วันที่ 20 มี.ค.59 นายวิลาศ จันทร์พิทักษ์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ แถลงเรื่องข้อเสนอในการป้องกันและปราบการทุจริต ถึงกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ว่า ผู้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้บอกว่าเป็นฉบับปราบโกง แต่ตนมองว่าเขียนอย่างไรก็แล้วแต่ถ้าผู้มีอำนาจไม่ปฏิบัติตามย่อมไม่สำเร็จ แม้องค์กรปราบทุจริตมีมากขึ้น แต่การทุจริตในช่วงที่ คสช.มีอำนาจไม่ได้ลดลงเลย เลยไม่มั่นใจว่ารัฐธรรมนูญใหม่จะปราบโกงได้จริง ถ้าเขียนแค่นี้คงทำอะไรไม่ได้ จึงขอเสนอแนะถึง กรธ. ต้องแก้ที่ตัวบุคคล และ องค์กรที่รับผิดชอบ ตัวอย่างเช่น กรณีทุจริตจัดซื้อยาปราบศัตรูพืช ซึ่งมีอดีตฯ ผู้ว่าราชการจังหวัดเลยและมุกดาหารเกี่ยวข้อง แต่ยังได้รับแต่งตั้งเป็น สนช. ลอยหน้าลอยตาอยู่ ทั้งที่นายกฯ บอกว่า แค่สงสัยก็จะเอาเรื่อง แต่เรื่องนี้ยังไม่ดำเนินการใดๆ

          นายวิลาศ กล่าวว่า ส่วนองค์กรอิสระต้องมีกรอบระยะเวลาทำงาน เรื่องใดต้องแล้วเสร็จเมื่อไหร่ ซึ่ง ในร่างรัฐธรรมนูญ มาตรา 231 วรรค 2 กำหนดผู้เกี่ยวข้องต่อการทุจริตเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือองค์กรอิสระ ป.ป.ช. ต้องไต่สวนตามกรอบเวลาที่ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการทุจริต กำหนด แต่เหตุใด กรธ.จึงไม่บัญญัติให้ครอบคลุมถึงบุคคลที่เป็นข้าราชการ หรือ ทหารมันโกงไม่เป็นหรืออย่างไร

          “นอกจากนั้น รัฐธรรมนูญต้องเขียนป้องกัน ปราบปราม ทั้งในอดีต ปัจจุบันและอนาคต และขอเสนอว่า นอกจากการตรวจสอบแล้ว คนโกงในอดีต ต้องถูกลงโทษ โดยเสนอเป็นแนวทางต่อคสช.ให้ยกเลิก

          ธนบัตรเก่าทั้งหมด แล้วให้พิมพ์ใหม่ โดยกำหนดระยะเวลาในคนในประเทศนำมาแลกธนบัตรใหม่ภายใน 1 ปี ไม่เช่นนั้นถือว่าสละสิทธิ์ ถ้าใครแลกเกิน 2 ล้านบาท ต้องชี้แจงที่มาของเงินนั้นด้วย หรือถ้าใครและเกิน 10 ล้าน หรือมีเงินฝากทุกบัญชีรวมกันเกิน 10 ล้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องประกาศเพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ ต่อไปจะได้ไม่ต้องกล่าวหากันว่าใครโกง ใครไม่โกง และคงมีพวกคนโกงที่ไม่กล้านำมาแลก เชื่อว่าถ้าได้ผลแค่ 50% ก็จะได้เงินกลับมาหลายล้านๆ แล้ว”