‘อุดมเดช’ยัน‘อุทยานราชภักดิ์’ไร้หัวคิว

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160324/224645.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม 2559
‘อุดมเดช’ยัน‘อุทยานราชภักดิ์’ไร้หัวคิว

“อุดมเดช”เปิดแถลงปิดฉากทุจริต“อุทธยานราชภักดิ์”ระบุทุกอย่างเคลียร์แล้วขอบคุณ“บิ๊กต๊อก”ทำหน้าที่ตรวจสอบยันไม่เคยขัดแย้งไม่หวั่นป.ป.ช.รับไม้ต่อ

          วันที่ 24 มี.ค.59 เมื่อเวลา 08.30 น. ที่กระทรวงกลาโหม พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม แถลงข่าวชี้แจงเพิ่มเติมกรณีการทุจริตโครงการก่อสร้างอุทธยานราชภักดิ์ ภายหลัง สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)แถลงข่าวไม่พบการทุจริตเมื่อวันที่ 23 มี.ค.นี้ว่า อยากชี้เพิ่มเติมใน 3 ประเด็นที่ยังมีความคลางใจของสังคมอยู่ คือ 1.เรื่องการหักหัวคิว ยืนยันไม่เคยยอมรับว่ามีการหักหัวคิว แต่เป็นเพียงการซักถามของผู้สื่อข่าวว่า มีเรื่องการหักหัวคิวหรือไม่ ตนจึงตอบไปว่า เป็นความจริงเพียงบางส่วน และได้มาอธิบายเพิ่มเติมมาโดยลำดับว่าไม่ใช่หัวคิว แต่เป็นการดำเนินงานของเอกชนที่เราไปทำสัญญากับบริษัท 6 โรงหล่อและมี 5 โรงหล่อที่นำเอกชนอีกส่วนหนึ่งมาร่วม ซึ่งอาจมีความเข้าใจว่าเอกชนดังกล่าวมีความรู้ความสามารถในการให้คำปรึกษาได้และมีการตอบแทนเป็นค่าที่ปรึกษาไป และ สตง.ก็ได้ชี้แจงไปแล้วเมื่อวานนี้ ถือว่าไม่ใช่มาตั้งแต่ต้นแล้ว
          “ผมจะอธิบายสิ่งเหล่านี้ และจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย ว่าไม่เคยมีการหักหัวคิว และผมได้อธิบายมาตามลำดับ แต่เนื่องจากการยื่นคำถาม ผมได้ตอบไป จึงมีความเข้าใจผิดว่าผมยอมรับมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นจึงเป็นความเข้าใจผิดของท่านต่างๆ แต่ไม่ใช่ผมเข้าใจผิด ผมเข้าใจถูกมาตั้งแต่ต้น และพยายามอธิบายมาโดยตลอด” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
          พล.อ.อุดมเดช กล่าวชี้แจงอีกว่า ส่วนเรื่องที่ 2 คือ มีการตั้งข้อสงสัยว่า ตนเหมือนจะรู้เรื่องผลการแถลงของ สตง. ล่วงหน้าว่า สิ่งที่ทาง สตง.แถลงไปเมื่อวาน ไม่ได้ล่วงรู้อะไรมาก่อนหน้านั้น จะเห็นได้ว่าก่อนหน้านี้ สตง.ได้มีการพูดถึงเรื่องดังกล่าวมาเป็นเดือนแล้ว ผ่านการสัมภาษณ์ของสื่อมวลชน ตนก็ได้ติดตามมาตามลำดับว่ามีผู้ใหญ่ของ สตง.ตรวจสอบข้อมูลแล้ว และผลออกมาเป็นอย่างไร ออกมาในแนวทางเป็นปกติหรือไม่ ตนก็รับฟังมาเรื่อยๆ
          พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า สตง.เป็นองค์กรที่ 3 ต่อจาก คณะกรรมการของกระทรวงกลาโหมและกองทัพบก ในการตรวจสอบการทุจริตโครงการอุทธยานราชภักดิ์ และ สตง.ถือเป็นองค์กรอิสระน่าเชื่อถือมากที่สุดแล้ว และไม่มีใครไปบังคับได้ เพราะไม่ใช่หน่วยงานที่ขึ้นตรงต่อกองทัพบก หรือ กระทรวงกลาโหม และไม่จำเป็นต้องมาเกรงใจตนด้วย และมั่นใจว่า สตง.ได้ทำงานไปตามระบบ ซึ่งที่ผ่านมา สตง.มีหน้าที่ในการตรวจสอบโครงการต่างๆที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่ามีการทุจริต ของทุกหน่วยงาน แต่ไม่ได้แถลงข่าว ผิดกับกรณีนี้ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี ที่กรุณาแถลงให้เป็นพิเศษร่วมกับศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอ.ตช.) ที่มี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา เป็น ประธาน ซึ่งถือว่าทุกคนทำตามหน้าที่ ไม่มีนอกหน้าที่ และควรจะเชื่อถือในสิ่งที่ตรวจสอบแล้ว ยืนยันตนไม่ได้ไปรับข้อมูลจากผู้ใหญ่ใน สตง. ซึ่งการแถลงข่าวเมื่อวานมา 2 คณะ คือ สตง.และ สปท.ที่ได้รับคำสั่งมาจาก ศอ.ตช. เพื่อให้ข้อมูลกระจ่างชัดในทุกแง่มุม และมาพบผม ผมก็ได้รายงานไป และไม่ได้มีการรายงานผลการตรวจสอบมาให้ผมทราบ เพราะตนไม่ใช่ผู้บังคับบัญชาของหน่วยงานอิสระ
