นายประสงค์ พูนธเนศ อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า ในปีงบประมาณ 59 คาดว่า การจัดเก็บรายได้จะต่ำกว่าประมาณการ 150,000 ล้านบาท จากเป้าหมายการจัดเก็บ 1.89 ล้านล้านบาท โดยภาษีที่จัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการคือ ภาษีมูลค่าเพิ่ม (แวต) จากการนำเข้าสินต่างประเทศ เช่น น้ำมัน สินค้าปิโตรเคมี, ภาษีเงินได้นิติบุคคลจากสถาบันการเงิน เพราะสำรองหนี้สงสัยจะสูญมากขึ้น ส่วนภาษีที่จัดเก็บได้ดีขึ้นคือ ภาษีแวตจากการบริโภคในประเทศ, ภาษีอากรแสตมป์จากการว่าจ้างทำงานและผลิตสินค้า และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ซึ่งเป็นผลจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล “ผลการจัดเก็บรายได้ที่ลดลง นอกจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวแล้ว ยังมีมาตรการต่างๆ ของรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการช็อปช่วยชาติ ลดหย่อนภาษี 15,000 บาท การเพิ่มหักค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการลงทุน เป็นต้น โดยช็อปช่วยชาติ ทำให้รายได้กรมหายไป 6,000 ล้านบาท จากเป้าหมายที่คาดจะสูญรายได้ 5,000 ล้านบาท”

อย่างไรก็ตาม คาดว่าปีนี้ น่าจะเป็นปีสุดท้ายที่กรมจัดเก็บรายได้ต่ำกว่าประมาณการ เพราะที่ผ่านมา กรมอยู่ระหว่างการเปลี่ยนโครงสร้างภาษีสำคัญหลายเรื่อง จึงต้องใช้เวลาในการเปลี่ยนผ่าน 2-3 ปี เช่น การลดภาษีเงินได้นิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% การเปลี่ยนโครงสร้างภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจาก 5 ขั้น เป็น 7 ขั้น นอกจากนี้ หวังว่าหลังจากออกมาตรการบัญชีเล่มเดี่ยว และผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เข้าร่วมโครงการมากถึง 460,000 ราย จะทำให้กรมสามารถอุดรูรั่วภาษี และการจัดเก็บเต็มเม็ดเต็มหน่วยมากขึ้น.