ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน
http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05048151058&srcday=2015-10-15&search=no
| วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 609 |
รายงานพิเศษดูงานเกษตรเมืองสิงห์ เมืองคนมีความสุขสูงสุด
ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
เกษตรจังหวัดสิงห์บุรี?ตั้งเป้า “ส่งเสริมการผลิตพืชมีคุณภาพ เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน”
หากติดตามสถานการณ์ภัยแล้งในช่วงที่ผ่านมา พบว่า ภาคเกษตรกรรม ได้รับผลกระทบเป็นวงกว้างมากที่สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การทำนา เพราะมีน้ำเป็นปัจจัยการผลิตที่สำคัญ จึงเห็นได้ว่าหลายพื้นที่ซึ่งเป็นท้องนาจะพบภาพข้าวยืนต้นตายเป็นจำนวนมาก
แม้ก่อนหน้านี้จะมีฝนตกลงมาบ้าง แต่ดูเหมือนจะยังไม่เพียงพอ และล่าสุดทราบข่าวมาว่า ปริมาณน้ำที่เก็บกักในเขื่อนหลักหลายแห่งที่เพิ่งผ่านจุดอันตรายมากำลังลดลงอีก
ดังนั้น หากปลายปีนี้ฝนไม่ตก หรือตกน้อย หรือตกแต่ไม่เข้าไปเติมน้ำในเขื่อนแล้ว เห็นทีปีหน้าเกษตรกรอาจประสบกับวิกฤตภัยแล้งรอบใหม่แน่…
“สิงห์บุรี” เป็นจังหวัดในพื้นที่ราบลุ่มภาคกลาง ที่มีพื้นที่ทำนาเกือบทั้งจังหวัด แม้จะได้เปรียบแหล่งน้ำทางธรรมชาติจากแม่น้ำสำคัญถึง 3 สาย คือ แม่น้ำเจ้าพระยา แม่น้ำน้อย และแม่น้ำลพบุรี อีกทั้งยังมีลำน้ำสายอื่นๆ คือ ลำแม่ลา ลำการ้อง ลำเชียงราก และลำโพธิ์ชัย ก็ตาม แต่หากต้นทางน้ำเหล่านั้นประสบปัญหาแล้วก็น่าจะส่งผลต่อปลายน้ำแน่นอน
ทีมงานเทคโนฯ ได้ลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อสำรวจการทำเกษตรกรรมของชาวบ้านในแต่ละพื้นที่ว่า พวกเขาเหล่านั้นได้รับผลกระทบอย่างไร และมีแนวทางรับมือกับปัญหาภัยแล้งที่ผ่านมา หรือที่กำลังจะเจอกันอีกด้วยวิธีใด??
คุณยศพนธ์ ทัพพระจันทร์ เกษตรจังหวัดสิงห์บุรี เปิดเผยว่า จังหวัดสิงห์บุรี มีพื้นที่ทั้งหมด 514,049 ไร่ มีพื้นที่อยู่ในเขตชลประทาน 411,781 ไร่ คิดเป็น ร้อยละ 80.11 ของพื้นที่ทั้งจังหวัด โดยพื้นที่ทำการเกษตรส่วนใหญ่อยู่ในเขตชลประทาน มีพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด 418,781 ไร่ หรือ 80.66 เปอร์เซ็นต์
ความที่มีพื้นที่ในเขตชลประทานจำนวนมาก จึงทำให้อาชีพหลักของชาวบ้านคือ การทำนา ซึ่งมีพื้นที่ 377,826 ไร่ หรือ 90.22 เปอร์เซ็นต์ ของพื้นที่ทำการเกษตรทั้งหมด อย่างไรก็ตาม พอมีผลกระทบจากเรื่องน้ำ จึงทำให้คนกลุ่มนี้ได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก
ทางสำนักงานเกษตรสิงห์บุรีได้มีการตระเตรียมรับมือไว้ด้วยการให้ความช่วยเหลือกับพื้นที่ที่มีความเดือดร้อนในบริเวณที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำ ใกล้แม่น้ำ อย่างที่ ลำน้ำแม่ลา, ใกล้แม่น้ำน้อย หรือใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา เนื่องจากเป็น 3 แหล่งน้ำ ที่มีความสำคัญเพื่อให้เกษตรกรใช้ทำนา แต่สำหรับพื้นที่ซึ่งต้องคอยรับน้ำจากแหล่งน้ำตามธรรมชาติก็ยังคงทำนาไม่ได้
