วงเสวนายกรธน.‘มีชัย’ดีสุดปราบทุจริตเข้มข้น

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160323/224613.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพุธที่ 23 มีนาคม 2559
วงเสวนายกรธน.‘มีชัย’ดีสุดปราบทุจริตเข้มข้น

วงเสวนายกรธน. ‘มีชัย’ดีสุดมีกลไกปราบโกงเข้มข้น ‘ประมนต์’ อยากให้มีศูนย์ประสานงานปราบทุจริต ‘วิษณุ’พอใจ‘กรธ.’ ทำตามข้อเสนอ คสช. ปม ส.ว.สรรหา

             เมื่อเวลา13.30น.วันที่ 23 มี.ค.2559 ที่โรงแรมเรเนซองส์ ราชประสงค์ มีงานเสวนา“รัฐธรรมนูญกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น จริงใจหรือไก่กา?”จัดโดยองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) ซึ่งมีนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย),นพ.ชูชัย ศุภวงศ์ อดีตรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ยกร่างรัฐธรรมนูญ,นายบดินทร์ อัศวาณิชย์ รองประธานอาวุโส สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เข้าร่วมเสวนา และพล.ต.อ.วัชรพล ประสารราชกิจ ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)ร่วมเสวนา

นายประมนต์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราพยายามผลักดันให้มีกลไกป้องกันทุจริตที่เข้มข้น ตั้งแต่กมธ.ยกร่างฯชุดนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ แต่เมื่อร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เราก็ยังส่งข้อเสนอไปยังคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ชุดนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เราได้เสนอเพิ่มเติมไป ถือว่าได้รับการตอบสนองพอสมควร ยอมรับว่าในร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ. มีความเข้มข้นในการปราบคอร์รัปชั่น แต่ยังมีจุดอ่อนบ้าง ถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านไปได้น่าจะเป็นฉบับที่ดีที่สุดในเรื่องการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ซึ่งมีเรื่องที่อยากเสนอเพิ่มเติมให้สมบูรณ์ขึ้นคือ กระบวนการยุติธรรมของไทยในปัจจุบันไม่มีการบูรณาการร่วมกัน ต่างคนต่างอยู่ปยกกันทำน้าที่ เวลามีเรื่องข้ามหน่วยงานก็จะมีปัญหาระดับหนึ่ง ซึ่งตอนริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มีการเสนอให้มีมาตรการให้หน่วยงานเหล่านี้จัดตั้งศูนย์ประสานงาน เวลาปัญหาจะได้ทำความเข้าใจกัน โดยอยากให้ป.ป.ช.เป็นแกนหลักในการประสานหน่วยงานต่างๆ จะได้เป็นระบบ ความล่าช้าและความไม่เข้าใจจะน้อยไป

“ข้อดีของรัฐธรรมนูญคือมีความถาวรถ้าไม่มีใครไปฉีก แต่ต่อให้ร่างดีอย่างไรถ้าปฏิบัติไม่ได้ก็ไม่เกิดผล จึงอยากสรุปว่าอะไรก็ตามที่เราทำ อย่างการต่อต้านคอร์รัปชั่นต้องมาจากผู้นำประเทศ ไม่ว่าใครก็ตามมาเป็นนายกฯต้องมีความตั้งใจจริงจัง เพราะถ้ามีกระบวนการต่อต้านการทุจริตอย่างจริงจัง ต่อให้ไม่มีกฎหมายพวกนี้ ปัญหาก็ลดได้เยอะ และยังคิดว่า รัฐธรรมนูญต้องมีวิธีการที่ทำให้ผู้นำประเทศสำนึกในเรื่องนี้ มีความรับผิดชอบ มีความละอาย หากทำไม่ได้ก็ต้องพิจารณาตัวเอง อย่าปล่อยให้คนอื่นมาไล่”นายประมนต์ กล่าว

