แปรรูปข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ เสริมแกร่ง ‘โรงสี’ สู้ตลาด

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160302/223363.html

เกษตร-วิทยาศาสตร์-ไอที : ข่าวทั่วไป
วันพุธที่ 2 มีนาคม 2559
แปรรูปข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ เสริมแกร่ง 'โรงสี' สู้ตลาด

ทำมาหากิน : แปรรูปข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ เสริมแกร่ง ‘โรงสี’ สู้ตลาด : โดย…ธานี กุลแพทย์

                      สภาวะตลาดที่เปลี่ยนไปตามเศรษฐกิจประเทศ ทำให้กิจการโรงสีข้าวของ สุทิน กองทอง ที่ต่อสู้ชีวิตจากพนักงานก้าวสู่การเป็นผู้ประกอบการ จำต้องปรับกลยุทธ์โรงสีตาม ทั้งเสริมแกร่งด้วยแปรรูปข้าวเป็นผลิตภัณฑ์ และขอรับการสนับสนุนจากภาครัฐ มุ่งขยายตลาดที่มั่นคงในอนาคต
                      สุทิน กองทอง กรรมการผู้จัดการโรงสีข้าวเกริก เล่าว่า อดีตเป็นพนักงานโรงสีข้าว ก่อนผันตัวมาเป็นเจ้าของธุรกิจในปี 2526 ด้วยการสีข้าวเหนียวส่งขายจังหวัดใกล้เคียง กระทั่งปี 2549 จึงมาทำโรงสีข้าวออร์แกนิกที่ได้รับการรับรองตามมาตรฐาน GMP, HACCP แต่ด้วยตลาดขยายตัวน้อยมาก จึงเปลี่ยนมาส่งเสริมการปลูกข้าวญี่ปุ่น และสีข้าวญี่ปุ่นแทน ทั้งต่อยอดธุรกิจด้วยนำรำข้าวหอมนิลและข้าวญี่ปุ่นมาสกัดเย็น แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์อาหารเสริมความงาม แบรนด์ “ถาดทอง” ส่งขายทั้งในและต่างประเทศ มียอดขายเติบโต 5-10% ต่อปี
                      ด้วยวิสัยทัศน์ที่ไม่หยุดนิ่งของสุทิน จึงได้รับความช่วยเหลือจากกระทรวงอุตสาหกรรม ส่งทีมที่ปรึกษาให้คำแนะนำเพื่อลดต้นทุนการผลิตมุ่งแข่งขันได้ในตลาดค้าข้าวและผลิตภัณฑ์แปรรูป โดยเฉพาะรองรับการเปิดเสรีอาเซียน ล่าสุด กระทรวงอุตสาหกรรม นำโดย นายประสงค์ นรจิตร์ หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงอุตสาหกรรม พร้อมคณะสื่อมวลชน ลงพื้นที่เยี่ยมกิจการโรงสีข้าวเกริก ซึ่งตั้งอยู่ 136 หมู่ 12 ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย
                      สุทิน บอกว่า โรงสีจะรับซื้อข้าวจากเกษตรกรที่ทำคอนแทร็กฟาร์มมิ่ง กับโรงสี โดยทางโรงสีได้จัดหาเมล็ดพันธุ์ข้าวญี่ปุ่น ปุ๋ย-ยาปราบศัตรูพืช นักวิชาการ ประกันราคา รับซื้อผลผลิต ซึ่งมี 500-700 ครอบครัว พื้นที่ 4,000 ไร่ ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่ 800-1,200 กิโลกรัม ราคาจำหน่าย 40-42 บาทต่อกิโลกรัม มียอดขาย 6-10 ล้านบาทต่อปี มีตลาดส่งออกอยู่ที่ออสเตรเลีย และอยู่ระหว่างการพัฒนาตลาดอื่นๆ โดยเฉพาะผลิตภัณฑ์แปรรูปจากรำข้าว
                      ความแข็งแกร่งของโรงสีข้าวเกริกเพิ่มขึ้นไปอีก เมื่อเข้าร่วมโครงการพัฒนาขีดความสามารถแข่งขันของอุตสาหกรรมแปรรูปการเกษตรในภูมิภาค (One Province One Agro-Industrial Product) OPOAI จำนวน 1 แผนงาน คือ แผนงานที่ 4 การลดต้นทุนพลังงาน มีเป้าหมายต้องการผลิตสินค้าที่ดีมีคุณภาพให้แก่ลูกค้า เนื่องจากแรงงานเป็นปัญหาใหญ่ เพราะคนที่ทำนาในปัจจุบันอายุ 40 ปีขึ้นไป จึงต้องหาวิธีการลดต้นทุน และจากการที่ปรึกษาได้เข้าสำรวจสภาพปัจจุบันพบว่า มีการใช้พลังงานมาก และยังไม่มีมาตรการลดต้นทุน
                      ทีมที่ปรึกษาจึงเสนอ 3 มาตรการประหยัดพลังงาน คือ 1.จัดเวลาใช้งานเครื่องจักรเพื่อลดค่าใช้จ่ายไฟฟ้า 2.ปรับปริมาณอากาศที่ใช้เผาไหม้เชื้อเพลิงให้เหมาะสมของเตาเผาที่ใช้อบแห้งข้าว และ 3.เปลี่ยนขนาดเครื่องจักรต้นกำลังให้เหมาะสมกับงาน
                      “ผลการดำเนินมาตรการ ช่วยลดค่าไฟฟ้าของโรงสีได้ถึง 1,115,156.00 บาทต่อปี คิดเป็นร้อยละ 19.96 ของค่าใช้จ่ายด้านพลังงานทั้งหมด” เจ้าของโรงสีแจง
                      ด้าน นายประสงค์ นรจิตร์ กล่าวว่า โครงการ OPOAI เริ่มปี 2550 มุ่งพัฒนาขีดความสามารถการแข่งขันให้แก่สถานประกอบการ เพื่อลดต้นทุน, เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตให้ได้รับมาตรฐาน, กำหนดให้มีกลยุทธ์ขับเคลื่อนการตลาด และสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์ อันเป็นการบูรณาการร่วมกันของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา เพื่อให้สถานประกอบการแข่งขันได้อย่างมั่นคง และยั่งยืน
———————–
(ทำมาหากิน : แปรรูปข้าวสู่ผลิตภัณฑ์ เสริมแกร่ง ‘โรงสี’ สู้ตลาด : โดย…ธานี กุลแพทย์)

Leave a comment