          พล.อ.อุดมเดช กล่าวชี้แจงถึงเรื่องที่ 3 คือ เรื่องเงินบริจาคจากเอกชนที่มาให้คำปรึกษา เปรียบเหมือนบริจาคเพื่อลบล้างความผิด ขอเรียนว่าสามารถดูวันที่ของการบริจาคได้ เรื่องราวที่เริ่มเป็นประเด็นหลังตนเกษียณอายุราชการไปแล้วและอาจมีบางคนสงสัย
          “การบริจาคของเอกชนหรือบุคคลที่3ซึ่งผ่านการพูดคุยกับโรงหล่อแล้ว เขาบริจาคมาเป็นเดือน เขาตกลงกันเช่นนั้น สามารถเช็คดูวันที่บริจาคได้เลย และผ่านการตรวจสอบหมดแล้ว ไม่ใช่การบริจาคเพื่อกลบล้างความผิดอะไรหลังจากเกิดประเด็นขึ้นมา ”พล.อ.อุดมเดช กล่าว
          พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า ต้องขอขอบคุณรัฐบาล เอกชน ประชาชน ที่บริจาคเงินในการก่อสร้างโครงการอุทธยานราชภักดิ์ ซึ่งมีจุดประสงค์ 3 ประการคือ1.เพื่อระลึกเทิดทูลสถาบันพระมหากษัตริย์ 2.แหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ 3.ลานประกอบพิธีสำคัญ
          “ผมในฐานะเป็นประธานมูลนิธิราชภักดิ์ ร่วมกองทัพบกจะพยามดำเนินการก่อสร้างส่วนที่เหลือคือแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ให้แล้วเสร็จ เพราะเงินบริจาคเหลืออยู่และผมมีพันธสัญญากับประชาชนทั้งประเทศที่บริจาคเงินตั้งแต่หนึ่งบาทขึ้นไปว่า ต้องทำลุล่วงให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ผู้บริจาค และผมได้ประสานไปยังกองทัพบกแล้วเพื่อจะดำเนินการสานต่อ แต่ในส่วนคณะกรรมการชุดใหม่ที่ดูแลอาจมีการปรับเปลี่ยนได้ ทราบว่ามีความพร้อมเพียงแต่รอให้ทุกอย่างยุติลง” พล.อ.อุดมเดช กล่าว
          พล.อ.อุดมเดช กล่าวว่า นอกจากนี้เตรียมก่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆอีก เช่น ห้องสุขา มี 100 ห้องขึ้นไป จากการตรวจสอบตั้งแต่เดือน ต.ค.58ถึงปัจจุบัน มียอดผู้เข้าชมประมาณ 3.8 ล้านคน แต่ละวันมีคนเข้าชมในหลักพัน โดยเฉพาะวันหยุดมีเป็นหลักหมื่น และในวันที่ 1 ม.ค.59 คนเช้าชม กว่า 2 แสนคน มีรถเข้าออกไม่ต่ำกว่า 4หมื่นคัน
          พล.อ.อุดมเดช กล่าวอีกว่า โครงการอุทธยานราชภักดิ์ เป็นของประชาชนทุกคน เพียงแต่อยู่ในพื้นที่ของกองทัพบก ซึ่งจะต้องมีหน้าที่ดูแล และอุทธยานราชภักดิ์ ไม่ใช่ของตนหรือของมูลนิธิฯและตนมีความตั้งใจไว้แล้วจะต้องเชิญ ผบ.ทบ.ในแต่ละยุคแต่ละสมัยเข้ามาเป็นประธานมูลนิธิฯงานจะได้สอดรับกันไป ตนเคยเรียนทางกองทัพบกไปแล้ว ว่าจะเรียนเชิญท่าน ถ้าท่านพร้อมเมื่อไหร่ ก็จะดำเนินการ เพียงแต่ติดขัดปัญหาขณะนี้ จึงทำให้ทุกอย่างชะลอตัว
          พล.อ.อุดมเดช ระบุต่อว่า จากนี้ไปพร้อมให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ตรวจสอบในทุกประเด็น ตามอำนาจหน้าที่และคงรับข้อมูลพื้นฐานจาก สตง.และ ปปท. ไปแล้ว หากมีประเด็นใดที่ยังค้างคาใจ
          “แต่ในใจของผมและประชาชนส่วนใหญ่คงคิดว่าการตรวจสอบน่าจะพอสมควรแล้ว เพราะทุกอย่างเหมือนจะเคลียร์แล้ว ผมก็รู้สึกสบายใจ เพราะผ่านการพิสูจย์หน่วยงานที่เป็นมาตราฐานและมีกำลังใจที่จะทำต่อไป ผมรักกองทัพบก แม้เกษียณไปแล้ว บางคนไปเขียนว่ามีความขัดแย้งกัน ถือเป็นเรื่องปกติ ผู้บังคับบัญชาปัจจุบัน สามารถดำเนินการใดๆได้ในขณะที่อยู่ในหน้าที่ ทุกคนไม่มีปัญหาและรู้ว่างานของชาติมามากมาย ผมต้องขอขอบคุณใยส่วนของ ศอ.ตช.ได้ตรวจสอบตามหน้าที่ และยืนยันว่า ผมไม่เคยมีปัญหากับ พล.อ.ไพบูลย์ เจอกันก็คุย แต่เรื่องนี้ไม่คุย เพราเราโตกันแล้วทั้งคู่ ท่านก็ดี ผมเจอท่านไม่เคยขอร้องให้ช่วย ท่านเจอผมคุยเรื่องงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ส่วนตัวผมไม่มีปัญหากับใคร และคิดว่า คนอื่นคงไม่มีปัญหากับผม พร้อมยืนยันว่าตั้งแต่มีปัญหาเกิดขึ้น ผมไม่เคยน้ำตาคลอ แต่อาจจะเป็นคนตาแฉะ ”พล.อ.อุดมเดช กล่าว

Leave a comment