ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20151111/216687.html
ยกระดับ’แม่ฮ่องสอนโมเดล’พัฒนาคนทุกช่วงวัย : ทีมสื่อสารสาธารณะ สสค.เรื่อง/ภาพ
สสค.จับมือทุกภาคส่วนราชการ ยกระดับ “แม่ฮ่องสอนโมเดล” บูรณาการข้อมูลสารสนเทศ ร่วม “พมจ.แม่ฮ่องสอน” เพื่อหลักประกันโอกาสทางการเรียนรู้ตลอดชีวิตพัฒนาคนทุกช่วงวัย นำร่องที่ อ.แม่ลาน้อย
เมื่อเร็วๆ นี้ ศูนย์ส่งเสริมและจัดสวัสดิการสังคมระดับชุมชนแม่ลาน้อย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ร่วมกับทุกภาคส่วนราชการและผู้นำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ทั้ง 8 ท้องถิ่นใน อ.แม่ลาน้อย และสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) จัดการเสวนาแม่ฮ่องสอนโมเดล สู่การยกระดับการพัฒนาการเรียนรู้เด็กพิการสู่การพัฒนาคนทุกช่วงวัย โดยการบูรณาการเชื่อมโยงความร่วมมือจากทุกภาคส่วนด้วยระบบสารสนเทศ
นายวิรุฬ พรรณเทวี รองผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน เล่าว่า ความร่วมมือที่เกิดขึ้นจากทุกภาคส่วนเพื่อดูแลเด็กและผู้สูงวัยด้อยโอกาสนั้น ไม่อยากให้มองเป็นการสงเคราะห์ แต่ต้องหาวิธีการที่สร้างความเข้มแข็ง และสร้างตระหนักให้คนแม่ฮ่องสอนว่า ชาวแม่ฮ่องสอนทุกคนรวมถึงคนพิการสามารถสร้างประโยชน์ให้แผ่นดินได้ การเปิดศูนย์ครั้งนี้จึงเป็นเพียงจุดเริ่มต้นในการทำงานบูรณาการร่วมกัน โดยได้รับความร่วมมือจากนายอำเภอแม่ลาน้อย น.ส.พิมพรรณ มานะจิต นายกเทศมนตรีตำบลลาน้อย และนายกองค์การบริหารส่วนตำบลทุกตำบล สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดแม่ฮ่องสอน (พมจ.แม่ฮ่องสอน) โรงพยาบาลประจำอำเภอแม่ลาน้อย ผู้อำนวยการโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ 21 และประชาสัมพันธ์จังหวัดแม่ฮ่องสอน
นายเอนก ไชยวงค์ ผู้อำนวยการศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอน เปิดเผยว่า จากสถิติประเทศไทยมีประชากรพิการทั้งสิ้นจำนวน 1,859,200 คน พบผู้พิการในแม่ฮ่องสอนจำนวน 6,066 คน คิดเป็น 0.33% และพบประชากรเด็กพิการด้อยโอกาสสูงสุดจังหวัดหนึ่งในประเทศไทย โดยพบการพิการในวัยเรียนจำนวน 100 คน ซึ่งขาดโอกาสในการเข้าถึงบริการขั้นพื้นฐานจากหน่วยงานภาครัฐ จึงเป็นที่มาของการค้นหานวัตกรรมช่วยเหลือเด็กพิการจนเป็นที่มาของการเกิด “แม่ฮ่องสอนโมเดล” ซึ่งมีจุดเด่นในการใช้ระบบข้อมูลสารสนเทศส่งต่อข้อมูลเด็กพิการด้อยโอกาสอย่างบูรณาการทุกภาคส่วน โดยความร่วมมือของ สสค.และมหาวิทยาลัยนเรศวร (มน.) ทำให้เด็กพิการด้อยโอกาสจำนวน 300 คน ถูกค้นพบและได้รับโอกาสขั้นพื้นฐานตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งถือว่าเป็นการสร้างโอกาสให้เด็กพิการทางการศึกษาเพิ่มขึ้นถึง 3 เท่าในปี 2558
