ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160404/225306.html
การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันจันทร์ที่ 4 เมษายน 2559
‘ประวิตร’ เผยหลักสูตร ‘อบรม’ เสร็จแล้ว คุยไม่รู้เรื่องจัดให้ 3-7 วัน ปัด คสช.ขู่ย้ายข้าราชการทั้งจังหวัด แจง ‘ดารา’ หอบหืดรอด ‘ทหาร’
4 เม.ย. 59 เมื่อเวลา 10.00 น. ที่องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม กล่าวถึงการเริ่มใช้หลักสูตรอบรมผู้นำสร้างชาติอย่างสร้างสรรค์ของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ว่า ใครเข้ามาก็ใช้เลย ซึ่งทาง พล.อ.ธีรชัย นาควานิช ผู้บัญชาการทหารบก และเลขาธิการ คสช. ร่างหลักสูตรเสร็จแล้ว ใครอยากจะลอง เอาเลย ส่วนที่นักการเมืองออกมาคัดค้านหลักสูตรดังกล่าวนั้น พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คสช.จะคัดเลือกตามความเหมาะสม ไม่ใช่จะอบรมทุกคน บางคนก็พูดไม่มีเจตนา หรือถ้าคุยกันรู้เรื่องก็ไม่ใช้ แต่ถ้าคุยไม่รู้เรื่องก็ต้องใช้ ส่วนระยะเวลาการอบรมเพียง 3 – 7 วัน จะได้ผลหรือไม่นั้น ลองดูก็แล้วกันว่าจะได้ผลหรือไม่ แต่คงไม่ขยายเวลาเพิ่ม เอาแค่นี้ก็พอแล้ว แค่นี้ก็โดนด่าจะตายแล้ว ยืนยันว่า หลักสูตรของ คสช.ไม่ไปละเมิดสิทธิมนุษยชนใคร
เมื่อถามว่า หลักสูตรดังกล่าวเป็นมาตรการรองรับไม่ให้มีการแสดงความคิดเห็นในช่วงการลงประชามติต่อร่างรัฐธรรมนูญนี้หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่ต้องไปห้ามปราม ก็รู้ๆ กันอยู่ ส่วนกรณีที่ผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเห็นด้วยกับการใช้หลักสูตรดังกล่าว ทำให้เกิดความมั่นใจเดินหน้ามาตรการดังกล่าวหรือไม่นั้น ไม่เป็นไร คงไม่ทำให้เสียหาย
เมื่อถามว่า มาตรฐานการเข้ารับการอบรมระหว่างพลเรือนกับอดีตนายทหาร จะแตกต่างกันหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่ทำอะไร อย่าไปสมมติ ถ้าเป็นคำถามเช่นนี้ตนขอไม่ตอบ
เมื่อถามถึงกรณี นักการเมือง จ.น่าน แจกขันแดงให้กับประชาชน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่อยากให้ถามเรื่องขันเหลือง ขันแดง อะไรที่แตกแยกก็อย่าไปถาม ไม่เห็นต้องทำเลย ก็ไม่ได้ว่าอะไร เพียงแต่อะไรที่ทำให้เกิดความขัดแย้งไม่อยากให้ทำ จะไปเช็กคะแนนเสียงหรือไม่ ว่าใครใช้ขันแดงเท่าไหร่ ถามว่าทำได้ไหม ไม่ได้หรอก มันไม่ดี
เมื่อถามว่า นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านอินสตาแกรมกรณีที่มีการลงโทษคนการเมืองที่แจกขันก็สามารถมาเอาผิดกับนายทักษิณได้ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า คงไม่เกี่ยว เอาแค่นี้ก็พอ อย่าไปฟังมากกับคนที่อยู่ต่างประเทศ ทำแค่ในประเทศให้เรียบร้อยก็พอ
