วันที่ 22 มี.ค.59 นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) มีความหนักใจในการพิจารณาข้อเสนอของ คสช.ว่า ถ้าบอกว่าลำบากใจก็เห็นใจท่านแต่เหตุผลในหนังสือข้อเสนอที่ยื่นถึง กรธ.ก็ได้ชี้แจงไปครบหมดแล้ว อาจไม่ต้องชี้แจงอะไรใหม่ เว้นแต่จะมีการถามมา ไม่ทราบว่าจะถามใคร แต่ถ้าถามตน ตนไม่มีอะไรชี้แจง และความหนักใจก็เป็นเรื่องธรรมดา ใครถูกมอบหมายให้ทำอะไรหรือให้ดูแลเรื่องอะไรต้องหนักใจเป็นธรรมดา แต่เมื่อเป็นหน้าที่ก็ทำไป ทำได้ก็ทำทำไม่ได้ก็บอกเหตุผลมาไม่มีปัญหาอะไร อย่าไปคิดว่ามันจะเป็นเรื่องเป็นราว

          ส่วนที่ กรธ.ระบุว่า หากแก้ไขบทเฉพาะกาลตามข้อเสนอ คสช.จะขัดกับหลักการในร่างรัฐธรรมนูญนั้นทุกฝ่ายรู้ว่ามันไปกระทบหลักการ เราถึงได้พูดถึงรัฐธรรมนูญที่แบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือบทถาวรและบทเฉพาะกาล สิ่งที่ กรธ.ได้เดินสายอธิบายก็คืออธิบายส่วนที่เป็นบทถาวรตอนนั้นบทเฉพาะกาลยังไม่ได้ร่างหรือร่างยังไม่เสร็จด้วยซ้ำ ซึ่งที่พูดกันในวันนี้เป็นสิ่งที่อยู่ในบทเฉพาะกาล 20-30 มาตราเท่านั้นข้างหน้าเป็นอย่างไรก็ว่าไป จะติจะชมวันข้างหน้ายังมีกันได้ แต่ถ้า กรธ.ปักใจอย่างนั้น ก็ไม่ว่ากัน แต่บทเฉพาะกาลที่เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ซึ่งต้องการคำอธิบายอีกแบบ ไม่เช่นนั้นก็ไม่ต้องมีกฎหมายหลายฉบับจึงมีทั้งสองส่วนเหมือนกัน เพียงแต่ไม่ขึ้นหัวว่าบทเฉพาะกาล พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติก็มีมาตราสุดท้ายที่เป็นบทเฉพาะกาล เลยคิดว่าไม่น่าขัดกับสิ่งที่ กรธ.ไปเดินสายอธิบาย ถ้าหันมาดูว่าถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องเขียน ถ้าคิดว่าจำเป็นก็เขียนตามที่ คสช.ได้ขอไปแต่ถ้าคิดว่าถ้ามันหนักหรือมากไปอย่างนั้นก็ลองพิจารณาดู อย่างไรก็ตาม เนื้อหาในส่วนของบทถาวรและบทเฉพาะกาลสามารถขัดกันเองได้มีเยอะที่ต้องเขียนอย่างนั้น เพราะบทถาวรเป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน บางทีต้องคำนึงถึงสิ่งที่ทำมาแล้ว อาจไม่เหมาะสมในระยะยาว แล้วจะทำอย่างไร ทำมาแล้วจะให้มันเลิกไปได้อย่างไร

          ผู้สื่อข่าวถามว่า กรธ.อาจรับเฉพาะข้อเสนอบางข้อ ไม่ต้องรับทำตามทั้งหมด นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่อยากพูดอย่างนั้นในวันนี้ แต่จะให้พูดอย่างอื่นได้อย่างไร เมื่อ กรธ.เป็นคนทำ สมมติถ้า ไม่ทำตาม ทำน้อยลง มากขึ้น หรือทำอีกแบบ แล้วจะทำอย่างไร ไม่มีใครลุกขึ้นทำอะไรได้ ทุกอย่างอยู่ในกระบวนการของมัน และการที่นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ.อุปมาว่าการร่างรัฐธรรมนูญเหมือนการสร้างบ้านนั้นก็ถูก การที่ กรธ.บอกว่าหากรับข้อเสนอ คสช.ทั้งหมดเกรงจะไม่มีที่ยืนในสังคมนั้น ก็เป็นคำเปรยของเขา ก็เห็นใจ

          ส่วนที่ถึงที่สุดถ้า กรธ.ยืนตามหลักการเดิม โดยไม่รับข้อเสนอ คสช. นายวิษณุ กล่าวว่า เอาไว้ให้เกิดเหตุก่อนอย่าเพิ่งมาสมมุติถ้าพูดตอนนี้มันเป็นการยั่วยุกัน ใครพูดอะไรออกไปมันก็ไปยั่วยุกันทั้งนั้น

