บ้านพอเพียงเพื่อผู้ประสบภัยคลื่นเซาะฝั่ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160228/223204.html

เกษตร-วิทยาศาสตร์-ไอที : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ 2559
บ้านพอเพียงเพื่อผู้ประสบภัยคลื่นเซาะฝั่ง

ท่องโลกเกษตร : ตามส.ป.ก.ล่องใต้สู่ปลายด้ามขวาน ดูบ้านพอเพียงเพื่อผู้ประสบภัยคลื่นเซาะฝั่ง : โดย…สุรัตน์ อัตตะ

                      ตามที่สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) ได้ดำเนินการจัดที่ดินตามโครงการพิเศษเพื่อความมั่นคงเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยคลื่นกัดเซาะชายฝั่งบ้านบาเฆะ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส ภายใต้โครงการบ้านประชารัฐร่วมใจ 1 และ 2 โดยร่วมมือกับกองทัพภาคที่ 4 จังหวัดนราธิวาส และสำนักนายกรัฐมนตรี ในการจัดซื้อที่ดินเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากคลื่นกัดเซาะชายฝั่ง เมื่อเดือนธันวาคม 2557  โดยใช้งบประมาณ 19,311,275 ล้านบาทในการจัดซื้อที่ดิน 2 แปลงเพื่อจัดสรรให้แก่ผู้ประสบภัยจำนวน 50 ครอบครัวคือ บ้านบาเฆะ หมู่ 2 ต.โคกเคียน จำนวน 6 ไร่เศษ และบ้านบือราเปะ หมู่ 3 ต.โคกเคียน จำนวน 93 ไร่เศษ
                      “ท่องโลกเกษตร” อาทิตย์นี้ล่องใต้สู่ปลายด้ามขวาน ติดตามความช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากคลื่นกัดเซาะชายฝั่งบ้านบาเฆะ ต.โคกเคียน อ.เมืองนราธิวาส หลังหน่วยงานภาครัฐร่วมบูรณาการช่วยเหลือด้วยการสร้างที่อยู่อาศัยใหม่ให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่บ้านบาเฆะมาตั้งแต่เดือนมีนาคม 2558 จนแล้วเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2559 จำนวน 22 หลังคาเรือนและมีกำหนดดำเนินการก่อสร้างบ้านในที่ดินบ้านบือราเปะอีก 28 หลังตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2559 นี้เป็นต้นไปจนกว่าจะแล้วเสร็จต้นปีหน้า โดยการล่องใต้ครั้งนี้มาร่วมในพิธีมอบบ้านตามโครงการบ้านประชารัฐร่วมใจ โดยมีรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี “ม.ล.ปนัดดา ดิสกุล” เดินทางมาเป็นประธานในพิธี
                      บ้านบาเฆะเป็นหมู่บ้านเล็กๆ ตั้งอยู่ชายฝั่งทะเลอ่าวไทยห่างจากตัวเมืองนราธิวาสประมาณ 8 กิโลเมตร ชาวบ้านส่วนใหญ่มีอาชีพทำประมงพื้นบ้าน เช้าวันปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังรองท้องมื้อเช้า ณ โรงแรมที่พัก จากนั้นทั้งหมดก็มุ่งหน้าสู่บ้านบือราเปะ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทางส.ป.ก.ได้จัดซื้อที่ดินไว้สำหรับก่อสร้างที่อยู่อาศัยให้ผู้ประสบภัยแปลงที่สอง โดยสภาพพื้นที่ในขณะนี้อยู่ระหว่างการเตรียมปรับพื้นดินเพื่อก่อสร้างที่อยู่อาศัย หลังแปลงแรกที่บ้านบาเฆะได้ดำเนินการก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมอยู่อาศัย ซึ่งมีการทำพิธีมอบบ้านให้แก่ผู้ประสบภัยชุดแรกจำนวน 22 ครัวเรือนแล้ว
