ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160306/223577.html
เกษตร-วิทยาศาสตร์-ไอที : ข่าวทั่วไป
วันอาทิตย์ที่ 6 มีนาคม 2559
ท่องโลกเกษตร : แวะดู ‘สินค้าเกษตร’ กาญจนบุรี ที่ถนนคนเดินสาย ‘ปากแพรก’ : โดย…โต๊ะข่าวเกษตร
กาญจนบุรี ที่ไม่เพียงเต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ หากแต่เป็นแหล่งผลิตผลทางการเกษตรที่สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นพืชผักปลอดสารพิษ ผลไม้นานาชนิด เช่น มะพร้าวน้ำหอม มะม่วงน้ำดอกไม้ ข้าวโพดหวาน ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมของกาญจนบุรี ชาวบ้านปลูกและจำหน่ายสร้างรายได้มาอย่างยาวนาน จนกระทั่งผู้ว่าฯ คนปัจจุบัน “ศักดิ์ สมบุญโต” พยายามจัดสร้างเอกลักษณ์ของเมืองโดยนำจุดเด่นแต่ละอย่างมาสร้างแรงดึงดูดใจให้แก่ผู้มาเยือน
“ท่องโลกเกษตร” อาทิตย์นี้ตามผู้ว่าฯ กาญจนบุรี “ศักดิ์ สมบุญโต” ตะลอนเมืองกาญจน์ ซึ่งเป็นเมืองหน้าด่านของไทยในอดีตที่พยายามเร่งผลักดัน ภายใต้โครงการส่งเสริมการท่องเที่ยวถนนปากแพรกจะเห็นได้ว่าทุกวันเสาร์บ่าย 4 โมงเย็นจนถึง 3 ทุ่ม ถนนปากแพรกถูกกั้นให้เป็นถนนคนเดิน ซึ่งเชื่อมเส้นทางตั้งแต่ถนนโต้รุ่ง ผ่านหน้าจวนผู้ว่าฯ มาถึงหน้าเมืองและเลี้ยวเข้าถนนปากแพรก ขณะนี้สิ้นสุดบริเวณหน้าบ้านสิทธิสังข์ แม้ตลาดเริ่มตั้งแต่ผู้คนก็คลาคล่ำ สังเกตสินค้าส่วนใหญ่จะเป็นเครื่องใช้เก่าๆ ภาพวาด งานศิลปะ แต่ที่ดูมากเป็นพิเศษก็คือสินค้าเกษตร พืชผักปลอดสารพิษ ผลไม้นานาชนิด เช่น มะพร้าวน้ำหอม มะม่วงน้ำดอกไม้มัน ข้าวโพดหวานที่ชาวบ้านนำผลผลิตนำมาจำหน่ายกันเอง

“ถนนปากแพรกถือเป็นถนนเก่าแก่ตั้งแต่ยุคก่อตั้งเมืองกาญจนบุรี ในสมัยรัชกาลที่ 3 เมื่อราว 185 ปีก่อน เพื่อเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว จ.กาญจนบุรี ตลอดจนสร้างรายได้ให้ชุมชน พร้อมพัฒนาคุณภาพและยกระดับถนนปากแพรกถนนสายแรกของเมืองกาญจนบุรีให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอันจะนำไปสู่การท่องเที่ยวที่ยั่งยืน” ผู้ว่าฯ กาญจนบุรีเผย พร้อมชี้ให้ดูผลิตภัณฑ์ของพ่อค้าแม่ค้าที่นำมาวางจำหน่ายบริเวณสองข้างทาง
แต่ละร้านมีเมนูอาหารน่าสนใจของที่นี่ก็มีให้เลือกไม่น้อย แต่ที่อร่อยเป็นเอกลักษณ์เห็นทีจะเป็นแกงป่าปลาคัง แกงคั่วหอยขม ต้มยำไก่บ้าน ผัดผักหวานน้ำมันหอย ฯลฯ ซึ่งเข้ากันดีกับบรรยากาศบนแพพักที่ผูกลอยอยู่ริมน้ำ พร้อมกันนั้นก็มีโอกาสศึกษาพระประวัติและผลงานของสมเด็จพระสังฆราชองค์ที่ 19 ของประเทศไทย ที่หอพระประวัติสมเด็จพระญาณสังวรฯ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดเทวสังฆาราม ทำให้รู้ว่าพระองค์เกิดและเติบโตอยู่ในชุมชนที่ชื่อว่า “ปากแพรก” และบวชเรียนอยู่ที่วัดแห่งนี้ ก่อนไปศึกษาพระธรรมต่อที่วัดบวรนิเวศวิหาร และขึ้นเป็นสมเด็จพระสังฆราชในเวลาต่อมา
จากข้อมูลที่ซึมซับเข้ามาจากหอพระประวัติทำให้รู้ว่า “ถนนปากแพรก” ซึ่งอยู่ไม่ห่างจากหน้าวัด มีความน่าสนใจ ด้วยความเป็นชุมชนเก่าตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ที่มาสร้างเมืองกาญจนบุรี คงต้องมีบ้านเก่าๆ หรือประตูไม้บานใหญ่ๆ และมุมเก๋ๆ ให้ถ่ายรูปอยู่ไม่น้อย

