เรียนรู้’ว่าวไทย’สายป่านความผูกพัน@ร.ร.วัดวังเป็ด สพป.พล.1

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20151117/216865.html

การศึกษา-สาธารณสุข-สิ่งแวดล้อม : ข่าวทั่วไป
วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน 2558
เรียนรู้'ว่าวไทย'สายป่านความผูกพัน@ร.ร.วัดวังเป็ด สพป.พล.1

เรียนรู้’ว่าวไทย’สายป่านความผูกพัน@ร.ร.วัดวังเป็ด สพป.พล.1 : จันทรเพชร ไกรโชค 0 เรื่อง-ภาพสพป.พล.1

            เมื่อฤดูฝนพัดผ่านไป ลมประจำถิ่นที่เรียกว่า ลมข้าวเบา หรือที่หลายคนรู้จักกันดีในชื่อ ลมว่าว ก็เริ่มพัดผ่านเข้ามา เป็นสัญญาณให้ชาวนาในแถบ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก (เมืองสองแคว) เริ่มลงมือเก็บเกี่ยวข้าวที่เพาะปลูกไว้สิ่งที่มาพร้อมกับสายลมหนาวนอกเหนือจากผิวเนื้อที่เริ่มแห้งแตกเป็นขุยสีขาวของเด็กต่างจังหวัดนั้นคือการวิ่งว่าว

ที่โรงเรียนวัดวังเป็ด หมู่ 2 บ้านวังเป็ด ต.บางระกำ อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก เป็นโรงเรียนขนาดเล็ก สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา พิษณุโลก เขต 1 (สพป.พล.1) เปิดทำการสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลถึงประถมศึกษาปีที่ 6  มีนักเรียนจำนวน 127 คน ครูจำนวน 7 คน มี “นายเฉลิม ป้อมบุญมี” เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ได้เห็นถึงความสำคัญของ “ว่าวไทย” และ “ความสัมพันธ์ของครอบครัว” จึงได้ร่วมกับพ่อแม่ผู้ปกครองในชุมชน จัดกิจกรรม “ว่าวไทย” ให้แก่นักเรียนโรงเรียนวัดวังเป็ดขึ้น ในชั่วโมง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ตามนโยบาลพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ยุครัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี

นายเฉลิม  เล่าว่า การละเล่นว่าวไทย เป็นกิจกรรมที่ตอบสนองความสนใจ ความถนัดและความต้องการผู้เรียน เนื่องจากเด็กนักเรียนของโรงเรียนวัดวังเป็ดส่วนใหญ่เป็นครอบครัวชาวไร่ชาวนา มีวิถีชีวิตที่เกี่ยวข้องกับฤดูกาล เมื่อถึงฤดูทำนาเกี่ยวข้าวก็ต้องออกไปช่วยพ่อแม่ผู้ปกครอง หลายครอบครัวได้ใช้เวลาว่างจากการทำงาน มาทำว่าวให้ลูกหลานได้วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนาน เป็นกิจกรรมที่เสริมสร้างความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่ในขณะนี้วิถีการทำนาได้เปลี่ยนไปใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น เครื่องเกี่ยวข้าว ทำให้ลูกหลานชาวนารุ่นใหม่ ไม่ได้มีโอกาสเรียนรู้ความสัมพันธ์ผ่านการละเล่นว่าวไทย

“การละเล่นว่าวไทย ที่ให้นักเรียนลงมือทำ เป็น ว่าวปักเป้า เนื่องจากเด็กนักเรียนยังตัวเล็ก แต่คล่องแคล่ว ปราดเปรียว จึงใช้อุปกรณ์เพียงไม่กี่ชิ้น เพื่อไม่ให้ว่าวหนักจนเด็กรับไม่ได้ อีกทั้งต้องใช้ศิลปะและความชำนาญในการทำว่าวปักเป้า” ผอ.ร.ร.วัดวังเป็ด อธิบาย

ดูเหมือนว่า การจัดกิจกรรม “ว่าวไทย” ในชั่วโมง “ลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้” ของโรงเรียนวัดวังเปิด ได้รับความเอื้อเฟื้อจาก “นายนิรุต นาคเจือทอง” ทำหน้าที่เป็นวิทยากรกิจกรรมว่าวไทย ในฐานะที่เป็นศิษย์เก่าของโรงเรียนวัดวังเป็ดและมีความชำนาญในการทำว่าวปักเป้าเป็นพิเศษ

