นคงที่เป็นข้าราชการประจำเข้ามาอยู่ด้วย 6 คน อย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การให้ข้าราชการประจำมาดำรงตำแหน่งพร้อมกันถือว่าขัดหลักประชาธิปไตย เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและทำให้เกิดความสับสนในระบบ ซึ่งหลังจากการเลือกตั้งตนยังไม่เข้าใจว่า ให้บุคคล 6 คนเข้ามาอยู่ในสภาฯ ซึ่งมีจำนวน 250 คน จะทำให้เกิดความแตกต่างอะไร นอกเสียจากกลายเป็นว่า 6 คนนี้ จะสามารถมาคุมเสียงอีก 200 กว่าเสียงได้ ก็ยิ่งทำให้เกิดความสับสนว่า ระบบนี้เป็นอย่างไรกันแน่ ข้อเท็จจริงคือท่านเหล่านี้ซึ่งมีความรับผิดชอบด้านความมั่นคง เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของทั้งกองทัพ และตำรวจทั้งประเทศอยู่แล้ว ถ้ากังวลว่าท่านเหล่านี้จะทำงาน และปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้เพราะว่ารัฐบาลใช้อำนาจทางการเมืองเข้าไปแทรกแซง สิ่งที่ควรทำที่สุดคือการไปปฏิรูประบบเพื่อที่จะให้ท่านเหล่านี้ไม่ถูกแทรก แซงทางการเมืองในการทำตามหน้าที่ ไม่ใช่การมาเขียนบทเฉพาะกาลให้มาดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าเราคิดอย่างนี้ คือ 1.เราไม่ได้แก้ปัญหาถาวร และ2.กลายเป็นเรื่องของการให้อำนาจคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาใช้อำนาจซ้อนอำนาจ ซึ่งจะเป็นปัญหา
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและรมว.กลาโหม อ้างว่า การให้เหล่าทัพทั้ง 6 คนเป็นส.ว.โดยตำแหน่งเพื่อป้องกันการปฏิวัติ นายอภิสิทธิ์ กล่าวเพียงว่า แล้วจะทำอย่างไรส่วนกลไกฝ่าทางตันที่ขยายมาตรา7 ของรัฐธรรมนูญปี50 จะเป็นปัญหาหรือไม่นั้น ตนคิดว่าไม่เป็นปัญหา ที่ผ่านมาเราจะมีปัญหาว่ามีการโต้แย้งกันว่าเกิดสถานการณ์ที่ไม่มีบทบัญญัติ ที่บ่งบอกว่าจะต้องทำอะไรอย่างชัดแจ้ง แต่ว่าไม่เคยมีบทบัญญัติที่บอกว่า เมื่อเกิดกรณีอย่างนั้นจะต้องไปถามใครและใครควรจะเป็นคนชี้ขาด วันนี้ก็อุดช่องว่างตรงนี้ ซึ่งสำหรับตนไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ดังนั้นใครสร้างที่ออกมาก็พอรับได้ เพราะว่าจริงๆหลักจะอยู่ที่ศาล ซึ่งมีหน้าที่ในการวินิจฉัยกฎหมายอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า หากกรธ.ปรับแก้ตามข้อเสนอของคสช.มองว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบ้านเมือง หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า คิดว่าทาง กรธ.ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ และเป็นกำลังใจให้ ทั้งนี้อยากจะย้ำว่า ถ้า กรธ.ยืนในสิ่งที่เห็นว่าเป็นหลักการที่ดี สามารถทำให้ประชาชนมีความมั่นใจ ประชาชนลงประชามติรับรองบทบัญญัติตามรัฐธรรมนูญก็จะเป็นไปตามนั้น เพราะฉะนั้นสิ่งที่ กรธ.ต้องคิดให้มากคือการยอมรับจากประชาชน มากกกว่าที่จะต้องไปเกรงใจใคร
