ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160313/224042.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2559
‘เจษฎ์ โทณะวณิก’ ชง 3 โมเดลเปลี่ยนผ่านการเมืองไทยไม่ต้องใช้ ‘ส.ว.’ : โดย…นัฏฐิกา โล่ห์วีระ NOW26
กลายเป็นประเด็นร้อนทางการเมือง เมื่อผู้มีอำนาจในฐานะ “เรือแป๊ะ” เสนอให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ. ซึ่งถือได้ว่าเป็นหนึ่งในผู้โดยสารเรือแป๊ะ ปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยให้มีกลไกรองรับช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองอย่างน้อย 5 ปี
โมเดลของคนขับเรือแป๊ะ ก็คือ การให้มีสมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว.จำนวน 200 คน ซึ่งมีที่มาจากการสรรหา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ในฐานะนายท้ายเรือแป๊ะ จะขอมีส่วนในการสรรหาแต่งตั้งด้วย โดย ส.ว.คณะนี้จะมีวาระ 5 ปี เพื่อเป็นกลไกช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมือง ทำงานด้านการปฏิรูปและการปรองดองให้สำเร็จ
ปรากฏว่าโมเดลที่เสนอถูกคัดค้านจากทุกฝ่าย เพราะชัดเจนว่าจะเป็นช่องทางต่อท่อสืบทอดอำนาจของ คสช.
ดร.เจษฎ์ โทณะวณิก ที่ปรึกษา กรธ. และอดีตกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญชุด นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ จึงออกมาแนะแนวทางผ่าทางตัน ว่าด้วยการสร้างกลไกเปลี่ยนผ่านทางการเมืองโดยไม่ให้ถูกครหาว่าสืบทอดอำนาจ
เริ่มตั้งแต่มาตรการหนักที่สุด คือ พรรคการเมืองและ คสช.มาตกลงกัน เพื่อตั้งองค์กรแก้ไขปัญหาบ้านเมืองในภาวะวิกฤติ อาจจะตั้งโต๊ะแถลงข่าวร่วมกัน เพื่อประเทศให้สังคมไทยและสังคมโลกได้รู้ว่าทั้งฝ่ายการเมืองและ คสช.ตกลงกันแล้ว และต้องการเดินในแนวทางนี้
ส่วนแนวทางที่อยู่ในระดับปานกลาง คือ มีมาตรการในบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญที่กำหนดให้กลไกต่างๆ ทำงานร่วมกันในภาวะวิกฤติ เพื่อให้บ้านเมืองเข้าสู่ความสงบ และเมื่อความขัดแย้งยุติ กลไกเหล่านั้นก็หมดบทบาทไป
ส่วนมาตรการสุดท้าย คือ ปล่อยให้เป็นไปตามบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ กรธ.ได้พิจารณาแล้วว่าจะแก้ไขปัญหาในอนาคตได้ หมายถึงต้องให้ความเชื่อมั่นกับ กรธ.
ดร.เจษฎ์ กล่าวต่อว่า ที่มาของข้อเสนอ “ส.ว.สรรหา” มาจากคนใน คสช. ที่มองว่าในช่วงระยะเปลี่ยนผ่าน ควรมีกลไกตรวจสอบถ่วงดุลและคานอำนาจสภาผู้แทนราษฎรในระดับที่ไว้วางใจได้สำหรับ คสช.
สิ่งที่ต้องคิดต่อคือ บทบัญญัติและกลไก ส.ว.ในร่างรัฐธรรมนูญที่ กรธ.ชุดของนายมีชัย ฤชุพันธุ์ บัญญัติให้ ส.ว.มาจากการเลือกไขว้กันของ 20 กลุ่มสาขาอาชีพ ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้คนดีและประชาชนมีส่วนร่วมในทุกขั้นตอนนั้น จะมีโอกาสได้ใช้จริงเมื่อใด
ประการต่อมาคือ หากเชื่อว่าการสรรหาคือวิธีการเดียวที่จะได้คนดีและไว้ใจได้ รวมทั้งมีเสถียรภาพและศักยภาพในการคานอำนาจกับสภาผู้แทนราษฎร แต่คำถามก็คือกลไก ส.ว.สรรหา ทำหน้าที่ดังกล่าวได้จริงหรือ
“คำถามที่ต้องตอบให้ได้ คือ ต้องการให้ ส.ว.เป็นสภาที่ทำหน้าที่อะไร เพราะมีน้อยประเทศที่ ส.ว.ทำหน้าที่คล้าย ส.ส. ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ ส.ว.ต้องยึดโยงกับประชาชน และมาจากการเลือกตั้งโดยตรงจากพื้นที่ใหญ่กว่า ส.ส. จึงจะสามารถทำหน้าที่คล้ายกันได้ เพราะโดยหลักการแล้ววุฒิสภาทำหน้าที่ประคับประคอง ถ่วงดุลอำนาจ ส.ส. ไม่ใช่ไปควบคุมหรือไปกำกับ มิฉะนั้นจะกลายเป็นประชาธิปไตยครึ่งใบ และทำให้เกิดปัญหามากขึ้น”
ดร.เจษฎ์ ยังเสนอให้กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะเป็น ส.ว.ให้สูงเอาไว้ หากรัฐบาลเป็นห่วงว่ากลไกการเลือกกันเองข้ามกลุ่มอาชีพไม่เพียงพอ เช่น ต้องทำงานมาแล้วอย่างน้อยกี่ปี ต้องอยู่ในตำแหน่งไหน ระดับอธิบดี หรือนักวิชาการต้องระดับศาสตราจารย์ เพื่อให้ได้คนที่มีคุณวุฒิและความสามารถเข้าสู่กระบวนการคัดเลือก
ดร.เจษฎ์ ยังเตือนว่า หาก กรธ.ปรับแก้ร่างรัฐธรรมนูญตามข้อเสนอของผู้มีอำนาจทั้งหมด จะทำให้ร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติยากยิ่งขึ้น ซึ่งปกติก็มีแนวโน้มผ่านยากอยู่แล้ว
“เขายื่นดาบมาให้ จำเป็นต้องทำด้วยหรือ ถ้า กรธ.ทำตามที่เขายื่น กรธ.จะต้องรับหน้าด่านเวลาทำความเข้าใจกับประชาชน ถ้า กรธ.บอกว่าคณะรัฐมนตรี หรือ คสช.สั่งให้เขียนแล้วต้องเขียน ก็จะเจอคำถามว่าถ้าประชาชนฝากข้อเสนอมา กรธ.จะปรับแก้ตามหรือไม่ สิ่งเหล่านี้จะมีผลต่อคนที่เดินไปคูหาลงประชามติ และจะกาไม่เห็นด้วย”
“ประชามติไม่ผ่าน คนที่บริหารราชการแผ่นดินเขาไม่เดือดร้อน สามารถอยู่ต่อได้ และตั้งคณะกรรมการมาร่างรัฐธรรมนูญใหม่ หรือนำรัฐธรรมนูญเก่ามาปัดฝุ่น แต่คนที่ต้องตอบคำถามคือ กรธ.” ดร.เจษฎ์ กล่าวทิ้งท้าย
———————
(‘เจษฎ์ โทณะวณิก’ ชง 3 โมเดลเปลี่ยนผ่านการเมืองไทยไม่ต้องใช้ ‘ส.ว.’ : โดย…นัฏฐิกา โล่ห์วีระ NOW26)