ด้านนพ.ชูชัย กล่าวว่า หากจะวิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ ก็ต้องรอดูว่าวันที่29มี.ค.ร่างสุดท้ายจะเป็นอย่างไร แต่ตนเห็นว่ากระบวนการเข้าสู่อำนาจรัฐนั้น ร่างรัฐธรรมนูญของ กรธ. มีความเข้มข้นเรื่องคุณสมบัติ เพราะใครที่มีประวัติทุจริต เคยถูกศาลตัดสินว่าประพฤติมิชอบ โกงเลือกตั้ง โดยยึดทรัพย์ เคยถูกปลดหรือไล่ออก ก็หมดสิทธิ์หมด ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ขอเสนอเพิ่มในส่วนที่สำคัญคือ ตอนสมัครรับเลือกตั้ง เขาจะต้องยื่นแบบสำเนาเอกสารแสดงภาษีเงินได้ ควบคู่เวลายื่นแสดงบัญชีรายการทรัพย์สินและหนี้สินไปด้วย ซึ่งร่างของนายบวรศักดิ์มีเรื่องนี้ ตนเชื่อว่าถ้ากำหนดไว้แบบนี้จะมีนักการเมืองจำนวนไม่น้อยอาจจะถอย เพราะเมื่อได้รับเลือกตั้งแล้วถ้ามีการตรวจสอบแล้วเกิดแจ้งเท็จหรือไม่สอดคล้องขึ้นมา อธิบายที่มาที่ไปไม่ได้ จะพ้นจากตำแหน่งทันที หมดอนาคตทางการเมือง แล้วอีกประเด็นหนึ่งที่ไม่มีในร่างของนายมีชัยคือ การตั้งกมธ.ต่อต้านคอร์รัปชั่นตรวจสอบงบประมาณแผ่นดิน โดยมีฝ่ายค้านเป็นประธานกมธ.

นพ.ชูชัย กล่าวต่ออีกว่า ตนคิดว่า นักการเมืองท้องถิ่นถ้าต้องเปิดเผยภาษีเงินได้จะมีจำนวนเยอะมาก จะเป็นภาระหนักของป.ป.ช.เมื่อเป็นอย่างนี้ควรโยนให้ป.ป.ท.ส่วนป.ป.ท.เองควรจะต้องเป็นอิสระเหมือนกับป.ป.ช.ด้วยโดยทำงานคู่ขนานกันไป ซึ่งทำให้กลไกต่อค้านคอร์รัปชั่นมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะที่ สตง.ที่ผ่านมาเวลาเตือนเรื่องความเสียหายจากการใช้งบประมาณไปยังภาครัฐ มักพบว่าเขาไม่ฟัง เพราะกฎหมายไม่ได้บังคับ ดังนั้น อยากให้กรธ.เขียนให้ผู้ว่าสตง.โดยเห็นชอบของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) หรือป.ป.ช.เมื่อตรวจพบความเสียหายสามารถยื่นต่อศาลปกครองได้ และศาลต้องดำเนินการโดยไม่ชักช้า และเมื่อชี้มูลต้องหยุดนโยบายที่เอาเงินแผ่นดินไปใช้ทันที ข้อนี้เป็นเรื่องใหญ่ คิดว่าไม่มีไม่ได้ สำคัญมาก ขอความกรุณานายมีชัยให้รับฟังตรงนี้

“ในกรณีพิธีกรชื่อดัง ถ้าองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่น สื่อ โซเชียลมีเดียไม่เรียกร้อง คงเอาไม่อยู่ ดังนั้น รัฐธรรมนูญต้องบัญญัติให้เอื้อต่อสังคม ทำให้สังคมเข้มแข็ง และจะต้องเขียนในหน้าที่ของปวงชนชาวไทยข้อนึงว่า ปวงชนชาวไทยมีหน้าที่ในการป้องกัน ต่อต้านคอร์รัปชั่น รวมทั้งเป็นผู้เสียหาย ซึ่งการเป็นผู้เสียหายเวลาไปร้องศาลปกครองๆ จะปฏิเสธว่าไม่ใช่เป็นผู้เสียหาย และต้องเพิ่มในหน้าที่ของรัฐว่า ต้องส่งเสริมสนับสนุนให้เกิดการกระบวนการเรียนรู้หรือสร้างความเป็นพลเมือง อย่างไรก็ตาม ตนไม่แน่ใจว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ดีที่สุดจริงหรือไม่ แต่คิดว่าอย่างน้อยจะดีที่สุดถ้ารับข้อเสนอจากวงเสวนาครั้งนี้ไปพิจารณาอย่างน้อย2ข้อสำคัญคือ เรื่องศาลวินัยการเงินการคลัง ศาลงบประมาณ และเรื่องการเปิดเผยเอกสารภาษีเงินได้” อดีต กมธ.ยกร่างฯกล่าว

