ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160321/224444.html
‘ส.ว.สรรหา’ก้าวที่พลาดและโอกาสแก้ตัวของ‘คสช.’ : ขยายปมร้อน โดย ขนิษฐา เทพจร (@joize_nna) สำนักข่าวเนชั่น
วันนี้ ถึงวันครบกำหนดนัดหมาย ที่ “คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.)” จะนำข้อเสนอแนวทางปรับปรุงบทเฉพาะกาลร่างรัฐธรรมนูญ ของ “คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)” มาพิจารณา พร้อมกับตัดสินกันให้สิ้นความว่า ข้อเสนอ 3 ประเด็น จะรับทั้งหมด,รับไว้เป็นบางส่วน หรือไม่รับข้อเสนอไว้พิจารณา
โดย 3 ประเด็นที่ “คสช.” เสนอให้ปรับแก้ ประกอบด้วย 1.ให้ ส.ว.ชุดแรกหลังจากมีรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ มาจากการสรรหา คัดสรร หรือแต่งตั้ง โดยคณะกรรมการที่เป็นอิสระ เป็นกลาง น่าเชื่อถือ จำนวน 8- 10 คน จำนวนทั้งสิ้น 250 คน เพื่อทำหน้าที่ถ่วงดุลอำนาจ “สภาผู้แทนราษฎร” และมีหน้าที่พิเศษคือ พิทักษ์รัฐธรรมนูญ, สนับสนุน ตรวจสอบ หรือควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล, ขับเคลื่อนการปฏิรูป สร้างความปรองดอง ซึ่งในจำนวน 250 คนนั้น ให้มีจำนวน 6 คน ที่มาจากผู้นำกำลังทหารทุกเหล่า-ตำรวจ และปลัดกระทรวงกลาโหม พร้อมกับวางวาระทำงาน ส.ว.ชุดแรกไว้ 5 ปี ทั้งนี้ในข้อเสนอเดียวกัน ยังร้องขอให้ปรับตัวบทบัญญัติในมาตรา 102 ว่าด้วยจำนวน ส.ว. ให้มีจำนวน 250 คน แทนจำนวนที่กำหนดไว้เดิม 200 คน
2.วิธีการเลือกตั้ง ส.ส. ใช้ระบบเลือกตั้งแบบเขตใหญ่ ให้มี ส.ส.ได้ 3 คน แต่ประชาชนใช้สิทธิลงคะแนนได้เพียง 1 คน ขณะที่บัตรเลือกตั้งให้ปรับใช้ 2 ใบ สำหรับเลือก ส.ส.เขต และ ส.ส.บัญชีรายชื่อ
และ 3.งดใช้มาตราว่าด้วยการให้พรรคการเมืองเสนอชื่อบุคคลที่จะสนับสนุนให้ดำรงตำแหน่งนายกฯ จำนวน 3 รายชื่อ รวมถึงเงื่อนไขให้ที่ประชุมสภาโหวตเลือกบุคคลที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเป็นนายกฯ
แต่ข้อเสนอที่ถูกวิพากษ์และถูกจับตามากที่สุด คือ ส.ว.ชุดแรกที่มาจากการสรรหา ที่มาพร้อมกับสายป่านอำนาจ ซึ่งโยงร้อยจากอำนาจของคณะรัฏฐาธิปัตย์ จะทำให้กลายเป็นร่างทรงของ คสช. ที่แตกหน่อซึมลึกในระบอบการปกครองในระบบประชาธิปไตยไทยหรือไม่?
หลังข้อเสนอ คสช.ปรากฏรายละเอียด “นักการเมือง-นักวิชาการ” ได้ตั้งข้อกังขาถึงการไม่ยอมคายอำนาจของ คสช. ที่ยกประเด็นความกังวลเรื่องความขัดแย้งในบ้านเมือง เพราะผู้ได้รับผลกระทบจากการปฏิรูป และผู้ที่เสียผลประโยชน์จะไม่ยอมรามือ ว่า ไม่ใช่เหตุผลของจริง!