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ ยกเลิกการแถลงข่าวที่บ้านพักปิ่นประภาคมโดยให้เหตุผลว่าอาจทำให้ข้าราชการในพื้นที่เดือดร้อน ว่า คิดว่าดีแล้ว เมื่อถามว่า พล.อ.ชวลิต ระบุถึงสาเหตุที่ยกเลิกแถลงข่าว เพราะมีการข่มขู่จะย้ายข้าราชการทั้งจังหวัด พล.อ.ประวิตร ถามว่า ใครขู่ ท่านอยากพูดอะไรก็พูดไป แต่อยากให้ท่านพอได้แล้ว พูดหลายครั้งแล้ว อะไรที่สงบได้ก็ให้สงบ และขณะนี้ประเทศกำลังเดินไปสู่การเลือกตั้ง และร่างรัฐธรรมนูญก็จะเข้าสู่กระบวนการทำประชามติ ไม่ต้องห่วง ขอร้องอย่าไปพูดย้อนไปย้อนมา ตอนนี้ต้องเดินไปข้างหน้า ถ้าลงประชามติผ่านก็มีการเลือกตั้งแล้ว อีกไม่นานก็รู้ว่าประชามติจะผ่านหรือไม่ผ่าน ถ้าผ่านก็เดินต่อไปสู่การเลือกตั้งก็จบ ถึงแม้จะไม่ผ่านก็ต้องมีเลือกตั้งอยู่ดีในปี 2560
เมื่อถามว่า ทางรัฐบาล และ คสช.จะมีมาตรการรองรับอย่างไรหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เรามีมาตรการรองรับไว้แล้ว ดังนั้น ไม่ต้องห่วง เพราะ คสช.ระบุชัดแล้วจะมีการเลือกตั้งในปี 2560 ส่วนที่นักการเมืองเรียกร้องให้เปิดแผนรองรับหากประชามติไม่ผ่านจะดำเนินการอย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า แผนก็คือต้องไปเลือกตั้ง ซึ่ง คสช.จะดำเนินการเองว่ารัฐธรรมนูญต้องเป็นอย่างไร แต่ทุกอย่างต้องเดินไปสู่การเลือกตั้ง ไม่จำเป็นต้องเปิดแผน
แจง ‘ดารา’ หอบหืดรอด ‘ทหาร’
พล.อ.ประวิตร กล่าวถึงกรณีที่กระแสสังคมวิจารณ์ นักร้องนักแสดงที่เข้ารับการตรวจเลือกทหารกองเกิน เข้ารับราชการทหารกองประจำการ ปี 2559 ที่ไม่ผ่านการตรวจเลือกเนื่องจากมีโรคประจำตัวเป็นหอบหืด ว่า โรคดังกล่าวเป็นโรคต้องห้ามของการเข้าตรวจเลือกเป็นทหาร เพราะจะไม่สามารถออกกำลังกาย ฝึกหนักๆ แล้วเสียชีวิตถามว่าใครจะรับผิดชอบ
เมื่อถามย้ำว่า สังคมตั้งคำถามว่าทำไมดารานักแสดงมักเป็นโรคหอบหืด และอีกคนก็เจ็บแขน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เขาไม่มีกำลัง ตนติดตามข่าวในทีวีทราบว่าแขนขวาไม่มีกำลัง ให้เขาไปยกปืนหนักๆ คงไม่ได้ ฉะนั้นต้องมีการคัดเลือกคนที่ร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ ประเภทดีหนึ่งประเภทหนึ่ง หากใครที่ไม่สมบูรณ์ก็ไม่เอา ดังนั้น เขาก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะหลีกเลี่ยงการตรวจเลือกเป็นทหาร
เมื่อถามว่า บางคนมีการผ่อนผันไปจนหมดเวลาผ่อนผัน แล้วมาแจ้งทีหลังว่าเป็นโรคหอบหืด พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ ต้องไปถามแพทย์ ซึ่งการผ่อนผันก็เป็นสิทธิ์ทุกคนที่สามารถทำได้ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับกฎเกณฑ์ ทั้งนี้ มีแพทย์ประจำคณะตรวจสอบอยู่แล้ว และต้องเซ็นรับรอง หากดารานักแสดงคนใดไม่ได้เป็นโรคดังกล่าวจริง แพทย์ประจำคณะต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องห่วงมีกฎเกณฑ์ชัดเจน