ขณะที่นายบดินทร์ กล่าวว่า ภาพรวมร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้สรุปได้ว่าในส่วนที่เกี่ยวกับการต่อต้านคอร์รัปชั่น และกีดกันนักการเมืองที่ทุจริต ถือว่าดีที่สุดเท่าที่เรามีในประวัติศาสตร์ ตนมีความหวังมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา และตนเชื่อว่าจะป้องกันการทุจริตได้ในระดับหนึ่ง แต่ก็มีจุดอ่อนตรงที่ยังไม่มีกลไกปกป้องข้าราชการเพียงพอ ซึ่งข้าราชการประจำที่น่าสงสารที่สุด เพราะถ้าฝ่ายการเมืองสั่งมา ข้าราชการไม่ทำก็ตาย หรือถ้าทำวันหนึ่งก็อาจจะตาย สำหรับตนพอใจในร่างปัจจุบัน แต่ถ้าเติมส่วนนี้เข้าไปอีกได้ก็จะดี

ด้านพล.ต.อ.วัชรพล กล่าวว่า ต้องยอมรับว่าในปัจจุบันกระบวนการดำเนินการค่อนข้างจะล่าช้า จนกระทั่งมีประเด็นในกรอบร่างรัฐธรรมนูญที่ออกมาตอนแรกว่ามีการบัญญัติกำหนดระยะเวลาการทำงานของหน่วยที่ทำหน้าที่ไต่สวนการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ตนคิดว่าต่อให้ไม่มีกฎหมายกำหนด เราก็มองว่าต้องมีกรอบเวลา อย่างคดีเล็ก1ปีต้องได้คำตอบ ถ้าไม่ได้ต้องมาดูว่าเพราะเหตุใด ตนไม่ได้ขัดข้องที่มีกระแสว่าจะมีกรอบเวลา20เดือน เพียงแต่ให้มีช่องทางว่าบางกรณีถ้าเกิดข้อขัดข้องในการรวบรวมพยานหลักฐาน กระทบคนจำนวนมาก อาจต้องใช้เวลามากขึ้น สำหรับป.ป.ช.รับได้อยู่แล้วกับร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ และรู้สึกว่าถ้าร่างรัฐธรรมนูญผ่านกระบวนการทำงานของเราก็ชัดเจนขึ้น การบังคับใช้กฎหมายจะชัดเจนขึ้น

“วิษณุ”พอใจ“กรธ.”ทำตามข้อเสนอ“คสช.”

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรณีกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) รับข้อเสนอคสช.ในประเด็นให้มีส.ว.สรรหา จำนวน 200 คน ที่เลือกโดยคณะกรรมการสรรหา และใช้วิธีการสรรหาแบบไขว้อีก 50 คน ตามที่กรธ.ออกแบบไว้ ว่า ตนยังไม่เห็นรายละเอียดทั้งหมด ถ้าเป็นจริงตามนั้นก็คงไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ วันที่ 29 มี.ค.นี้ ที่ร่างรัฐธรรมนูญฉบับสุดท้ายจะออกมาคงได้เห็น ส่วนที่กรธ.รับเพียงข้อเสนอเดียวนั้น ต้องถามคสช.ว่าพอใจหรือไม่ แต่ส่วนตัวมองว่า กรธ.มีข้อจำกัดของตัวเองอยู่ จากการเดินสายชี้แจงรายละเอียดร่างรัฐธรรมนูญที่ผ่านมา การที่ร่างออกมาแบบนี้ ก็อยู่ในเกณฑ์ที่น่าจะพอใจและรับได้ ถือว่าใกล้เคียงสิ่งที่คสช.ได้เสนอไป กรธ.พยายามทำดีที่สุด โดยคำนึงถึงความจำเป็นตามที่คสช.ได้บอกไป แต่ยังคงรักษาจุดยืนในสิ่งที่คิดขึ้นมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียว การให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อนายกฯ 3 รายชื่อ รวมถึงวิธีสรรหาส.ว.แบบไขว้ พร้อมทั้งมองว่า ที่กรธ.บัญญัติวิธีได้มาซึ่งส.ว.สองรูปแบบนั้น เป็นการพบกันแบบครึ่งทาง ที่กันบางส่วนเพื่อทดลองใช้วิธีที่คิดขึ้นมาใหม่ ตามที่ได้เดินสายอธิบายกับประชาชน ซึ่งผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนต่างให้การยอมรับ และเป็นสะพานให้โยงไปสู่บทถาวรของรัฐธรรมนูญ