“ฉะนั้น ในส่วนที่ยังทำนาไม่ได้นี้ จึงส่งทีมงานลงพื้นที่สำรวจทุกหมู่บ้าน ซึ่งในความรับผิดชอบของทางสำนักงานเกษตรจังหวัด มีจำนวน 43 ตำบล ทั้งนี้เพราะเป็นผลมาจากนโยบายของท่านผู้ว่าราชการจังหวัด กำหนดให้หัวหน้าทุกส่วนราชการทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้กับทุกตำบล หมู่บ้าน
เกษตรจังหวัดระบุว่า หน้าที่ของแต่ละกลุ่มจะต้องไปจัดทำเวทีชุมชน พร้อมกับสำรวจว่า ชาวบ้านต้องการอะไร และยังขาดอะไร ฉะนั้น ทุกส่วนจึงมีข้อมูลของตัวเองว่า ชาวบ้านต้องการอะไร ทั้งนี้เพื่อเป็นการเสริมงาน เสริมอาชีพให้เพื่อเป็นการทดแทนการหยุดทำนาปีและนาปรัง และถือเป็นทางออกให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากภัยแล้งในครั้งนี้ และจัดหาอาชีพบรรเทาปัญหา”
“เกษตรกรบางรายอาจต้องการปลูกงา ปลูกถั่ว หรือแม้แต่พืชชนิดอื่นที่ใช้น้ำน้อยในพื้นที่ทำนาเดิมของตัวเอง ทั้งนี้อาจจะปลูกเป็นการชั่วคราวสัก 1 รอบการผลิต หรืออาจปลูกพืชผักสวนครัวร่วมด้วย ในส่วนแหล่งน้ำนั้นได้มีการเจาะบ่อบาดาลไว้จำนวนมาก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรที่ปลูกพืชใช้น้ำน้อย”
สำหรับพื้นที่พืชสวน (พืชผัก ผลไม้ และพืชยืนต้น) จำนวน 26.895 ไร่ หรือ 6.428 เปอร์เซ็นต์ และพื้นที่ปลูกพืชไร่ 11,002 ไร่ หรือ 2.63 เปอร์เซ็นต์ ท่านเกษตรจังหวัดเผยว่า ไม้ผลที่เด่นของจังหวัด ได้แก่ มะม่วง กล้วย และกระท้อน แต่ไม่ค่อยโดดเด่น เนื่องจากเป็นผลมาจากน้ำท่วมใหญ่ เมื่อปี 2554 อย่างเมื่อก่อนผลไม้ที่ดังและมีชื่อเสียงของจังหวัดคือ กระท้อน
ด้านปศุสัตว์ มีพื้นที่เลี้ยงสัตว์ 1.189 ไร่ หรือ 0.28 เปอร์เซ็นต์ ทั้งนี้ได้ส่งเสริมให้มีการเลี้ยงไก่ ทั้งไก่เนื้อและไก่ไข่ หรือเป็ด อย่างไรก็ตาม ได้รับการอนุมัติงบประมาณเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมให้ชาวบ้านเลี้ยงสัตว์เพิ่มมากขึ้นในช่วงวิกฤตภัยแล้งนี้
ทางด้านประมง มีพื้นที่ทำประมงเพาะเลี้ยง 1,869 ไร่ หรือ 0.45 เปอร์เซ็นต์ และแน่นอนว่า สิงห์บุรี สัตว์น้ำที่มีชื่อดังอย่าง ปลาช่อนแม่ลา ที่มาจากลำน้ำแม่ลา จึงทำให้เกษตรกรมีรายได้จากการเลี้ยงปลา ทั้งนี้ ปลาช่อนแม่ลาได้รับความนิยมในการบริโภคมาก เพราะมีรสชาติอร่อยมาก ซึ่งที่ผ่านมาได้มีหลายหน่วยงานเข้ามาช่วยส่งเสริมในการเพาะเลี้ยงปลาชนิดนี้ในแง่เศรษฐกิจเพิ่มมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม เกษตรจังหวัดเน้นว่า ควรให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงมากกว่า ทั้งนี้ เพราะมีประสบการณ์แล้วว่า ถ้าประสบปัญหาขาดแคลนน้ำแล้วเป็นอย่างไร