ซ้อมพลทหาร’โรคจิต’หรือไม่

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160407/225515.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพฤหัสบดีที่ 7 เมษายน 2559
ซ้อมพลทหาร'โรคจิต'หรือไม่

‘ประวิตร’ ปัดปกป้องซ้อมพลทหารโรคจิตหรือไม่ ลั่น ผิดลงโทษสถานหนัก กำชับผู้บังคับบัญชาเลือกผู้ฝึกที่มีสติ หาจุดบกพร่องไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอย

                    7 เม.ย. 59  ที่กรมแพทย์ทหารบก  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงและ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีคลิปซ้อมกำลังพลเผยแพร่ในโซเชียลมีเดีย และมีการวิพากษ์วิจารณ์ทหารใช้ความรุนแรง หลังเกิดเหตุการเสียชีวิตของพลทหารทรงธรรม หมุดหมัด สังกัด ร.152 พัน.1 ค่ายพยัคฆ์ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ว่า รับทราบแล้ว ถือเป็นเรื่องของกำลังพล ทั้งนี้ ทางด้านผู้บังคับชาทุกระดับพยายามไม่ให้เกิดเรื่องเหล่านี้ แต่ก็ยังเกิด เกิดเรื่องเป็นระยะๆ ซึ่งตนได้เน้นย้ำกับผู้บังคับบัญชาในระดับสูงให้ลงไปดู ควบคุมกำกับดูแลผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นให้เข้าใจระบบการฝึกกำลังพลที่อยู่ในขั้นตอนของความประมาท หลังเกิดเหตุการณ์ พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งลงโทษทหารทั้ง 6 นาย โดยการจับขังและดำเนินการสอบสวน ถ้าผิดเป็นคดีอาญาก็ว่าไป ผิดทางวินัยก็ว่าไป ซึ่งทั้งหมดจะโดนลงโทษสถานหนัก
                    “ช่วงนี้เป็นช่วงการคัดเลือกทหาร ผมบอกไปทางสัสดีและผู้บังคับบัญชาทุกระดับให้ชี้แจงให้เกิดความเชื่อมั่น เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดบ่อย และผู้บังคับบัญชาทุกระดับก็พยายามที่จะไม่ให้เกิดเรื่องนี้ แต่ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมถึงเกิด เราก็ต้องไปดูว่าเขาเป็นโรคจิตหรือไม่ ซึ่งเป็นลูกน้องตัวเองแท้ๆ ทำแบบนี้จะเกิดประโยชน์อะไร อย่างไรก็ตาม การลงโทษทหาร ห้ามเตะเนื้อต้องตัว เพียงแต่มีอำนาจในการสั่งลงโทษ ผู้กอง ผู้หมวด ผู้หมู่ มีอำนาจแค่ไหน อย่างไร มีกฎเกณฑ์ชัดเจน”
                    พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ญาติพลทหารทรงธรรม เรียกร้องให้ 6 นายทหารมาขอขมาศพ ไม่เช่นนั้นจะยกโลงศพมาร้องเรียนนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลนั้น ก็ต้องไปให้ทาง พล.ท.วิวรรธน์ ปฐมภาคย์ แม่ทัพภาคที่ 4 ดำเนินการ และตนได้พูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 4 แล้ว ไม่มีปัญหา คนไหนทำผิดก็ต้องรับไป เพราะกำลังพลในกองทัพมีจำนวนมากและมีความคิดแตกต่างกันไป ขออย่าไปเหมารวมว่าทหารทำแบบนี้ คงไม่ใช่ เป็นเรื่องส่วนบุคคล ซึ่งเรื่องวินัยมีกฎเกณฑ์ชัดเจน ตั้งแต่ระดับของกระทรวงกลาโหมจนถึงเหล่าทัพ การดำเนินการด้านการฝึกต้องทำอย่างไร
                    “เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ได้เกิดขึ้นบ่อย แต่เกิดในห้วงเวลาที่ไม่เหมาะสมและไม่ควรเกิดด้วยซ้ำ ผมบอกแล้วว่า ผู้บังคับบัญชาทุกระดับต้องลงไปหาดูแล กำกับกำลังพลให้เกิดความชัดเจนให้มากขึ้น ไม่ใช่ปล่อยให้แต่ละคนทำไป ต้องดูการคัดเลือกผู้ฝึก ควรจะเป็นคนมีสติ อย่าให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ทั้งนี้ ผมไม่ได้ห่วงภาพพจน์ของกองทัพ เพราะไม่ได้เกิดทั้งกองทัพ เป็นเรื่องตัวบุคคล คนดีๆ ก็มีเยอะ เพียงแต่เราต้องไปดูไม่ให้เกิดขึ้นอีก ทุกส่วนที่เกี่ยวข้องทางด้านการฝึกต้องไปพิจารณาการดำเนินการให้ชัดเจนมากขึ้นว่าเราผิดพลาดอะไรในการจัดตั้งผู้ฝึก เราไม่มีปกป้องและขณะนี้ทหารทั้ง 6 คนเข้าคุกไปแล้ว”