“ผมมองว่าถ้าเราทำระบบให้เกิดความสับสน ไม่สามารถสลัดข้อหาการสืบทอดอำนาจและความหวาดระแวงได้ สิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปคือความขัดแย้ง ในที่สุดตรงนี้จะเป็นตัวที่ทำลายทุกสิ่งทุกอย่าง รวมทั้งสิ่งต่างๆที่คสช.พยายามทำมาด้วย และถ้ารัฐธรรมนูญไม่ผ่าน ก็เป็นหน้าที่ของ คสช.ที่จะต้องจัดให้มีรัฐธรรมนูญ แต่ความกังวลของผมคือ ถ้าเราได้รัฐธรรมนูญที่ไม่ผ่านประชามติ จะมีคนที่ไม่พอใจรัฐธรรมนูญออกมาโต้แย้ง สุดท้ายก็จะนำมาสู่การขอแก้ไขการขอรื้อ แต่ถ้าทำให้แก้ไขยาก ก็จะยิ่งทำให้ความขัดแย้งบานปลายออกไปสู่กระบวนการอื่น สุดท้ายรัฐธรรมนูญจะเป็นเงื่อนไขความขัดแย้งในอนาคต ซึ่งไม่ได้เป็นประโยชน์อะไรกับใครเลย” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
เมื่อถามว่า คำให้สัมภาษณ์ของผู้นำรัฐบาลระบุว่าจะเสนอความเห็นไปเรื่อยๆ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้านายกฯอยากเสนอความเห็น อยากจะได้ความเห็นนี้ ก็ต้องย้ำว่าท่านอยากให้พิจารณา ก็ไม่มีอะไร ตนก็เห็นนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ก็บอกว่า ไม่ได้มีอะไรเป็นพิเศษ ท่านก็จะพิจารณาข้อเสนอไปตามข้อเท็จจริงและเหตุผล อย่างไรก็ตามในส่วนของพรรคการเมืองก็ได้ให้ความคิดเห็นอยู่แล้ว โดยจะติดตามการทำงานของกรธ.อีกระยะหนึ่ง แต่คิดว่าการแสดงออกค่อนข้างชัดแล้วว่าคิดกันอย่างไร ตนคิดว่านายมีชัยก็ทราบว่าแต่ละฝ่ายคิดกันอย่างไร เพียงแค่ต้องมีคำถามในวันนี้ว่า เป็นความขัดแย้งหรือไม่ ก็เห็นชัดอยู่แล้วว่ากำลังจะสร้างเงื่อนไขความขัดแย้งขึ้นมาใหม่ ดังนั้นอย่าไปทำเลย
เมื่อถามถึงกฎหมายประชามติที่จะออกมา มีการห้ามรณรงค์ที่ไม่ตรงกับข้อเท็จจริง จะทำให้มีปัญหาหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า หลักการไม่มีปัญหา อย่าไปคิดว่าคนที่พูดจาไม่ตรงกับข้อเท็จจริงจะเป็นฝ่ายที่ไม่สนับสนุน ก็คล้ายกับการเลือกตั้ง ใครไปรณรงค์อะไรก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของข้อเท็จจริง แต่อยากย้ำว่าหากต้องการให้กระบวนการประชามติ สร้างความชอบธรรมให้แก่รัฐธรรมนูญต้องเปิดกว้าง การณรงค์วิพากษ์วิจารณ์อาจทำได้ แต่อะไรที่ผิดกฎหมายเลือกตั้ง ก็ต้องเป็นความผิดเหมือนกัน ตนจึงอยากให้ปลดล๊อคตรงนี้เพราะเห็นนายกฯบอกว่าไม่ได้เดือดร้อนไม่ผ่านก็ร่างเอง เพราะฉะนั้นก็ควรเปิดให้มีการพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ เพราะรัฐธรรมนูญเป็นของทุกคน ใช้บังคับกับทุกคน
เมื่อถามว่า อย่างนี้ คสช.ก็อยู่ยาวหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ไม่จำเป็น รัฐธรรมนูญถ้ารีบเขียนก็เร็ว ทั้งนี้ตนเชื่อว่านายกฯไม่ได้อยากจะยื้ออำนาจ แต่เข้าใจความกังวลของท่านว่า เมื่อท่านไม่อยู่แล้วสภาพปัญหาจะกลับไปเหมือนเดิมหรือไม่ ซึ่งไม่มีใครอยากให้กลับไปเหมือนเดิม แต่ท่านต้องวินิจฉัยปัญหาให้ถูก และแก้ปัญหาให้ตรงไปตรงมา แล้วต้องหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดข้อหวาดระแวงว่าท่านหรือคณะในขณะนี้จะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของความขัดแย้งด้วยการสืบทอดอำนาจเท่านั้นเอง