“มีการขยายผลการทำงานตั้งแต่การเปิดศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กพิการด้อยโอกาสแบบมีส่วนร่วมใน อ.แม่สะเรียง อ.ปาย และอ.ปางมะผ้า และล่าสุดมีการยกระดับการบูรณาการเพื่อคนทุกช่วงวัยด้วยการเปิด “ศูนย์ส่งเสริมและจัดสวัสดิการสังคมระดับชุมชนแม่ลาน้อยและห้องศูนย์การเรียนรู้เพื่อพัฒนาเด็กพิการด้วยโอกาสแบบมีส่วนร่วมอำเภอแม่ลาน้อย” ขึ้น เพื่อดูแลเด็กพิการใน อ.แม่ลาน้อย เพิ่มขึ้นอีก 24 คน โดยเป็นครั้งแรกที่เกิดการแลกเปลี่ยนข้อมูลเด็กพิการและผู้พิการร่วมกับ พมจ.แม่ฮ่องสอน เพื่อการดูแลและพัฒนาคนทุกช่วงวัย” นายเอนก กล่าว
นางนฤมล ปาลวัฒน์ อดีตผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ในฐานะอดีตคุณยายผู้ว่าฯ พบว่า เด็กแม่ฮ่องสอน 5 คน จะเด็กพิเศษ 1 คน ครั้งแรกที่เริ่มทำนั้น ไม่เคยคิดว่าต้องได้รับความสนใจจากส่วนกลาง จากองค์กรต่างประเทศ แต่ต้องการเอาประชาชนเป็นตัวตั้ง ในฐานะที่เราเป็นแม่ เมื่อลูกเกิดมาเป็นเด็กพิเศษ เราต้องเสียกำลังคนดูแล ในความคิดของคุณยายผู้ว่าฯ จึงคิดว่าเราน่าจะช่วยเหลือกัน จึงเป็นที่มาในการสร้าง “แม่ฮ่องสอนโมเดล” และการขยายผลการทำงานต่อเนื่องยั่งยืนต่อเนื่อง
ทั้งนี้ยังมีการลงบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือด้านการจัดตั้งห้องเรียนเพื่อพัฒนาเด็กพิการด้อยโอกาสแบบมีส่วนร่วมระหว่างเทศบาลแม่ลาน้อย อำเภอแม่ลาน้อย กับศูนย์การศึกษาพิเศษประจำจังหวัดแม่ฮ่องสอนด้วย พร้อมกับการเปิดศูนย์ส่งเสริมและจัดสวัสดิการสังคมระดับชุมชนแม่ลาน้อย และห้องศูนย์การเรียนรู้เพื่อเด็กพิการด้อยโอกาส แบบมีส่วนร่วม อำเภอแม่ลาน้อย
ขณะที่ “นายพิพัฒน์ เอกภาพันธ์” ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ต้องยอมรับว่า จ.แม่ฮ่องสอน เป็นจังหวัดพิเศษ มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ซึ่งต้องรักษาทุกคนไว้ ซึ่งปัจจุบันเรามีเด็กพิการรุนแรงจำนวน 219 คน ที่อยู่นอกระบบภายในพื้นที่ 7 อำเภอ ที่ต้องพัฒนาและสอนหนังสือ ดังนั้นคนที่จะมาทำงานนี้เรื่องนี้จึงต้องเป็นคนที่เสียสละและจริงจัง เพราะแม่ฮ่องสอนของเรายังมีจุดอ่อนอยู่ เนื่องจากความทุรกันดารความห่างไกลในพื้นที่ แต่เราจะต้องช่วยกันอย่างจริงจัง
“ผมเต็มใจและตั้งใจช่วยให้สมบูรณ์ โดยผมเสนอให้มีการนำเรื่องนี้เข้าประชุมใหญ่ในจังหวัด มีการดูแล การส่งต่อแต่ละหน่วยงาน เพื่อดูแลเรื่องสิทธิประโยชน์ โดยผมในฐานะผู้ว่าฯ จะได้หนุนให้ถูกต้องและตรงจุด เพื่อทดแทนคุณแผ่นดิน ช่วยคนแม่ฮ่องสอนทุกคน ผมมั่นใจว่า ทุกอย่างต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น โดยปีต่อไปผมจะให้งบประมาณการศึกษาประมาณ 20 ล้านบาท จากปกติ 2 ล้านบาทต่อปี โดยจะปูพรมเรื่องการอ่านหนังสือ 2.5 หมื่นคน เรื่องการอาชีพ และต้องการแม่ฮ่องสอนเป็นเมืองไอที” ผู้ว่าฯแม่ฮ่องสอน ให้คำมั่น