                    พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า ส่วนข้ออ้างที่ระบุว่า ทำงานในภาคใต้แล้วเครียดนั้น คงไม่เกี่ยวเพราะเหตุเกิดในที่ตั้งปกติ คงไม่ใช่ ส่วนกระแสเรื่องหวาดกลัวการเป็นทหาร คงไม่ใช่ แค่มองว่าไม่อยากเป็นมากกว่า อย่ามาอ้าง ซึ่งชายไทยทุกคนต้องเป็นทหาร และคัดเลือกเท่าที่จำเป็น จำนวนจำกัด
ดูเจตนาแจก ‘ขันแดง’ ค่อยดำเนินการ
                    พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการนำตัว ส.ส.แจก ‘ขันแดง’ ไปปรับทัศนคติ ว่า คสช.จะต้องพิจารณาว่าเจตนาเป็นอย่างไร และค่อยดำเนินการ ไม่ต้องห่วง ส่วนที่พรรคการเมืองอยากแจกอย่างอื่น เช่น ผ้าห่ม โอ่ง ได้หรือไม่นั้น ก็ตามใจเขา อยากแจกก็เอา แบกโอ่งใหญ่ๆ ไปแจกเลย เพราะต้องเก็บน้ำ
คสช.ออกคำสั่งที่ 13 เรื่องภายใน ยัน ทหารไม่ทำนอกขอบเขต
                    พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีโฆษกกระทรวงต่างประเทศสหรัฐ เรียกร้องให้ยกเลิกคำสั่งที่ 13 ให้อำนาจทหารปราบผู้มีอิทธิพล ว่า คงไม่พิจารณาใหม่ เพราะเป็นเรื่องการทำงานภายในประเทศของเรา ซึ่งทหารเองก็รู้ว่าต้องทำอย่างไร แค่ไหน อะไรทำเกินเลยต้องถูกลงโทษ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ไปให้อำนาจมิชอบ รับไม่ได้ ขณะนี้ข่าวสารทางโซเชียลมีเดียไปเร็ว
                    “ผมบอกอยู่แล้วเป็นเรื่องภายในประเทศของเราเองในช่วงนี้ที่เราต้องการให้สิ่งไม่ดีที่เป็นสีเทา-สีดำทั้งหลาย ให้หมดจากประเทศ แม้จะไม่หมดเสียทีเดียว แต่ต้องทำให้ได้ อย่างไรก็ตามยืนยันว่าทำงานราบรื่นดีไม่มีอะไร เราทำด้วยเจตนาดี ไม่มีนัย ทำทุกอย่างให้ประเทศดีขึ้น ประชาชนปลอดภัย ทั้งนี้ เป็นเรื่องของกระทรวงต่างประเทศต้องไปชี้แจงให้ต่างชาติเข้าใจว่าเพราะอะไรเราถึงทำแบบนี้”
ปัดความเห็นตั้งคำถามพ่วงประชามติ
                    พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีคำถามพ่วงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ ว่า ตนคงไม่ทราบ เพราะไม่ใช่ สนช. ต้องไปถาม สนช. ตนไม่ขอแสดงความคิดเห็น ปล่อยเป็นหน้าที่ของ สนช. อำนาจอยู่ที่เขา ตนจะไปยุ่งอะไรกับเขา ส่วนความเหมาะสมในการพ่วงคำถามในการทำประชามตินั้น ตนไม่ทราบ ไม่มีความเห็น
สั่งติดตาม ‘อุยกูร์-เชเชน’ เข้าไทย
                    พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีการแจ้งเตือนว่ามีอุยกูร์-เชเชน เข้ามาในพื้นที่ จ.ภูเก็ต และเกาะสมุย จ.สุราษฎธานี ว่า เรารับทราบอยู่แล้ว ไม่ต้องห่วง กำลังติดตามอยู่ เป็นเรื่องที่เราต้องติดตามคนเหล่านี้ ซึ่งเราจับเรื่องพาสปอร์ตได้ ทางเจ้าหน้าที่กำลังดูอยู่ ไม่เป็นไร
                    เมื่อถามว่า เราจับตาความเคลื่อนไหว อุยกูร์-เชเชน เป็นพิเศษใช่หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า จับตาทุกกลุ่มที่ทำให้เกิดความไม่สงบและก่อการร้ายขึ้นภายในประเทศ เพราะเป็นเรื่องของหน่วยงานด้านความมั่นคงต้องติดตาม ส่วนเจตนาที่เขาเข้ามานั้นมองได้หลายประเด็น ทั้งก่อการร้าย หลบหนีเข้ามาเพื่อทำพาสปอร์ตไปประเทศที่สาม
