ไขปริศนาประเด็นอำพราง ในประวัติศาสตร์ไทย

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05127151058&srcday=2015-10-15&search=no

วันที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 609

เรียนรู้จากหนังสือ

“ศรีจุฬาลักษณ์”

ไขปริศนาประเด็นอำพราง ในประวัติศาสตร์ไทย

ช่วงหน้าฝนของทุกปี พยายามบอกเล่ากับผู้ขับขี่รถทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นบนถนน หรือในตรอกซอกซอย

ขอให้ผู้ขับขี่เห็นใจผู้เดินถนนหนทาง ด้วยการขับขี่ช้าหน่อย น้ำจะได้ไม่กระเด็นใส่ผู้เดินถนนหนทาง

ถ้าเป็นน้ำสะอาดก็พอทำเนา แต่ถ้าเป็นน้ำคลำ ก็จะเหม็นติดเสื้อผ้า ซักออกก็ยาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในตรอกซอกซอยส่วนใหญ่น้ำที่ขังจะไม่สะอาด

ยิ่งหากซอยไหนเป็นของเอกชนด้วยแล้ว การลอกท่อเพื่อให้น้ำฝนที่ตกลงมาไหลสะดวก แทบจะไม่ได้ทำ ทำให้น้ำท่วมขัง และสกปรกอีกต่างหาก

และที่ผ่านมาไม่กี่วัน ก็เกิดมีการทะเลาะวิวาทระหว่างผู้ขับขี่กับพ่อค้าแม่ขาย และผู้เดินถนนจนขึ้นโรงพักกันแล้ว

ความมีน้ำใจ เห็นอกเห็นใจกันในแต่ละฤดูกาล จึงเป็นเรื่องที่สำคัญ อย่าคิดเอาแต่ตัวเองเป็นศูนย์กลาง

เวลานี้ เมืองใหญ่ใหญ่ล้วนแต่มีรถราหนาแน่น

ยิ่งมีรถ ยิ่งต้องมีวินัย มีน้ำใจ

เรียนรู้จากหนังสือปักษ์นี้ มีความรู้ที่อยากให้ช่วยกันศึกษาอย่างเปิดใจกว้าง อย่าได้มีอคติ

เป็นอดีตการเมืองเบื้องหลัง 3 เมกะโปรเจ็กต์ สมัยรัชกาลที่ 5

“ไขปริศนาประเด็นอำพราง ในประวัติศาสตร์ไทย” ศึกษาค้นคว้ามาให้รู้ โดย ไกรฤกษ์ นานา

“ผู้เขียนได้พยายามค้นคว้าหาคำตอบของประเด็นอำพราง ที่มักจะเป็นข้อถกเถียงของนักประวัติศาสตร์ไทย

“บางเรื่องก็เคยถูกมองว่าไม่ควรเปิดเผยจากหลักฐานใหม่ที่ค้นพบในต่างประเทศ ทำให้ตระหนักว่า พระมหากษัตริย์ไทยในอดีต ได้ดำเนินกุศโลบายอันแยบยล เพื่อความอยู่รอดของชาติบ้านเมือง แม้ว่าจะต้องเสียเปรียบอยู่ตลอดเวลา

“เรื่องเด่นในเล่มนี้คือ การที่รัชกาลที่ 5 ให้ชาวอังกฤษสำรวจทำแผนที่เมืองไทยฉบับแรก และให้วางโครงการสร้างทางรถไฟ จากไทยไปเมืองจีนครั้งแรก…”

เมืองไทยที่ดำรงอยู่ได้ทุกวันนี้ ยังมีเรื่องอีกมากที่ต้องศึกษาเรียนรู้ และทำความเข้าใจ

ความรู้เรื่องนี้ วางตลาดแล้ว โดย สำนักพิมพ์มติชน จัดพิมพ์ในรูปเล่ม ศิลปวัฒนธรรมฉบับพิเศษ ราคา 290 บาท

เป็นความรู้ที่ต้องข้ามน้ำข้ามทะเลหามาให้รู้ ก็อยากให้หามาอ่าน

ความรู้บางเรื่องอย่าเพิ่งด่วนสรุป แต่ต้องพิเคราะห์ และสืบค้นที่มาที่ไปจากเอกสารหลายหลายทาง

อ่านจากงานวิจัยหลายชิ้นที่ระบุว่า เวลานี้ผู้คนใช้เครื่องมือสื่อกระจก จนไม่รู้จักการศึกษาค้นคว้า

ยุคนี้ จึงเป็นยุคของการก้มหน้าเขี่ย

เหมือนไก่เขี่ยหาเศษอาหาร

เรื่อง – แล้ง

คอลัมน์ – กวีชาวบ้าน

โดย – สายธารสิโป

จนเม็ดดินแห้งผากรากหยั่งได้ แววแห่งความรากไร้เริ่มหยั่งถึง

ในมวลลมอบอ้าวร้าวรำพึง ถมก้นบึ้งหัวใจหลอมไหม้ราน

ลำที่ส่องคือแดดจ้องแผดเผา ใบหญ้าเฉาแห้งกรอบอยู่รอบด้าน

ตามตุ่มตายอดช่อทรมาน ปลิดขั้วใบตามลานใต้ต้นตัว

เปลือยกิ่งโกร๋นแทงก้านประจานทุ่ง สุดเวิ้งวุ้งวิ่นแหว่งเห็นแล้งทั่ว

ตราบเท่าความทุกข์ยากถึงรากบัว บึงก็ขอดคลองกลั้วแต่โคลนตม

บอกชีวิตบ้านป่ากลางนาไร่ สิ้นแต่เด็ก-ผู้ใหญ่ล้วนหกล้ม

แนวระนาบผืนโลกล้วนโศกตรม กับหนามคมแห่งฟ้าคอยฆ่าฟัน

สู้กับความยากไร้-ใช่ยุติ ชีวิตยังแตกปริแหลกสะบั้น

ด้วยวิธีโกงคดเขากดกัน จากเผ่าพันธุ์บางกลุ่มดักหลุมพราง

เฉือนละนิดบิดละน้อยแต่บ่อยครั้ง หั่นจนกว่าพับพังลงไปข้าง

หวังที่เห็นก็เหมือนจะเลือนราง อำนาจนั้นงัดง้างทุกวิธี

สู้กับภัยแล้งร้ายอาจง่ายกว่า ยังผ่านมาผ่านไปตามวิถี

สู้กับความอยากได้เกินพอดี ผู้กดขี่แน่ชัด-ซึ่งกัดเรา

รอเม็ดดินแห้งผากรากหยั่งได้ จึงยอดใบเริ่มแตกชำแรกเฉา

อาจจะมีรอยยิ้มนั้นพริ้มเพรา หากลึกในใครเล่าพอเข้าใจ

Leave a comment