เมื่อถามว่า การให้คสช.เป็นผู้แต่งตั้งคณะกรรมการสรรหา บางฝ่ายเกรงว่าจะถูกครอบงำโดยคสช. นายวิษณุ กล่าวว่า ดูจากการแถลงของกรธ.แล้ว เป็นเหมือนการเปิดประตูไว้สำหรับออกกฎหมายลูก ที่จะกำหนดคุณสมบัติคณะกรรมการสรรหาและจะใช้วิธีการคัดเลือกอย่างไร ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกฎหมายลูก ไม่ใช่จะเปิดกว้างทั้งหมด ที่กลัวกันว่าใครเป็นคนเขียนกฎหมายก็จะเขียนเข้าข้างตัวเองนั้น หากร่วมกันเขียนก็จะเข้าข้างกันหลายฝ่าย และตอนจะออกกฎหมายลูกก็ต้องผ่านคนหลายฝ่าย ประชาชนเมื่อได้รู้ก็คงมีการปรับปรุงกันตอนนั้น ส่วนส.ว.จะมีเมื่อใดนั้น คงต้องรอดูในบทเฉพาะกาล รวมถึงกฎหมายลูก และการให้ส.ว.มีส่วนร่วมลงมติเปิดช่องให้ส.ส.สามารถเลือกคนนอกเป็นนายกฯได้

ส่วนกรณีไม่สามารถเลือกบุคคลตามที่พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเป็นนายกฯได้นั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ถือเป็นดาบสองเมื่อเกิดวิกฤติ ตอนนั้นคนทั้งประเทศต้องรู้ว่าวิกฤติคืออะไร เมื่อถามว่า ส.ว.สรรหาจะกลายเป็นจุดอ่อนของรัฐธรรมนูญหรือไม่ ประชาชนอาจหวาดระแวง เพราะจะกลายเป็นเกราะป้องกันให้คสช. นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบได้ กรธ.ต้องทำความเข้าใจ คสช.ก็เช่นเดียวกัน ก่อนประชาชนจะลงประชามติ เพราะคสช.ยึดอำนาจมาก็มีสิทธิเป็นห่วงสถานการณ์ ฝ่ายความมั่นคง คงมีข้อมูลว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ซึ่งจะเกิดหรือไม่ก็ได้

เมื่อถามว่า ดูแล้วร่างรัฐธรรนูญจะผ่านประชามติหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนมองว่าน่าจะผ่าน เพราะประชาชนเห็นว่าถึงเวลาแล้วสถานการณ์เรียบร้อยจึงควรจัดให้มีการเลือกตั้ง และคสช.ยืนยันมาตลอดว่าจะมีการเลือกตั้ง ปี 2560 ทุกอย่างชัดเจนแบบนี้แล้วก็คงมีคนจำนวนหนึ่งบอกว่า เลือกดีกว่าไม่ได้เลือก ส่วนจะทำอย่างไร ก็ให้ผ่านประชามติแล้วว่ากันต่อไป แต่หากเกิดสถานการณ์อะไรขึ้นมา ก็จะได้รู้ว่าสิ่งที่คิดไว้แก้ปัญหาได้

เมื่อถามย้ำว่า จะมีการรณรงค์ให้รับร่างรัฐธรรมนูญไปก่อนแล้วแก้ทีหลังอีกหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ทำได้ แต่คนที่รณรงค์อย่างนั้นไม่มีส่วนไปแก้การจะไปรณรงค์สามารถทำได้หลายอย่าง

เมื่อถามอีกว่า ถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ ยังคงยืนยันหรือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งภายในปี 2560 นายวิษณุ กล่าวว่า หัวหน้าคสช.ประกาศเช่นนั้น ตนไม่ทราบว่าท่านจะทำอย่างไร แต่ถ้าไม่แน่ใจ ท่านคงไม่ประกาศเช่นนั้น เรื่องนี้ไม่ใช่พลั้งปาก อย่างไรก็ตาม หากมีสถานการณ์อะไรเกิดขึ้น ก็สามารถเปลี่ยนแปลงกำหนดดังกล่าวได้ แต่ถึงขณะนี้ยังไม่มีใครมาพูดกับตนกรณีร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ วันนี้เราบอกว่าจะเลือกตั้งปี 60 แต่อย่ามาคาดคั้นว่าถ้ามีสถานการณ์อะไรขึ้นมาแล้วจะเลื่อนอะไรไม่ได้ วันนี้เรายังยึดแนวทางให้มีการเลือกตั้งปี 60 อยู่
“วันชัย”เหน็บส.ว.ลากตั้งเป็นยักษ์ไม่มีกระบอง

