ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/566925
โดย หมอดื้อ 24 ม.ค. 2559 05:01

“เชื้อแบคทีเรีย”…สามารถก่อให้เกิดโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบ ตามมาด้วยเส้นเลือดในสมองอักเสบ อุดตันก่อให้เกิดอัมพาต อัมพฤกษ์ หรือเกิดฝีในสมอง การเกิดโรคดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นง่ายๆ จำต้องมีสภาวะเกื้อหนุน ได้แก่ ตัวเชื้อเอง ซึ่งมีคุณสมบัติทะลุทะลวงเข้าในเยื่อหุ้มสมอง ปัจจัยเอื้ออำนวยให้เชื้อรุกล้ำเข้าในสมองได้ง่ายขึ้นและขึ้นกับผู้ป่วยว่ามีระบบป้องกันต่อสู้เชื้อโรคดีหรือไม่เพียงใด
โดยปกติโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบเกิดได้ทุกอายุ โดยที่ชนิดของเชื้อในต่างกลุ่มอายุจะต่างกันออกไปบ้าง ตั้งแต่ในช่วงทารกจนถึง 1-3 เดือน ในเด็กโต ผู้ใหญ่และคนแก่ที่มีอายุมากกว่า 50-60 ปี
เชื้อตัวการที่พบบ่อย คือ Streptococcus pneumoniae, Hemophilus influenzae, Neisseria meningitidis ทั้งนี้จะมี “กลุ่มพิเศษ” ที่จะมีเชื้อพิเศษที่แตกต่างออกไปและจะลุกลามได้มาก คือ เด็กทารก คนแก่ และมารดาที่คลอดบุตรใหม่ๆ รวมทั้งผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องจากเชื้อ HIV มีตับแข็ง ติดสุราเรื้อรัง จากที่เป็นมะเร็ง หรือได้รับสารกดภูมิคุ้มกัน หรือมีโรคแพ้ภูมิตนเอง
ปัจจัยเอื้ออำนวยอื่นๆให้เชื้อรุกล้ำเข้าในสมองได้ง่ายขึ้น เช่น การที่มีกะโหลกศีรษะแตกร้าว (เช่น จากอุบัติเหตุ) ทำให้เยื่อหุ้มสมองฉีกขาด และมีช่องทางติดต่อระหว่างโครงสร้างภายนอกสมอง เช่น โพรงจมูก รูหู กับเยื่อ หุ้มสมอง คนที่มีหูน้ำหนวก มีโพรงไซนัสอักเสบเป็นหนอง รากฟันติดเชื้อ มีหนองเหล่านี้ จะเป็นโอกาสเฉพาะทำให้เชื้อรุกล้ำเข้าโดยตรงหรือเอื้ออำนวยให้เชื้อเข้าได้ง่ายขึ้น
อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อที่เกิดทั่วไปมักจะเกิดจากการที่มีเชื้อกองกระจุกอยู่ในโพรงจมูกส่วนหลัง โดยได้เชื้อมาจากการถูกไอ จามรด แต่เชื้อต้องมีคุณสมบัติพิเศษในการหลบหลีก กระบวนการขจัดเชื้อของร่างกาย ในขณะเดียวกันก็เสริมสร้างประสิทธิภาพเขี้ยวเล็บของตัวเอง จนกระทั่งสามารถลุกลามเข้ากระแสเลือด โดยที่ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการไข้ปวดเมื่อย และเมื่อรุกล้ำเข้าหลอดเลือดในสมองได้ก็จะเข้าไปในน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลังก่อให้เกิดเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
การอักเสบที่เกิดขึ้นเกิดจากทั้งตัวเชื้อเองและกลไกการต่อสู้ของร่างกาย ถ้าเยื่อหุ้มสมองอักเสบไม่ได้รับการรักษาทันท่วงทีจะเสียชีวิตหรือถ้าได้รับการรักษาช้าไป แม้ไม่ตายก็จะเกิดภาวะแทรกซ้อนคือเส้น เลือดดำและแดงในสมองอักเสบ อุดตัน เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาตมีความดันสูงในสมอง ซึ่งจะมีความพิการตลอดชีวิต
