ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/597315
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 29 มี.ค. 2559 07:00

คนอยากมีบ้านถึงคราวเฮ!! หลังรัฐบาลไฟเขียว “โครงการบ้านประชารัฐ” ไปเมื่อวันที่ 22 มี.ค. ที่ผ่านมา นอกจากจะเป็นการช่วยสานฝันให้คนรายได้น้อยได้มีสิทธิ์ครอบครองที่อยู่อาศัย ทำให้คนจำนวนมากมายแห่ไปใช้สิทธิ์จับจองอย่างล้นหลามไปตั้งแต่วันแรกที่เปิดโครงการกันไปแล้วนั้น ในส่วนของรัฐบาลเอง ยังได้กระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ ผ่านทางภาคอสังหาริมทรัพย์อีกด้วย
อีกเพียงประมาณ 2 สัปดาห์ ก็จะก้าวเข้าสู่ช่วงเทศกาลสงกรานต์กันแล้ว ทางกระทรวงการคลังจึงได้มีการอัดแพ็กเกจ กระตุ้นเศรษฐกิจช่วงสงกรานต์ กระตุ้นให้คนไทยเกิดการจับจ่ายใช้สอยภายในประเทศเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น จากมาตรการกินเที่ยวในประเทศ โดยการนำใบเสร็จมาใช้ลดหย่อนภาษี การแจกโบนัสข้าราชการ แจกเงินผู้มีรายได้น้อย รวมไปถึง โครงการบ้านประชารัฐ ที่รัฐบาลได้ไฟเขียวไปหมาดๆ นั่นเอง แต่ช้าก่อน! กู้บ้านทั้งทีอย่าเพิ่งใจร้อน วันนี้“ไทยรัฐออนไลน์” ขออาสาพาไปดูเงื่อนไขต่างๆ ของโครงการบ้านประชารัฐ ให้คนอยากมีบ้านทั้งหลายได้รู้จักมากยิ่งขึ้น …
ทำความรู้จักโครงการบ้านประชารัฐ

โครงการบ้านประชารัฐ คือ การที่รัฐจะปล่อยสินเชื่อวงเงิน 70,000 บาท แบ่งเป็นสินเชื่อให้กับผู้ประกอบการเอกชนภาคอสังหาริมทรัพย์สร้างที่อยู่อาศัยในวงเงิน 3 หมื่นล้านบาท ผ่านธนาคารกรุงไทย ออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ ส่วนอีก 4 หมื่นล้านบาท เป็นสินเชื่อให้ประชาชนกู้ซื้อบ้านผ่านธนาคารออมสิน และธนาคารอาคารสงเคราะห์ แห่งละ 2 หมื่นล้านบาท โดยมีระยะเวลาดำเนินโครงการ 2 ปี โดยที่อยู่อาศัยภายใต้โครงการบ้านประชารัฐจะครอบคลุมพื้นที่ทั่วประเทศ แต่จะต้องมีราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท ไม่ว่าจะสร้างบนที่ดินของตนเอง โครงการของเอกชน หรือสร้างบนที่ดินของรัฐ และยังครอบคลุมไปจนถึงที่อยู่อาศัยที่สร้างใหม่ สร้างเสร็จพร้อมอยู่ และทรัพย์สินรอการขาย (เอ็นพีเอ) ของสถาบันการเงินและบริษัทบริหารสินทรัพย์ รวมทั้งเอ็นพีเอของกรมบังคับคดี
เช็กเงื่อนไข ใครมีสิทธิ์จองบ้านประชารัฐ?
ผู้ขอสินเชื่อจะต้องมีอายุ 20 ปีขึ้นไป เมื่อรวมอายุผู้กู้กับระยะเวลาชำระเงินกู้ไม่เกิน 65 ปี ส่วนการซื้อบ้าน เช่าซื้อ หรือสร้างใหม่ ราคาหลังละไม่เกิน 1,500,000 บาท และเป็นบ้านหลังแรกเท่านั้น โดยผู้ขอสินเชื่อ ต้องไม่เคยมีชื่อเป็นเจ้าของบ้านมาก่อน ยกเว้นว่า จะเป็นการซ่อมแซมหรือต่อเติมที่อยู่อาศัย รวมทั้งผู้ขอสินเชื่อ ต้องไม่มีชื่อเป็นหรือเคยเป็น “เจ้าบ้าน” ในทะเบียนบ้านที่นำมาแสดงเป็นหลักฐานการยื่นกู้กับธนาคาร และต้องมีชื่อเป็น “ผู้อยู่อาศัย” ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า 3 ปี ยกเว้น มีชื่อเป็นเจ้าบ้านแต่พิสูจน์ได้ว่าไม่มีกรรมสิทธิ์ในที่อยู่อาศัยตามทะเบียนบ้านนั้น
รู้หรือไม่? ผู้จองบ้านประชารัฐ จะได้รับเงื่อนไขพิเศษเพียบ!