นายวันชัย สอนศิริ โฆษกคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ( สปท). กล่าวถึงข้อสรุปของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)ที่พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญตามที่คสช.เสนอมาว่า คสช.แทบไม่ได้อะไรเลย ได้เพียง ส.ว.250 คน แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ในระยะเปลี่ยนผ่านสักแต่ว่าให้มี แต่ไม่สามารถแก้ปัญหาวิกฤติที่เกิดจากรัฐบาลได้ ไม่ต่างอะไรกับยักษ์ไม่มีกระบอง เป็นเครื่องประดับของสภาร่างของกรธ.ไม่ได้แก้ปัญหาประเทศและไม่ตอบโจทย์เรื่องการมีส.ว. 250 คน ไว้สนับสนุนรัฐบาลที่ดี กำจัดรัฐบาลชั่วร้าย ขณะที่ข้อเสนออื่น ๆ ทั้งระบบเลือกตั้งส.ส.ที่มานายกฯ กรธ.แทบยืนอยู่จุดเดิม ไม่ได้แก้ไขเท่าใด โดยเฉพาะเรื่องที่มานายกฯที่ดูยุ่งยากซับซ้อน อีรุงตุงนังขึ้นไปอีก แม้กรธ.มีอิสระร่างรัฐธรรมนูญแต่ต้องฟังเสียงทุกภาคส่วน โดยเฉพาะคนที่เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมาแก้ปัญหาประเทศ ซึ่งกรธ.ควรรับฟังเป็นอย่างยิ่ง จะทำแบบพบกันครึ่งทางไม่ได้  คนที่จะถูกด่ามากที่สุดคือคสช.ว่า ปฏิวัติมาแล้วทำครึ่ง ๆ กลาง ๆ แล้วก็วนเวียนกลับมาเหมือนเดิม กรธ.ควรทบทวนข้อเสนอของคสช.ให้ดีและรอบคอบ อย่ายึดมั่นถือมั่น อย่าร้อนวิชาเกินไป  ถ้าต้องการให้บ้านเมืองสงบอย่าเกรงกลัวใด ๆ

ด้านนายสมพงษ์ สระกวี กรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการเมือง สปท. กล่าวว่า การปรับร่างรัฐธรรมนูญของกรธ.ไม่มีอะไรใหม่ นอกจากเป็นการรักษาหน้าเพียงเล็กน้อย เพื่อแก้เกี้ยวมากกว่า การให้เลือกสว.ทางอ้อม 50 คนนั้น ไม่ได้ตอบโจทย์อะไรเลย เพราะหลักใหญ่คือ สว.สรรหา 200 คน ที่ไม่ยึดโยงประชาชน ยังท่องคาถาลงเรือแป๊ะต้องตามใจแป๊ะ ยอมผ่อนเพื่อรักษาหน้าตัวเอง หากให้เลือกตั้ง สว.ครึ่งหนึ่งและแต่งตั้งครึ่งหนึ่งตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2550 ถึงจะเรียกครึ่งทางมากกว่า ไม่มีเลือกตั้งเลยไม่ใช่พบกันครึ่งทาง แต่พบกันที่บ้านคสช.

ส่วนการให้ทั้งสองสภาประชุมร่วมกันโดยใช้มติ 2 ใน 3 ในการเปิดโหวตนายกรัฐมนตรีนอกบัญชีรายชื่อได้นั้น เห็นว่าจะเอาสภาแต่งตั้งมารวมกับสภาเลือกตั้งไม่ได้ ถ้ายึดหลักการว่านายกรัฐมนตรีควรมาจากสภาผู้แทนราษฎร หากให้สภาผู้แทนราษฎรอย่างเดียวมีมติ 2 ใน 3 แล้วเอานายกฯ คนนอกเข้ามายังไม่เป็นไร เพราะความรับผิดชอบจะตกอยู่กับผู้แทนราษฎรและพรรคการเมือง ซึ่งต้องรับผิดชอบต่อประชาชน หากใช้สองสภารวมกันเปิดทางนายกฯ คนนอกถือว่าไม่ชอบธรรม คงถูกวิจารณ์มาก ห้ามไม่อยู่ และหมิ่นเหม่ต่อการทำประชามติ ส่วนการให้คงใช้บัตรเลือกตั้ง ส.ส.ใบเดียวนั้น แสดงถึงความดื้อรั้นของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.เอง ที่ไม่ฟังเสียงประชาชน ทั้งๆ ที่ประเด็นดังกล่าวถูกวิพากษ์วิจารณ์มากจากหลายฝ่าย

“ในที่สุดนายมีชัยก็จะถูกกล่าวหาว่าเขียนรัฐธรรมนูญรับใช้เผด็จการตั้งแต่หนุ่มจนแก่ ซึ่งเป็นที่รู้กันทั้งบ้านเมืองว่านายมีชัยเป็นหนึ่งในคสช.ดังนั้นเมื่อคสช.ขอมาก็ปฏิบัติตามไม่ใช่เรื่องแปลก ” นายสมพงษ์ กล่าว

Leave a comment