ทว่าก้าวแรกที่เดินเข้ามายังถนนเส้นนี้ กลับเป็นภาพที่เห็นก็ชวนตื่นตาและพาตื่นใจกว่าที่คิดเอาไว้มาก เพราะบ้านเรือนเก่าของที่นี่ดูแปลกตากว่าทุกที่ที่เคยไป ซึ่งมีทั้งบ้านแบบฝรั่ง จีน ญวน และแบบไทยเรียงรายอยู่ 2 ฝั่งถนน ตามแนวกำแพงเมืองของกาญจนบุรี
โดยบ้านเรือนบนถนนสายนี้จะเปิดให้ผู้สนใจเยี่ยมชมได้ทุกวันเสาร์ พร้อมทั้งเล่าประวัติความเป็นมาของบ้านแต่ละหลังให้ฟังโดยละเอียด แม้บ้านบางหลังที่ยังไม่เปิดให้เยี่ยมชม ก็มีข้อมูลแสดงไว้บนแผ่นป้ายแสดงไว้อย่างน่าสนใจ
นอกจากเป็นบ้านเดิมของสมเด็จพระสังฆราชแล้ว กาญจนบุรียังเป็นบ้านเกิดและที่อยู่อาศัยของบุคคลสำคัญของไทยหลายคน ไม่ว่า อ.เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ศิลปินแห่งชาติ หมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส รวมทั้งพระยาพหลพลพยุหเสนา นายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ของไทย แต่ที่น่าสนใจไปกว่านั้น ก็คือเรื่องราวของบ้านแต่ละหลังและเรื่องราวของผู้คนที่อาศัยในชุมชนแห่งนี้ ซึ่งผ่านเรื่องราวทางประวัติศาสตร์สำคัญ ตั้งแต่การตั้งเมืองกาญจนบุรี และในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านแต่ละหลังยังคงถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี

อย่างบ้าน “บ้านแต้มทอง” เป็นบ้านตึกหลังแรกของถนนปากแพรก สร้างตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 โดยช่างชาวจีนที่พาขึ้นเรือสำเภามา ทำให้สถาปัตยกรรมจึงเป็นแบบจีน แม้เวลาผ่านมากว่า 150 ปี แต่บ้านก็ยังคงความสมบูรณ์ รวมถึงข้าวของเครื่องใช้ไว้เหมือนของเดิมได้อย่างน่าอัศจรรย์ หรือบ้านบุญผ่อง แอนด์ บราเดอร์ (สิริโอสถ) เป็นบ้านอีกหนึ่งหลังที่น่าสนใจมาก ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บ้านหลังนี้เปิดเป็นร้านขายของชำ และมีข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ อยู่อย่างครบถ้วน ทำให้ทหารญี่ปุ่นมาติดต่อขอซื้อสินค้าจากนายบุญผ่อง ซึ่งเป็นเจ้าของร้านที่ต้องขนของช่วยเชลยไปส่งที่ค่ายญี่ปุ่น จึงไปเห็นความยากลำบากของเชลยชาติต่างๆ ที่ถูกเกณฑ์มาทำทางรถไฟ จึงแอบช่วยอย่างลับๆ เช่น แอบส่งยาแก้ไข้มาลาเรีย ส่งเครื่องมือสื่อสาร รวมทั้งแอบช่วยเชลยที่หลบหนีออกมาด้วย ทำให้หลังสิ้นสุดสงครามได้รับสมญาว่า “วีรบุรษสงครามของทางรถไฟสายมรณะ” มีส่วนให้ประเทศไทยไม่ถูกปฏิบัติอย่างผู้แพ้สงคราม ซึ่งเรื่องราวของนายบุญผ่องจึงนำมาสร้างเป็นละครด้วย
ไม่ไกลกันนักมีร้านกาแฟ “บ้านสิทธิสังข์” ซึ่งเป็นบ้านสไตล์ยุโรปที่ผ่านการใช้งานรูปแบบต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งเป็นร้านของของ เป็นสำนักงานทนายความ ปัจจุบันเปิดเป็นร้านกาแฟที่ตกแต่งได้อย่างเก๋ไก๋ ทว่ายังคงรูปแบบของสถาปัตยกรรมเดิมไว้ได้อย่างสวยงาม
จะเห็นว่าทุกบ่ายวันเสาร์ 4 โมงเย็นจนถึง 3 ทุ่ม ถนนปากแพรกถูกกั้นให้เป็นถนนคนเดิน คลาคล่ำไปด้วยผู้คนมากเป็นพิเศษ ทั้งผู้มาเยือนและคนท้องถิ่นเลือกซื้อสินค้าเกษตร พืชผักปลอดสารพิษ ผลไม้นานาชนิด เช่น มะพร้าวน้ำหอม มะม่วงน้ำดอกไม้มัน ข้าวโพดหวาน ซึ่งเป็นพันธุ์ดั้งเดิมของกาญจนบุรีที่ชาวบ้านนำมาจำหน่าย รวมทั้งของกินคาวหวาน ทั้งปลาหมึกไข่ เป็ดย่างเกลือ ผัดไทยโบราณ ข้าวหลาม ข้าวเกรียบปากหม้อ ขนมทองโยะ ขนมไทยโบราณที่หารับประทานได้ยากก็มีจำหน่ายบนถนนสายนี้ ดังนั้นกาญจนบุรีจึงนับเป็นอีกสถานที่ที่น่าสนใจที่ทุกท่านควรไปสัมผัส
—————————
(ท่องโลกเกษตร : แวะดู ‘สินค้าเกษตร’ กาญจนบุรี ที่ถนนคนเดินสาย ‘ปากแพรก’ : โดย…โต๊ะข่าวเกษตร)