“ผมได้เรียนรู้การทำว่าวปักเป้ามาจากคุณพ่อ จึงคิดที่จะถ่ายทอดวิชาความรู้การทำว่าวปักเป้าเพื่อส่งต่อไปสู่รุ่นลูกรุ่นหลาน ซึ่งเด็กนักเรียนที่จะมาเรียนทำว่าวไทย ส่วนมากเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4–6 แต่ละคนตื่นเต้น สนุกสนาน และมีความสนใจที่จะเรียนรู้กันมาก” นายนิรุต เล่าด้วยรอยยิ้ม

ส่วนวิธีการทำว่าปักเป้า นั้น “นิรุต” อธิบายขั้นตอนการทำว่าวปักเป้าว่า เริ่มต้นต้องหาไม้ไผ่สีสุก ที่มีอายุไม่อ่อน หรือแก่เกินไป ตัดให้ได้ขนาดตามต้องการ แล้วเหลาให้สามารถดัดหรืองอได้ จากนั้นนำมาขึ้นโครงว่าวโดยใช้ไม่ไผ่ 2 ชิ้นขัดกันเป็นโครง ยึดติดกันเป็นรูปร่างว่าวด้วยด้าย แต่ต้องระวังในขั้นตอนนี้ ไม่ผูกด้ายยึดโครงไม่ให้ตึงเกินไปหรือหย่อนเกินไป เพราะว่าวจะเสียศูนย์ได้ในเวลาเล่น จากนั้นเป็นขั้นตอนการปิดกระดาษลงไปในโครงว่าวโดยใช้กาวเป็นตัวประสาน กระดาษที่ใช้ทำว่าว จะเป็นกระดาษว่าว หรือกระดาษสา หรือถุงพลาสติกใสๆ ก็ได้ เสร็จแล้วก็นำมาเจาะรูผูกคอซุง โดยต้องดูความสมดุลของว่าว ว่าไม่เอียงซ้ายหรือขวา หัวหรือท้ายไม่หนักเกินไป หลังจากนั้นก็ตกแต่งให้สวยงาม และผูกสายป่านนำว่าวขึ้นทดสอบกับสายลมได้

“หนูชอบมาก ที่ทางโรงเรียนวัดวังเป็ด ได้จัดกิจกรรมเรียนรู้ เสริมจากการเรียนในห้องเรียน นักเรียนก็จะไม่เครียดกับการเรียนตามหลักสูตรมากเกินไป และนำเวลาส่วนหนึ่งมาเรียนรู้กับกิจกรรมดีๆ ทั้งทางด้านภูมิปัญญา การละเล่น ของท้องถิ่นอีกด้วย จากการเรียนมาได้ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา พบว่าเพื่อนส่วนใหญ่ ชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการทำว่าว ที่ไม่ยาก แต่การทำนั้นก็ให้ว่าวสามารถขึ้นติดลมบนให้ได้ หนูชื่นชอบมากที่ได้มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สืบสานวัฒนธรรมไทย ผ่านกิจกรรมว่าวไทยในภาคเรียนนี้” ด.ญ.สุจิรา แจ่มดี อายุ 11 ขวบ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนวัดวังเป็ด เล่าด้วยรอยยิ้ม

นายประยุทธ สุรเดชไพบูลย์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 กล่าวว่า กิจกรรมที่โรงเรียนแกนนำได้นำไปเพิ่มเวลารู้ ให้แก่นักเรียนมีหลากหลายตามบริบทของโรงเรียน ระดับชั้น อายุ และความสนใจ โดยกระบวนการลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของแต่ละโรงเรียนได้ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการสถานศึกษา และมีการประชุมภายหลังการจัดกิจกรรมของคณะครู เพื่อทบทวน ปรับปรุงกิจกรรมให้เหมาะสมอยู่ตลอดเวลา

“กิจกรรมว่าวไทยพบว่านักเรียนต่างให้ความสนใจ เข้าร่วมกิจกรรมและรู้สึกสนุกสนานกับกิจกรรมที่จัดให้ ในส่วนของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพิษณุโลก เขต 1 ได้ดำเนินการซักซ้อมความเข้าใจให้กับโรงเรียนแกนนำไปแล้วโดยมี Smart Trainer ร่วมส่งเสริมและพัฒนาตลอด และได้แต่งตั้งคณะศึกษานิเทศก์ ร่วมกับ Smart Trainer ออกติดตามให้กำลังใจการดำเนินกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ของโรงเรียน โดยในระยะที่ 1 ได้ออกประเมินระหว่างวันที่ 9 -16 พฤศจิกายน 2558” รักษาราชการแทน ผอ.สพป.พล.1 กล่าวสรุป

Leave a comment