อาหารเสริม….น้ำมันปลา (ตอนที่ 1)

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/542554

โดย หมอดื้อ 29 พ.ย. 2558 05:01

 

บทความที่หมอเขียนตอกย้ำถึงความไม่ดีงามของอาหารเสริมและการขาดสรรพคุณที่น่าเชื่อถือ ซึ่งอาหารเสริมเกือบทั้งหมดจะตกอยู่ในประเภทนั้น และทำให้คนที่เป็นโรคจริงๆ ซึ่งต้องการการรักษาที่ถูกต้องเสียโอกาส

เพราะหลงเชื่อตามคำโฆษณายุยง อาหารเสริมในที่นี้ไม่ได้หมายถึงเสริมจริงๆในส่วนที่ขาด เช่น ในเด็กทารก คนชรา ทานอาหารไม่ได้ มีการดูดซึมอาหาร และเกลือแร่ผิดปกติ

แต่หมายถึงเสริมเพื่อให้ตายช้า หมายถึงยืดอายุให้ยืนนาน ไม่แก่เฒ่า หน้าตาสวย หล่อตลอดกาล แข็งแรงเตะปี๊บดัง 60 หรือกระทั่ง 90 ยังแจ๋ว หัวใจกระชุ่มกระชวย สมรรถภาพทางเพศฟิตปั๋ง

ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ที่กินเงินชาวบ้านไปนักต่อนัก จะอาศัยวิธีการทุ่มโฆษณา ใช้พรีเซ็นเตอร์ (Presenter) สวย หล่อ หรือแก่แล้วย้อมผมดำขลับ ทำท่าเดินเหิน ออกกำลังกาย กระฉับกระเฉง เอาด็อกเตอร์จากที่ไหนมาไม่ทราบ มาอธิบายศัพท์แสงทางวิชาการ ซึ่งเมื่อฟังแล้วทึ่ง (แต่คนรู้เรื่องต้องหัวร่องอหาย) หรือเอาฝรั่งมาบรรยายว่าค้นพบผลิตภัณฑ์ในหมู่บ้านเทือกเขาสูง ซึ่งประดาคนในหมู่บ้านไม่มีใครแก่เฒ่า ตลอดจนเอาคนที่หายจากมะเร็ง มายืนยัน โดยที่อาจไม่เป็นมะเร็งจริง เป็นแต่ชนิดเศษๆ รักษาด้วยวิธีการที่มีอยู่ในปัจจุบันก็มีสิทธิหายได้

อย่างไรตาม ก็คงต้องมีเข็มในมหาสมุทรบ้างที่อุตสาหะก็จะงมเจอได้สักเล่มสองเล่ม เช่นเดียวกับการพิสูจน์ความแน่ด้วยกระบวนการที่บ่งบอกถึงประสิทธิภาพที่จะทำให้เราเชื่อมั่นว่าได้ผลมากกว่าไม่ได้กิน ว่าสามารถเยียวยารักษาหรือป้องกันกระบวนการของการเกิดโรค ที่อาหารเสริมทั้งหลายมักออกมาอวดอ้าง ทั้งๆที่โรคนั้นๆยังไม่มีใครทราบชัดเจนว่าเกิดขึ้นได้อย่างไรด้วยซ้ำ

ตัวเองจะเชื่อแม้ว่าเป็นยาแผนปัจจุบันต่อเมื่อมีข้อมูลเชิงประจักษ์จากกระบวนการนั้นต้องมีการนำไปใช้ในการทดสอบระดับเซลล์ หรือเนื้อเยื่อ พบมีกลไกซึ่งเจ๋ง ตามหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ อันดับต่อไปคือทดสอบในสัตว์ทดลอง และในมนุษย์ที่มีโรคเกิดขึ้นแล้ว

ทั้งนี้โดยผ่านขั้นตอนความปลอดภัยก่อน และการทดสอบต้องพยายามจำกัดอิทธิพลของกำลังใจ (placebo effect) ซึ่งพิสูจน์แล้ว ว่ากำลังใจที่ดีหรือศรัทธาก็ทำให้เกิดการชะลอโรคที่เป็น หรือทำให้มีอาการที่ดีขึ้นอย่างชัดเจนได้ การทดสอบที่ดีดังกล่าวคือทั้งผู้รับผลิตภัณฑ์ และผู้ทดสอบต่างก็ไม่มีใครทราบว่าผลิตภัณฑ์คืออะไร