          ผู้สื่อข่าวถามว่า ข้อเสนอ คสช. โดยเฉพาะประเด็น ส.ว.สรรหา ถือว่าสำคัญที่สุดใน 3 ประเด็นที่เสนอใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ว่าอะไรสำคัญ ถ้าแยกให้ออกข้อแรกเป็นเรื่อง ส.ว.สรรหา ข้อสอง เป็นวิธีเลือกตั้งซึ่ง คสช.ก็ไม่แน่ใจว่าสิ่งที่แนะส่วนนี้จะถูกหรือผิด ให้ กรธ.ช่วยทบทวนและข้อสาม เรื่องเสนอชื่อนายกฯเกรงว่าจะมีผลเสียถ้าเลือกไม่ได้จะทำอย่างไร ถอนตัวทำอย่างไร ตายทำอย่างไร สุดท้ายไม่มีจะทำอย่างไร ยุบสภาและเลือกใหม่จะยอมหรือไม่ ดังนั้น ถ้าชั่งน้ำหนักก็จะรู้ว่าข้อสองเป็นข้อที่มีน้ำหนักน้อยเพราะเป็นข้อที่เหมือนให้ กรธ.ช่วยทบทวน ว่าวิธีเลือกตั้งแบบที่เสนอมันดีจริงหรือไม่

          ต่อข้อถามที่ว่า ข้อเสนอเรื่องวิธีเลือกตั้งที่ให้ใช้ระบบเขตใหญ่ เจตนาเพื่อต้องการสลายพรรคเบอร์ 1 และ 2 ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่ใช่ เขาต้องการจะช่วย เพราะพรรคเล็กบ่นกันมาก พอเป็นบัตรเลือกตั้งใบเดียวนั้น จริงอยู่คะแนนมันไม่ตกน้ำ แต่พรรคเล็กการจะให้ได้คะแนนนั้นต้องส่งคนลงสมัครทุกเขต ถ้าเกิดแพ้ในทุกเขตแต่ยังได้คะแนนแล้วเอามารวมกัน ก็ดูเหมือนจะดี แต่ในที่สุดพรรคเล็กจะเอาเงินที่ไหนไปส่งคนลงทุกเขตเพื่อเก็บคะแนนให้หมดทุกเม็ด จึงมีเสียงร้องกันมากว่ามันเอื้อต่อพรรคใหญ่ พรรคเล็กไม่สามารถเกิดได้ อย่าว่าแต่พรรคเล็ก พรรคขนาดกลางก็จะลำบากหาก กรธ.พิจารณาทบทวนแล้ว บอกดีก็อยากฟังเหตุผลเหมือนกัน เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องใหญ่

          “ถ้า กรธ.ไม่เห็นด้วยก็ไม่เป็นไรในอดีตสถานการณ์อาจจะไม่เหมือนสถานการณ์ที่ผ่านมาหรือแม้แต่ในประเทศอื่นหลายครั้งประเทศอยู่รอดได้ก็เพราะพรรคการเมืองขนาดเล็ก เมื่อรวมกันไม่ได้แล้วเกิดปัญหาพรรคเล็กก็เข้าไปช่วย 18 เสียงของ อาจารย์คึกฤทธิ์ ปราโมช เข้าไปสมทบทางไหนมันก็เป็นรัฐบาล ถ้าประเทศไทยคิดว่าควรมีพรรคใหญ่ 2 พรรค พรรคไหนได้คะแนนเสียงน้อยกว่ากว่าเท่าไหร่ก็ยุบให้หมดถ้าคิดอย่างนั้นก็อีกแบบหนึ่ง แต่เมื่อเรายังไม่ไปไกลถึงขนาดนั้น และมาตรการนี้ก็ย้ำอีกครั้งว่าเป็นมาตรการชั่วคราว ถ้ามาตรการใหญ่จริงๆ ก็ไปว่ากัน ไม่ได้ว่าอะไร”

          ผู้สื่อข่าวถามว่า มาตราชั่วคราวที่ว่าโดยเฉพาะวิธีเลือกตั้งตามข้อเสนอ คสช.มันเอื้อพรรคการเมืองที่จะเกิดขึ้นใหม่ด้วยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า “ก็ต้องตอบในหลักการว่าใช่ รวมทั้งพรรคที่มีอยู่แล้ว แล้วคงจะมีขนาดเล็ก แล้วอย่าไปเดาต่อไปว่าจะมีการตั้งพรรคอะไร ผมไม่รู้ ผมไม่ทราบอย่างนั้น เป็นไปได้ทุกรูปแบบ เพราะฉะนั้นผมไม่ทราบ”