สิทธิพิเศษเพื่อผู้จองบ้านประชารัฐ คือ ไม่จำกัดรายได้ผู้ขอสินเชื่อ ครอบคลุมทั้ง ข้าราชการพลเรือน ทหาร ตำรวจ บุคลากรทางการศึกษา โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่เคยมีกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยมาก่อน นอกจากนั้นแล้ว ผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย จะลดราคาบ้านให้อีกอย่างน้อย 2% จากราคาขายสุทธิ ทำให้วงเงินขอสินเชื่อกู้ซื้อบ้านลดลง พร้อม ฟรีค่าโอนกรรมสิทธิ์และค่าจำนอง ฟรีค่าส่วนกลาง 1 ปี แถมดอกเบี้ยต่ำกว่าปกติ ระยะเวลาผ่อนสูงสุดถึง 30 ปี เท่านั้นยังไม่พอ! ธนาคารยังผ่อนปรนสัดส่วนความสามารถชำระหนี้ต่อรายได้เพิ่มเป็นสูงสุดไม่เกิน 50% ของรายได้สุทธิต่อเดือนกรณีลูกค้ารายย่อย จากเดิม 33% อีกด้วย
ผู้จองควรรู้ อัตราดอกเบี้ยและสินเชื่อ
ในส่วนของประชาชนนั้น แยกเป็นเงินกู้เพื่อซื้อหรือก่อสร้างที่อยู่อาศัยราคาไม่เกิน 700,000 บาท หรือกรณีกู้เพื่อซ่อมแซมวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท จะมีรายละเอียด ดังนี้
วงเงินกู้ต่ำกว่า 700,000 บาท
ปีที่ 1 ดอกเบี้ย 0% ปีที่ 2-3 ดอกเบี้ย 2% ปีที่ 4-6 ดอกเบี้ย 5% ปีที่ 7 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยลอยตัว
* กรณีปีที่ 7 เป็นต้นไป ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR–0.75% ต่อปี แต่ของธนาคารออมสิน คิดอัตราดอกเบี้ย MRR–1.475%
วงเงินกู้ 700,001-1,500,000 บาท
ปีที่ 1-3 ดอกเบี้ย 3% ปีที่ 4-6 ดอกเบี้ย 5% ปีที่ 7 เป็นต้นไป อัตราดอกเบี้ยลอยตัว
* กรณีปีที่ 7 เป็นต้นไป ของ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ คิดอัตราดอกเบี้ย MRR–0.75% ต่อปี สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป และ MRR–1% ต่อปี สำหรับลูกค้าสวัสดิการ แต่กรณีปีที่ 7 เป็นต้นไป ของธนาคารออมสิน คิดอัตราดอกเบี้ย MRR–1.475% สำหรับลูกค้ารายย่อยทั่วไป และ MRR -1.725% ต่อปี สำหรับลูกค้าสวัสดิการ