เชื้อบางชนิดนอกจากกลวิธีดังกล่าว ยังอาจเข้าร่างกายจากทางการกิน เช่น เชื้อ Listeria monocytogenes มีท้องเสียก่อน และเกิด “ก้านสมอง” อักเสบ โคม่า หรือเกิดฝีในบริเวณใต้ผิวสมอง (subcortical abscess) แต่เชื้อนี้โดยปกติชอบ “กลุ่มพิเศษ” มากกว่าที่จะเกิดในคนปกติ
เชื้อที่ชอบ “กลุ่มพิเศษ” อีกตัวคือ Streptococcus agalactiae (Streptococcus group B) โดยมีคุณสมบัติคือ มีความสามารถเกาะติดกับเส้นเลือดในสมองตั้งแต่แรก เกิดการอักเสบ เป็นอัมพฤกษ์ อัมพาตตั้งแต่ต้น (โดยที่เชื้ออื่นๆมักเกิดในระยะหลัง) พร้อมกับเลือดเป็นพิษและเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เชื้อแบคทีเรียอีกชนิดที่อาจเข้าร่างกายทางการกินอาหารที่ไม่สุก หรือสัมผัสกับเนื้อหมูที่มีเชื้อขณะชำแหละ ได้แก่ Streptococcus suis
เชื้อนี้จะทำให้มีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ปวดข้อแม้กระทั่งเกิดข้ออักเสบ และก่อให้เกิดโลหิตเป็นพิษอย่างเฉียบพลันได้ แต่ก็อาจเกิดอาการเยื่อหุ้มสมองอักเสบแบบค่อยเป็นค่อยไป แบบเชื้อวัณโรค และเกิดเส้นประสาทหูอักเสบทำให้เกิดหูดับได้มากกว่าเชื้ออื่นๆบ้าง
นอกจากนั้นเชื้อบางชนิดยังอาศัยตัวกลางก่อนเข้าสมองหรือเยื่อหุ้มสมอง เช่น เกิดการติดเชื้อในลิ้นหัวใจและเกิดก้อนอักเสบที่มีเชื้อภายในหลุดลอยไปยังเส้นเลือดในสมองเกิดเส้นเลือดอักเสบ ฝีในสมอง เส้นเลือดตันหรือพองจนแตก เกิดอัมพาต ในกรณีอื่นๆเชื้ออาจจะไม่ได้ชอบสมองตั้งแต่ต้น แต่เข้าไปติดเชื้อในปอดหรือไตเกิดปอดบวม ไตอักเสบ ถ้าแก้ไม่ทันค่อยเข้าสมองตามหลัง
การรักษาต้องได้รับการวินิจฉัยทันท่วงทีตั้งแต่ต้น มิฉะนั้นจะมีความพิการหรือถึงแก่ชีวิต และประเมินตัวผู้ป่วยว่าเป็นกลุ่มพิเศษหรือไม่ ซึ่งมีโอกาสได้รับเชื้อที่ต่างจากคนปกติหรือผู้ป่วยนั้นๆมีภาวะปัจจัยที่เอื้ออำนวยให้เชื้อลุกลาม เข้าสมองโดยตรงจากภายนอก เช่น มีหูน้ำหนวก ไซนัสมีหนองกะโหลกร้าว เยื่อหุ้มสมองฉีกขาด และเมื่อได้ตัวเชื้อแล้วต้องประเมินว่าดื้อต่อยาที่ให้หรือไม่ และนอกจากรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบแล้วก็ต้องรักษาภาวะแทรกซ้อน เช่น เมื่อเชื้อทะลุทะลวงเข้าหลอดเลือด หรือมีความดันสูง ในสมอง
หลักปฏิบัติที่ควรทำในคนทั่วไปคือรักษาสุขอนามัย ออกกำลังสม่ำเสมอ ยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าออกกำลังกายมากเกินไปทำให้เกิดโรคติดเชื้อหรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ
รับประทานอาหารสะอาด ปรุงสุก ผักผลไม้สดต้องล้างสะอาด ถ้ามีไอ จาม ต้องหลีกเลี่ยงการแพร่กระจายเชื้อจากตัวเองสู่คนอื่นโดยการปิดปากปิดจมูก และคนปกติต้องหลีกเลี่ยงที่แออัด เลี่ยงจากคนที่มีอาการไอ จาม หรือมีอาการป่วย รับประทานอาหารควรมีช้อนกลางคนที่มีเชื้อซ่อนเป็นพาหะควรป้องกันการแพร่เชื้อไปยังคนอื่นๆ โรงฆ่าชำแหละสัตว์และสุกรต้องมีการควบคุมโรคอย่างเคร่งครัด…
สุราในปริมาณเหมาะสมแม้จะช่วยป้องกันโรคหัวใจ สมอง แต่ที่ปฏิบัติกันกลับดื่มจนเมามาย และเกิดตับแข็ง และภาวะภูมิคุ้มกันต่ำ.
หมอดื้อ