เปิดศูนย์แพทย์อาเซียน
                    พล.อ.ประวิตร เป็นประธานเปิดศูนย์การแพทย์อาเซียน โดยมีนายเล เลือง มินห์ เลขาธิการอาเซียน ผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนและประเทศคู่เจรจา รวมทั้งปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ เจ้ากรมการแพทย์ทหารบก เจ้ากรมแพทย์ทหารรัสเซียเข้าร่วม ทั้งนี้ สืบเนื่องมาจากกรอบการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน (เอดีเอ็มเอ็ม) และการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนและประเทศคู่เจรจา (เอดีเอ็มเอ็ม-พลัส) คณะทำงานผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของประเทศสมาชิกทั้ง 18 ชาติ ที่มีไทยและสหพันธรัฐรัสเซียเป็นประธานร่วมกันในปี 2557 ถึง 2559 ได้มีความเห็นพ้องแบบฉันทามติให้จัดตั้งศูนย์แพทย์ทหารอาเซียนขึ้นในประเทศไทย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมในด้านการการแพทย์ทหารในภูมิภาคอาเซียนเพื่อเป็นกลไกสำคัญกลไกหนึ่งในการสร้างความมั่นคงและความปลอดภัยหรือภูมิภาค ซึ่งได้รับการสนับสนุนเป็นอย่างดีจากกองทัพบก ทั้งในส่วนของกำลังพล การปฏิบัติงานและงบประมาณ โดยได้ปรับปรุงพื้นที่บริเวณชั้น 4 อาคารกองบัญชาการ ฝกรมแพทย์ทหารบกให้เป็นพื้นที่ปฏิบัติการ พร้อมทั้งมีสิ่งอำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงาน อาทิ ห้องประชุมทางไกลผ่านระบบจอภาพ ห้องปฏิบัติงานของฝ่ายเลขานุการสำนักงานของประเทศสมาชิกทั้ง 18 ชาติ ทั้งนี้ จะทำให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางในการประสานความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรมทางด้านการแพทย์ทหารอย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังจะสร้างการยอมรับในฐานะที่ประเทศไทยมีความมุ่งมั่นพัฒนาความร่วมมือ เพื่อความมั่นคงและความผาสุกของประชาชนในภูมิภาค รวมทั้งศูนย์ทหารอาเซียนช่องทางที่จะขยายผลสู่ความร่วมมือในด้านอื่นๆ ต่อไปในอนาคต
                    ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ศูนย์การแพทย์ทหารอาเซียนเป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงกลาโหมของไทยและรัฐเซีย เพื่อส่งเสริมความร่วมมือทางแพทย์ทหารให้เกิดขึ้นถาวร โดยแบ่งปันประสบการณ์และข้อมูล ทักษะความรู้ รวมทั้งเสริมสร้างความแข็งแกร่งสำหรับการปฏิบัติการทางทหารในภูมิภาคให้เกิดขึ้นต่อเนื่องและถาวร ทั้งนี้ศูนย์ดังกล่าวได้เริ่มทดลองงานตั้งแต่ ต.ค. 58 เป็นต้นมา พร้อมทั้งจะมีการฝึกร่วมระหว่างคณะทำงานและผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ทหารกับคณะทำงานผู้เขี่ยวชาญด้านการช่วยเหลือมนุษยธรรม และการบรรเทาภัยพิบัติที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 1 – 11 ก.ย. 59 ที่ จ.ชลบุรี
                    ด้าน พล.ท.ชุมพล เปี่ยมสมบูรณ์ เจ้ากรมแพทย์ทหารบก กล่าวถึง การฝึกบรรเทาสาธารณภัย ในวันที่ 1 – 10 ก.ย.นี้ เน้นฝึกเรื่องบรรเทาสาธารณภัย พร้อมจัดมาตราฐานการบรรเทาสาธารณภัยของ 10 ประเทศสมาชิกให้มีมาตราฐานเดียวกัน โดยต่อจากนี้จะมีการประชุมทางไกลศูนย์การแพทย์อาเซียน เดือนละ 2 ครั้ง สำหรับกรณีที่เลือกประเทศรัสเซียเป็นประเทศคู่เจรจานั้น เนื่องจากว่า รัสเซีย มีความสัมพันธ์ต่อกันกว่า 100 ปี และถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น

Leave a comment