เมื่อทำการศึกษาในกลุ่มทดสอบที่มีขนาดเหมาะสม ค่อยประเมินผลที่ได้รับ และเปิดโค้ดลับดูว่าผลที่เกิดขึ้นเป็นกลุ่มคนที่ได้รับเป็นผลิตภัณฑ์นั้นๆหรือได้รับยาหลอก กระบวนการที่เข้มงวดยิ่งกว่านั้นไปอีกคือ ทำการทดสอบในกลุ่มที่มีปัจจัยส่งเสริมในการเกิดโรคดังกล่าวเพียบ ทั้งภาวะทางพันธุกรรมว่า เกิดขึ้นชัวร์มากกว่าคนอื่นๆในครอบครัวอื่นๆหรือมีปัจจัยส่งเสริมที่สนับสนุนการเกิดโรค

ทั้งที่ผ่านทางกลไกทางพันธุกรรมหรือเหนือขอบข่ายของพันธุกรรม (epigenetics) และนอกจากนั้นตัวออกฤทธิ์หลังจากที่ได้รับหรือบริโภคไปแล้วมีการผ่านกระบวนการในเลือด ในตับ จะสามารถซึมผ่านเข้าไปในอวัยวะที่ต้องการให้เกิดผลได้ เช่น ในสมองซึ่งเป็นระบบพิเศษที่ปกป้องไม่ให้สารหรือยาผ่านเข้าไปโดยง่าย นอกจากนั้นเป็นการตามศึกษาทางระบาดวิทยาเป็นระยะเวลาที่นานพอสมควร แม้จะไม่ทราบกลไกการออกฤทธิ์ที่แน่นอนชัดเจน ก็อาจจะได้ข้อมูลว่าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวเมื่อบริโภคไปแล้ว ตายมากตายน้อย หรือเกิดโรคต่างกันหรือไม่

หมอเอง “เข้ม” มากพอสมควรกับการให้คะแนนผลิตภัณฑ์หรือยา แต่ในที่สุดเหนือฟ้ายังมีฟ้า ใจอ่อนกับตัวที่หนึ่ง ตั้งแต่มีบทความในวารสารนิวอิงแลนด์ 2011 คือ “น้ำมันปลา”

แม้ว่าจะมีบทความพิเคราะห์ข้อมูลของน้ำมันปลา ตีพิมพ์ในวารสารทาง การแพทย์ของอังกฤษ 2008 ก็ตาม ว่าน้ำมันปลาไม่มีผลในการลดอัตราตายจากสาเหตุทั้งหมด แม้ว่าจะมีผลบ้างในโรคหัวใจขาดเลือด (จากการรวม 12 การศึกษา ผู้ป่วย 32,779 คน) และไม่มีผลในการป้องกันหัวใจเต้นผิดปกติ

ข้อมูลจากวารสารนิวอิงแลนด์ เป็นการเจาะถึงผลการศึกษา 25 รายการรวม 280,000 ราย ในเชิงระบาดวิทยา พบประโยชน์ในการป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจ จากการกินปลาหรือ n-3 fatty acid และในการศึกษาทางคลินิก ซึ่งมีการติดตามผู้ป่วยอย่างเข้มงวดที่เกิดมีเส้นเลือดหัวใจตีบไปแล้ว พบว่าการปรับพฤติกรรมการกินอาหารที่ถูกต้องรวมทั้งกินปลาหรือเสริมด้วยกรดไขมัน n-3 หรือด้วยการใช้ EPA กับ DHA ให้ประโยชน์ในการป้องกันไม่ให้เกิดโรคใหม่ ในขณะที่วิตามิน E ไม่มีผล เป็นการศึกษาทั้งในคนเอเชียคือญี่ปุ่น และฝรั่งในยุโรปหรือสหรัฐฯ

อย่างไรก็ตาม การใช้น้ำมันปลายังมีข้อพิสูจน์ไม่ชัดเจนในการป้องกันหัวใจเต้นผิดปกติ มีข้อมูลมหาศาล ขอต่อคราวหน้าอีกตอนครับ.

หมอดื้อ

Leave a comment