ชัดเจนแล้วสำหรับคำถามพ่วงประชามติและในเรื่องปมของ ส.ว.ที่มีอยู่ในบทเฉพาะกาลร่างรัฐธรรมนูญเรียบร้อยก่อนแล้ว หลังจาก คสช.พยายามผลักดันมาตั้งแต่ช่วงต้นปี จากที่บอกว่าเป็นความเห็นส่วนตัวของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ก่อนจะค่อยๆ ผ่านทีละสเต็ป ไปเป็นมติของแม่น้ำทั้งสี่สาย จากนั้นก็มาพร้อมกับข้อสงสัยในสูตรที่ว่า ให้ ส.ว.แต่งตั้งนี้มีอำนาจในการยกมือเลือกบุคคลนั่งเก้าอี้ผู้นำบริหารประเทศด้วยได้หรือไม่

                    ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน ที่ผ่านมา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ลงมติ 152 ต่อ 0 สำหรับคำถามพ่วงประชามติ ให้ ส.ว.ร่วมเลือกนายกฯ ได้ ในช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปี ก่อนที่จะดำเนินการส่งไปยัง กกต.ตามขั้นตอนต่อไป

                    นอกจากนี้ยังเป็นหน้าที่ของให้ฝ่ายที่รับผิดชอบ ต้องไปทำความเข้าใจในเนื้อหาของคำถามพ่วงที่ว่า “ให้ที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา” พิจารณาบุคคลผู้จะมานั่งเก้าอี้ผู้นำประเทศ โดยตอนนี้ยังไม่มีใครได้รับมอบหมายหน้าที่นี้อย่างเป็นทางการ เพราะประโยคคำถามนี้ตอนที่ยังเป็นแนวทางนำเสนอก็โดนถล่มมาหลายทิศแล้ว

                    ส่วนอีกเรื่องหนึ่งที่ตอนแรกเหมือนกับเป็นภาพเบลอๆ ที่หลายฝ่ายอยากเห็นความชัดเจนก็คือ หากประชามติไม่ผ่านจะทำอย่างไร โดยรองนายกฯวิษณุบอกเมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ยังบอกไม่ได้ แต่อย่างไรก็ต้องหาทางรู้ให้เร็ว

                    “หากประชามติไม่ผ่านจำเป็นต้องแก้รัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 2557 ว่าให้ใช้วิธีใด ซึ่งจะชัดเจนว่าจะเอารัฐธรรมนูญฉบับใดมาใช้ หรือเขียนใหม่โดยไม่ใช้ฉบับใด หรือใช้หลายฉบับเป็นฐาน ซึ่งรัฐธรรมนูญที่อยู่ในข่ายคือ รัฐธรรมนูญปี 2540 รัฐธรรมนูญปี 2550 ร่างรัฐธรรมนูญปี 2558 และร่างรัฐธรรมนูญของคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) เท่านั้น หรือไม่เอาอะไรเลยแล้วเขียนใหม่ทั้งหมด และไม่จำเป็นต้องไปลงประชามติอีก” อ.วิษณุระบุ โดยบอกให้เห็นถึงภาพรวมทั้งหมดที่เป็นไปได้ นอกจากนี้ได้ให้เหตุผลในการไม่ให้ความกระจ่างว่า เพื่อไม่ให้เกิดอคติขึ้นมา

                    อย่างไรก็ดี สิ่งที่ถูกคาดการณ์ไว้สำหรับความเป็นไปได้มากที่สุดหากประชามติไม่ผ่านคือ การนำรัฐธรรมนูญในอดีตทั้งสี่ คัดสรรข้อดีและจุดแข็ง ผสมออกมาเป็นฉบับใหม่ เพราะว่ามีวัตถุดิบไว้พร้อมปรุงแล้ว ทำให้ไม่เสียเวลามากหากจะมุ่งสู่เป้าหมายที่รออยู่คือการเลือกตั้งในปี 2560

                    ด้าน “พล.อ.ประยุทธ์” เอง แม้ออกมายอมรับว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ ไม่ได้โดนใจทั้งหมด แต่ก็ยังถือว่าตอบพยักหน้าโอเคได้ เพราะสิ่งที่ “อ.มีชัย” และทีมงาน ทั้งหมดทำมานั้นก็ถือว่าเป็นกลั่นออกมาจากที่แม่น้ำทุกสายต้องการแล้ว แม้อาจจะมีหักลบตกไปบ้าง ที่ทำให้ “บิ๊กตู่” ไม่โดนใจแบบที่สุดก็ต้องพอใจในผลลัพธ์ที่คั้นออกมาได้ และไปวัดกันที่ความเห็นของประชาชนในวันที่ 7 สิงหาคม

                    ตรงนี้ดูเหมือนว่า คสช.ได้วางสิ่งที่ต้องการไว้เพื่อไม่ให้ “เสียของ” ในอนาคตเกือบที่จะสมบูรณ์หมดแล้ว อีกหนึ่งเรื่องก็คือ ส่วนของพ.ร.บ.ยุทธศาสตร์ชาติ เพื่อกำหนดกรอบการพัฒนาประเทศในอนาคต 20 ปี ที่ขณะนี้อยู่ในขั้นการดำเนินการ

                    เมื่อไปดูที่ฟากการเมืองที่ขณะนี้ แม้จะมีฝ่ายที่ออกมาแสดงจุดยืน ความเห็นต่อร่างรัฐธรรมนูญกันแล้ว ทั้งกับตัวร่างรัฐธรรมนูญ หรือคำถามพ่วงก็ดี ต่างฝ่ายต่างก็ต้องเตรียมการแต่งตัวรอลงสู่สนามเลือกตั้งที่จะมาถึง แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม เพราะไม่ว่าอย่างไร “ขบวนรถ” ที่ได้รับการปลดล็อกนี้ก็คงต้องเกาะขึ้นไว้ก่อน

                    แม้จะต้องวิ่งโดยที่ไม่ใช่ผู้ถือ “เข็มทิศ” ก็ตาม

——————–