หากจับจองต้องผ่อนเดือนละเท่าไร?
กรณีกู้เงินซื้อบ้านราคา 700,000 บาท ตามอัตราดอกเบี้ยข้างต้น เมื่อคิดคำนวณออกมาแล้ว ในปีที่ 1-3 จะต้องผ่อนเดือนละ 3,000 บาท ส่วนปีที่ 4-6 จะต้องผ่อนเดือนละ 4,000 บาท และหลังจากปีที่ 7 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ยลอยตัว จะต้องผ่อนเพิ่มขึ้น เป็นเดือนละประมาณ 4,500 บาท
แต่หากกู้ซื้อบ้านในราคา 1,500,000 บาท ตามอัตราดอกเบี้ยข้างต้น เมื่อคิดคำนวณออกมาแล้ว ในปีที่ 1-3 จะต้องผ่อนเดือนละ 7,200 บาท ส่วนปีที่ 4-6 จะต้องผ่อนเดือนละ 8,600 บาท และหลังจากปีที่ 7 เป็นต้นไป คิดดอกเบี้ยลอยตัว ผู้กู้รายย่อย จะต้องผ่อนเดือนละประมาณ 9,100 บาท แต่หากกู้สวัสดิการ จะผ่อนเดือนละประมาณ 8,900 บาท กรณีกู้ซ่อมแซม หรือต่อเติม วงเงินกู้ไม่เกิน 500,000 บาท เริ่มต้นผ่อนชำระ 2,100 บาท/เดือน


รู้ไว้ไม่พลาด! เอกสารที่ต้องใช้ในการขอสินเชื่อ
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ ghbank.co.th
– บัตรประจำประชาชน/ข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ
– ทะเบียนบ้านฉบับเจ้าบ้าน
– สำเนาทะเบียนสมรส/ใบหย่า/ใบมรณบัตร/ใบแจ้งความแยกกันอยู่
– สำเนาใบเปลี่ยนชื่อ-สกุล
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนคู่สมรส (ถ้ามี)
– ใบรับรองเงินเดือน/หนังสือผ่านสิทธิสวัสดิการ
– สลิปเงินเดือนหรือหลักฐานการรับเงินเดือนย้อนหลัง 3 เดือน
– สำเนาบัญชีเงินฝากย้อนหลัง 6 เดือน (กรณีอาชีพประจำ) และ 12 เดือน (กรณีอาชีพอิสระ)/หลักฐานแสดงฐานะการเงินอื่น ๆ (พร้อมแสดงเอกสารฉบับจริง)
– สำเนาทะเบียนการค้า/ทะเบียนบริษัท/ห้างหุ้นส่วนฯ
– หลักฐานการเสียภาษีเงินได้
– รูปถ่ายกิจการ
– สำเนาใบประกอบวิชาชีพ
ธนาคารออมสิน gsb.or.th
– สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้และคู่สมรส
– สำเนาใบสำคัญสมรส หรือสำเนาใบแสดงการหย่า หรือสำเนาใบมรณบัตรของผู้สมรส
– สำเนาทะเบียนบ้านของผู้ขอกู้และคู่สมรส
** ส่วนเอกสารหลักประกันเงินกู้ ที่ต้องใช้ ประกอบด้วย
– สำเนาสัญญาจะซื้อจะขาย/สัญญาวางมัดจำ/สัญญาเช่าซื้อการเคหะ
– สำเนาหนังสือสัญญาขายที่ดินฉบับกรมที่ดิน
– สำเนาโฉนดที่ดิน/น.ส.3ก./หนังสือกรรมสิทธิ์ห้องชุด (อช.2) ทุกหน้า กรณีซื้อสินทรัพย์มือสองต้องรับรองสำเนาโดยเจ้าพนักงานที่ดิน
อย่าลืม!! โครงการบ้านประชารัฐ กำหนดระยะเวลาดำเนินงานไว้ไม่เกิน 2 ปี นับตั้งแต่ วันที่ 22 มีนาคม 2559 เป็นต้นไป และหากวงเงินเต็มแล้ว ก็ต้องลุ้นดูกันว่า จะมีการขยายวงเงินเพิ่มเติมอีกหรือไม่?
ทั้งนี้ ไม่ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งหลายที่รัฐบาลพยายามทำอยู่นั้น จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศได้มากน้อยแค่ไหน แต่โครงการล่าสุด อย่างบ้านประชารัฐนี้ คาดว่า จะมีประชาชนได้รับผลประโยชน์ราว 40,000-50,000 รายเลยทีเดียว จึงนับว่าเป็นนโยบายภาคอสังหาริมทรัพย์ ที่ประโยชน์ตกอยู่กับผู้มีรายได้น้อยเต็มๆ!