โดยข้อวิจารณ์ยังเพิ่มความกังขาในกลไก “วุฒิสภาจากการสรรหา” อาจไม่ใช่ของจริงที่นำไปสู่ทางออกเมื่อเกิดวิกฤติหลังรัฐธรรมนูญใหม่ประกาศใช้ และทางกลับกัน ส่อว่าจะเป็นชนวนที่นำไปสู่จุดเริ่มแห่งวิกฤติเสียเอง หาก ส.ว.แสดงบทบาทเป็นผู้พิทักษ์บุคคลที่เป็นคู่ขัดแย้งของประชาชน เหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วก่อนเดือนพฤษภาคม 2557
ซึ่งคำวิจารณ์นั้น ถูกยกเทียบกับประวัติศาสตร์การเมืองที่ ส.ว.เป็นตัวผสมโรงความล้มเหลวทางการเมือง แต่ทำไม “คสช.” ฐานะผู้พิทักษ์สันติของประชาชน จึงต้องการให้บทบาทของ “ส.ว.สรรหา” เป็นผู้ดูแล-หาทางออกให้ประเทศ นั่นอาจเป็นเพราะ “คสช.” ได้เรียนรู้จากความผิดพลาดในอดีต ที่ใจเร็วด่วนได้ ประกาศยึดอำนาจการปกครอง ทั้งที่กลไกของ “ส.ว.ภาคสรรหา ซึ่งนำโดย สุรชัย เลี้ยงบุญเลิศชัย อดีตรองประธานวุฒิสภาคนที่ 2” กำลังขับเคลื่อนไปสู่ทางออกของสุญญากาศทางการเมือง ด้วยการใช้กลไกตามครรลองของฝ่ายนิติบัญญัติดำเนินการ หลังจากที่นักกฎหมายภายใต้สำนักงานกฤษฎีกาตีความการทำหน้าที่ของรองประธานวุฒิสภาสามารถปฏิบัติงานตำแหน่งประธานรัฐสภาได้ เมื่อภาวะที่ไม่มีบุคคลตามตำแหน่งทำหน้าที่ “คสช.” จะต้องการมอบโอกาสแก้ตัวให้แก่ “ร่างทรง คือ ส.ว.สรรหา”
แต่บทสรุปผสมกับความหวาดกลัวภาพในอนาคตของ คสช. กลายเป็นปัญหาที่สร้างความหนักใจให้แก่ “คณะทำร่างรัฐธรรมนูญ” ว่า จะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้ประเด็นของ ส.ว.สรรหากลายเป็นเดดล็อกทางการเมือง ครั้นจะไม่ทำตามใบสั่งก็ยากที่จะแข็งขืนต่อผู้มีอำนาจได้
ดังนั้นแนวโน้มต่อข้อเสนอนี้…ที่เน้นย้ำถึงบทเฉพาะกาลเพื่อใช้ช่วงเปลี่ยนผ่าน “กรธ.” จะรับไปพิจารณา โดย “ชาติชาย ณ เชียงใหม่ หนึ่งในกรธ.” ระบุว่า เรื่อง ส.ว.สรรหา จะเขียนในบทเฉพาะกาลให้สิทธิขาด “นายกฯ” ที่ดำรงตำแหน่งหลังจากที่รัฐธรรมนูญประกาศใช้เป็นผู้ดำเนินการให้ได้มาซึ่ง ส.ว. ส่วนรายละเอียดอื่นๆ รวมถึงวิธีการคัดสรรตามความรู้ความเชี่ยวชาญ 6 กลุ่มตามที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้าคสช.” พูดไว้นั้น จะนำมาเขียนไม่ได้ ต้องให้เป็นดุลพินิจของนายกฯ ว่าจะทำอย่างไร
ในตอนท้าย เมื่อใครก็ตามที่ลงเรือแป๊ะแล้ว ก็ต้องตามใจแป๊ะเป็นที่สุด ดังนั้นเมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” ขอโอกาสแก้ตัวจากความผิดพลาดในอดีต เป็นใครจะกล้าขัด แต่ผลที่ออกมาในขั้นท้าย จะส่งผลให้ได้รับคำชมพร้อมดอกไม้ หรือ ก้อนกรวดพร้อมก่นด่า ผู้ที่ลงเรือแป๊ะต้องร่วมรับผิดชอบ!