                      จากนั้นได้เดินทางต่อไปยังบ้านบาเฆะ ซึ่งเป็นชุมชนเล็กๆ ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเลที่ถูกคลื่นกัดเซาะชายฝั่งจนบ้านเรือนได้รับความเสียหายทั้งหมด ก่อนจะอพยพมาอยู่ที่อาศัยแห่งใหม่ที่ภาครัฐได้จัดสร้างให้ห่างจากชายฝั่งทะเลเข้ามาประมาณ 1 กิโลเมตร อาแซ อาแว รองประธานกลุ่มหมู่บ้านประชารัฐบ้านบาเฆะ หนึ่งในผู้ประสบภัยที่ได้รับการช่วยเหลือเรื่องที่อยู่อาศัยจากภาครัฐเผยรายละเอียดว่า บ้านบาเฆะ เป็นชุมชนมุสลิม ชาวบ้านมีอาชีพทำประมงพื้นบ้านเป็นหลัก ปกติในช่วงเดือนมรสุมทุกๆ ปี ชาวบ้านมักจะประสบปัญหาคลื่นลมในทะเลแรงชาวบ้านไม่สามารถออกทะเลได้ ขณะเดียวกันก็มีคลื่นกัดเซาะชายฝั่งจนได้รับความเสียหาย ทำให้แผ่นดินถูกกัดเซาะหายไปในทะเลปีละไม่ต่ำกว่า 5-8 เมตร
                      “ในหลวงและสมเด็จพระราชินีก็เคยเสด็จฯ มาที่นี่นะ ถ้าจำไม่ผิดเมื่อประมาณปี 2506  ที่นี่บ้านจะถูกคลื่นซัดได้จนรับความเสียหายทุกปีในช่วงเดือนมรสุมตุลาคมถึงธันวาคม แต่ปลายปี 2557 หนักสุด คลื่นลมในทะเลแรงมาก พัดบ้านเรือนชาวบ้านพังเสียหายเกือบทั้งหมด หลังคาปลิวว่อน เครื่องมือทำประมงก็ถูกคลื่นซัดได้รับความเสียหาย ชาวบ้านต้องอพยพไปอยู่ในที่แห่งใหม่ที่ทางรัฐจัดให้อยู่ชั่วคราว”
                      อาแซเผยข้อมูลระหว่างนำคณะลงพื้นที่สำรวจความเสียหายของหมู่บ้านเดิมที่ตั้งอยู่ริมชายฝั่งทะเล พร้อมชี้ให้ดูบ้านของตัวเองที่ได้รับความเสียหายที่ปัจจุบันหลายเป็นบ้านร้างไม่ต่างจากบ้านหลังอื่นๆ หลังเดินสำรวจความเสียหายอยู่พักใหญ่ จากนั้นทั้งหมดก็ได้เดินทางมายังที่พักแห่งใหม่ที่เพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ พร้อมอยู่อาศัย ภายใต้โครงการบ้านประชารัฐร่วมใจ 1 จำนวน 22 หลัง  บ้านแต่ละหลังตั้งอยู่บนเนื้อที่ 80 ตารางวามีรั้วรอบกันเป็นแนวเขต พื้นที่รอบบ้านจะปลูกพืชผักสวนครัวสำหรับไว้รับประทานเองในครัวเรือน ปัจจุบันที่ดินจัดสรรในแปลงที่ 1 นี้ พร้อมที่จะให้ผู้ประสบภัยเข้าไปอยู่อาศัยแล้ว ส่วนแปลงที่ 2 ที่จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้คาดว่าจะแล้วเสร็จในต้นปีหน้า
                      เปรมจิต สังขพงษ์ รองเลขาธิการส.ป.ก.กล่าวระหว่างเดินเยี่ยมชมบ้านผู้ประสบภัย โดยระบุว่า ที่ดินที่นำมาจัดสรรให้แก่ผู้ประสบภัยทั้งสองแปลงนี้เป็นที่ดินเอกชนที่ส.ป.ก.ใช้เงินกองทุนการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมมาจัดซื้อมา ดังนั้นการจัดให้เกษตรกรหรือการอนุญาตให้เข้าทำประโยชน์จะเป็นการให้เช่าหรือเช่าซื้อ ซึ่งจะคิดอัตราค่าเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมอิงตามราคาประเมินของกรมธนารักษ์ โดยในแปลงที่ 1 ที่บ้านบาเฆะนี้ ราคาประเมินอยู่ที่ไร่ละ 3.1 แสนบาทต้องเสียค่าเช่า 60 บาทต่อปี (ต่อพื้นที่ 80 ตร.ว.) ส่วนที่บ้านบือราเปะ ราคาประเมินอยู่ที่ไร่ละ 2.1 แสนบาทจะต้องเสียค่าเช่า 300 บาทต่อไร่ต่อปี แต่ในเบื้องต้นผู้ประสบภัยมีมติขอเช่าที่ดินไปก่อนเป็นเวลา 3-4 ปี หากมีความพร้อมหรือมีรายได้เพียงพอจึงเปลี่ยนเป็นเช่าซื้อต่อไป
                      จากนั้นม.ล.ปนัดดา ดิสกุล เป็นประธานในพิธีมอบสำเนาทะเบียนบ้าน พร้อมหนังสือรับรองที่ดินให้แก่ผู้ประสบภัยทั้งหมด 22 หลังในโครงการบ้านประชารัฐร่วมใจ 1 บ้านบาเฆะ ก่อนเดินเยี่ยมชมตัวบ้านของผู้ประสบภัยในแต่ละหลังและให้กำลังใจผู้ประสบภัยตลอดจนเจ้าหน้าที่จากทุกภาคส่วนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจในการช่วยเหลือผู้ประสบภัย จนมีบ้านหลังใหม่อยู่อาศัยและได้ประกอบอาชีพตามปกติอีกครั้ง
————————
(ท่องโลกเกษตร : ตามส.ป.ก.ล่องใต้สู่ปลายด้ามขวาน ดูบ้านพอเพียงเพื่อผู้ประสบภัยคลื่นเซาะฝั่ง : โดย…สุรัตน์ อัตตะ)

Leave a comment