เนื่องจากแนวทางนี้อาจไม่จำเป็นต้องใช้พื้นที่มาก เพียง 1 ไร่ ก็สามารถบริหารจัดการได้ จึงจัดทำต้นแบบตัวอย่างแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงไว้ ในพื้นที่ 1 ไร่ 1 แสน โดยประกอบไปด้วยการทำนา บ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ และปลูกพืชผัก เพราะสิ่งเหล่านี้จะเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน และต้องการให้ชาวนามองว่าในอนาคตหากเกิดภาวะน้ำน้อย ควรจะทำอย่างไร ถึงจะอยู่รอดได้
อีกประเด็นที่เกษตรจังหวัดวิตกคือ เรื่องการตลาด เพราะที่ผ่านมาเกษตรกรมีหน้าที่ผลิต แต่ไม่ได้ขายเอง จึงทำให้เกิดช่องว่างด้านราคา ด้วยเหตุนี้จึงต้องการยกระดับรายได้ให้แก่เกษตรกรมีมากขึ้นกว่าเดิม ด้วยการผลิตแล้วนำออกไปขายเอง แล้วทางสำนักงานเกษตรจังหวัดรับหน้าที่จัดเตรียมสถานที่ในชื่อตลาดเกษตร โดยให้เกษตรกรจากกลุ่มต่างๆ ได้นำผลผลิตมาขายโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวิสาหกิจ กลุ่มแม่บ้าน หรือแม้แต่เกษตรกรเอง ทั้งนี้เพื่อเป็นการส่งเสริมรายได้ อีกทั้งยังต้องการให้ชาวบ้านเข้ามาสู่ระบบการขาย การตลาด มากยิ่งขึ้น
สำหรับด้านความเป็นอยู่หรือการสร้างรายได้ของชาวบ้านในจังหวัดสิงห์บุรีนั้น เกษตรจังหวัดบอกว่าคงไม่ต้องห่วงเพราะคนสิงห์บุรีทุกครัวเรือนมีงานสร้างอาชีพและมีรายได้ที่ดีทุกครอบครัว เป็นจังหวัดที่ทุกคนอยู่อย่างมีความสุข และน่าจะเป็นความสุขที่สุดในประเทศไทย เพราะจากผลสำรวจออกมาว่า สิงห์บุรี “เมืองแห่งความสุข อันดับ 1 ของไทย” เป็นการประเมินทุกด้านจากหน่วยงานราชการ และได้รางวัลนี้จากการประกวดมาแล้วถึง 2 ครั้ง
นอกจากนั้น คุณยศพนธ์ ยังบอกถึงกลยุทธ์ในการส่งเสริม โดยยึดพื้นที่ คน และสินค้า เป็นหลัก ทั้งนี้ควรถ่ายทอดความรู้ด้านการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้า เพื่อเป็นส่วนช่วยลดต้นทุนการผลิต แล้วเพิ่มผลผลิต ด้วยการพัฒนาคุณภาพสินค้า อีกทั้งต้องสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพ อกม. องค์การเกษตรกร/วิสาหกิจชุมชนและเครือข่าย โดยให้อยู่บนพื้นฐานของมีกิน มีใช้ หากเหลือนำไปขาย เพื่อความยั่งยืนภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ ว่า “ส่งเสริมการผลิตพืชมีคุณภาพ เกษตรกรพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน
“ท้ายนี้ อยากจะเชิญชวนท่านผู้อ่านนิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้านทุกท่านให้มาเที่ยวจังหวัดสิงห์บุรีกัน เพราะที่นี่ล้วนมีแต่สิ่งที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยว สินค้าพื้นเมือง อาหาร ขนม ตลอดจนสินค้าจากภาคเกษตรที่มีความหลากหลายและปลอดภัยด้วยการผลิตที่มีคุณภาพ” เกษตรจังหวัดสิงห์บุรี กล่าว
ขอขอบคุณ เจ้าหน้าที่สำนักงานเกษตรจังหวัดสิงห์บุรีทุกท่าน ที่อำนวยความสะดวกในการทำรายงานพิเศษครั้งนี้