ร้านปืนคุมเข้มลูกค้าต่างชาติย้ำทุกร้านต้องหมั่นทดสอบวงจรปิด : สายตรวจระวังภัย โดยกัมปนาท ละออง
ผ่านมาแล้วเกือบหนึ่งเดือนสำหรับเหตุการณ์เจ้าหน้าที่ตำรวจล้อมจับคนร้ายชาวจีนที่ใช้อาวุธปืนปลอมและมีดบุกเข้าไปปล้นร้านขายปืนภายในซอยสามยอดพลาซ่า ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ทั้งหมด 5 คน พฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายมีการวางแผนในการปล้นมาเป็นอย่างดี แบ่งกันทำงานเป็น 2 ทีม ชุดแรก 4 คน ทำหน้าที่เข้าไปภายในร้านแล้วลงมือก่อเหตุ ส่วนอีก 1 ชุด คือตัวหัวหน้าแก๊ง จะคอยสั่งการอยู่บริเวณใกล้กับร้านที่ลงมือ โดยสั่งการผ่านทางวิทยุ
หลังเกิดเหตุ นายฐิติธร บุพพารัมณีย์ อายุ 40 ปี นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจอาวุธปืนแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า เดิมทีทางสมาคมมีมาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดอยู่แล้ว คือ 1.ทุกร้านค้าจะมีกล้องวงจรปิดทั้งบริเวณหน้าร้านค้าและภายในร้าน 2.ทุกร้านค้าจะมีลูกจ้างเฝ้าอยู่บริเวณหน้าร้านเพื่อคัดคนหรือผู้ที่มาติดต่อก่อนเข้าร้าน 3.ทุกร้านค้าจะไม่มีการจำหน่ายอาวุธปืนให้ชาวต่างชาติอยู่แล้ว ดังนั้นจะไม่มีการนำปืนมาแสดงให้ลูกค้าชาวต่างชาติ และจะคัดคนเฉพาะที่มีใบอนุญาตเท่านั้น ทั้งนี้ สมาคมจะมีกลุ่มไลน์สำหรับส่งข้อมูลต่างๆ อาทิ การแจ้งบุคคลต้องสงสัยที่เข้ามาภายในบริเวณร้านค้า
“หลังเกิดเหตุอุกอาจครั้งนี้ ทำให้สมาคมต้องเฝ้าระวังกลุ่มชาวต่างชาติมากยิ่งขึ้น และกลุ่มที่มีการขับขี่รถจักรยานยนต์มาจอดเป็นเวลานาน อีกทั้งยังมีการเน้นย้ำให้ทุกร้านค้าตรวจสอบกล้องวงจรปิดใหม่เพื่อทดสอบการทำงานของกล้องวงจรปิด” นายฐิติธร ระบุ
นายฐิติธร กล่าวอีกว่า การก่อเหตุดังกล่าวถือได้ว่าทางผู้ประกอบการร้านค้ามีความพร้อมในการรับมือ เนื่องจากผู้ประกอบการร้านค้าในละแวกใกล้เคียงมีการแจ้งเพื่อให้ช่วยกันสกัดกั้นกลุ่มคนร้าย จึงทำให้กลุ่มคนร้ายไม่สามารถก่อเหตุได้สำเร็จ อีกทั้งตำรวจร่วมติดตามอย่างใกล้ชิด จึงจับได้ยกแก๊ง ซึ่งสอดคล้องกับมาตรการป้องกันและปราบปรามปัญหาคนร้ายชาวต่างชาติที่เข้ามาก่อเหตุอาชญากรรมในประเทศไทยของ พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร รรท.ผบช.น. สั่งให้มีการจัดอบรมเพิ่มความรู้ให้แก่อาสาสมัครและพี่น้องที่ขับขี่รถรับจ้างสาธารณะไม่ว่าจะเป็นวินรถจักรยานยนต์รับจ้าง และรถแท็กซี่ ให้ช่วยเป็นหูเป็นตาให้เจ้าหน้าที่ รวมการจัดตั้งกลุ่มไลน์เพื่อเอาไว้แจ้งเหตุเพื่อสกัดจับกรณีคนต่างชาติเข้ามาทำผิดแล้วหลบหนี และการติดกล้องวงจรปิดตามจุดเสี่ยงต่างๆ
การจับกุมคนร้ายได้อย่างรวดเร็วครั้งนี้ ทำให้ พ.ต.อ.ชุมพล ชาญชนะโยธิน ผกก.สน.สำราญราษฎร์ นายวิเชียร สุภาพ ประธาน กต.ตร.สน.สำราญราษฎร์ และนายฐิติธร บุพพารัมณีย์ นายกสมาคมผู้ประกอบธุรกิจอาวุธปืนแห่งประเทศไทย ได้มอบประกาศนียบัตรเชิดชูเกียรติและเงินจำนวนหนึ่งให้แก่พลเมืองดีและตำรวจ ได้แก่ 1.ร.ต.อ.ธวัชชัย ผิวผ่อง รอง สว.จร.สน.พลับพลาไชย 2.ด.ต.จรินทร์ สุบรรพวงศ์ ผบ.หมู่ ป. สภ.ปากเกร็ด 3.นายนิธิศ อิ่มรส อายุ 44 ปี จักรยานยนต์รับจ้างที่ตัดสินใจใช้รถพุ่งชนคนร้าย 4.นายขวัญชัย ทิพย์ชัย อายุ 38 ปี จักรยานยนต์รับจ้าง และ 5.นายธนพัทย์ โชคธนาวิสิทธิ์ อายุ 50 ปี จักรยานยนต์รับจ้าง ซึ่งทั้งสองคนใช้ปฏิภาณไหวพริบจากการที่เคยผ่านอบรมหลักสูตรอาสาสมัครแจ้งข่าวอาชญากรรม และอาสาสมัคร HOME GUARD. จึงใช้โทรศัพท์มือถือโทรวิดีโอคอลเข้าหาเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งเป็นสมาชิกในห้องห้องไลน์กลุ่ม HOME GUARD. ของ บช.น. เพื่อรายงานเหตุการณ์เฉพาะหน้าจนนำมาสู่การล้อมจับคนร้ายได้ในที่สุด
