ประมงเรือใหญ่ร้องจ๊ากอุปกรณ์สอดส่องซ้ำปัญหา

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160402/225183.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันเสาร์ที่ 2 เมษายน 2559
ประมงเรือใหญ่ร้องจ๊ากอุปกรณ์สอดส่องซ้ำปัญหา

ประมงเรือใหญ่ร้องจ๊าก อุปกรณ์สอดส่องซ้ำปัญหา : นิธิศ นาเจริญรายงาน

             หลังประกาศใช้มาตรา 44 ควบคุมการทำประมงเรือประมงที่ผิดกฎหมายช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ทำให้เรือประมงพาณิชย์ที่ออกทำประมงในน่านน้ำไทยทุกลำต้องทำตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ตั้งแต่การจดทะเบียนเรือ ใบอนุญาตใช้เรือหรืออาชญาบัตรและสมุดบันทึกรายละเอียดการจับสัตว์น้ำ แรงงานลูกเรือประมงจะต้องมีใบอนุญาตทำงาน ต้องแจ้งเรือเข้าออกศูนย์ควบคุมเรือประมงในพื้นที่ทุกครั้งก่อนออกทำประมงทะเล ทั้งหมดเป็นสิ่งที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

แต่ปัญหาไม่ได้จบลง เมื่อมีเสียงสะท้อนเกี่ยวกับอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งเรือประมง สัญญาณขาดหาย ขณะออกทำประมงกลางทะเล ทำให้เรือถูกแจ้งเข้าข่ายการทำประมงผิดกฎหมายบ่อยครั้ง

คำยืนยันจากเจ้าของเรือประมงพาณิชย์ขนาดตั้งแต่ 30 ตันกรอสขึ้นไป ที่ จ.สมุทรปราการ ที่ต้องเข้า-ออก ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออกสมุทรปราการ เพื่อทำหนังสือชี้แจง เพราะได้รับข้อความในโทรศัพท์มือถือ ว่า “เรือปิดสัญญาณวีเอ็มเอส เสี่ยงสูงกระทำผิดกฎหมาย ติดต่อกลับและดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ศูนย์วีเอ็มเอส กรมประมง”

ปรีชา เกษมธีระสมบูรณ์ เจ้าของเรือประมงพาณิชย์ศรีนพรัตน์ จ.สมุทรปราการ เกิดข้อสงสัยกับเครื่องติดตามตำแหน่งเรือวีเอ็มเอส ตั้งแต่ติดอุปกรณ์ถูกแจ้งเตือนสัญญาณขาดหายบ่อยครั้ง เครื่องวีเอ็มเอสไม่ส่งสัญญาณ ถูกเตือนแม้ในเวลาพักผ่อน โดยมีการซื้ออุปกรณ์นี้มาด้วยราคาประมาณ 2.3 หมื่นบาท ต้องจ่ายเป็นรายเดือนละ 1,200 บาท หรือต่อปี 1.2 หมื่นบาท ซึ่งสัญญาณจะส่งผ่านศูนย์เฝ้าระวังติดตามของกรมประมงทุกๆ 1 ชั่วโมง ว่าเรือประมงอยู่พิกัดไหนของน่านน้ำไทย แต่สิ่งที่สงสัยมาโดยตลอดคือ สัญญาณที่ขาดหายไปเกิดจากสาเหตุใด แต่ก็ไม่มีคำตอบที่ชัดเจนจากเจ้าของบริษัทที่ขายเครื่องอุปกรณ์ติดตามเรือประมงให้ ส่วนตัวมีเจตนาปิดเครื่องวีเอ็มเอสอยู่แล้ว แต่ถ้าหากปิดก็คงไม่ได้ออกทำประมงแน่นอน อยากให้ตัวแทนจำหน่ายช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ ซึ่งส่งผลกระทบกับเจ้าของเรือแทบทุกลำ

“กรณีเครื่องติดตามตำแหน่งเรือวีเอ็มเอสที่ซื้อมาราคาประมาณ 2.3 หมื่นบาท มีค่าใช้จ่ายรายเดือนอีกเดือนละ 1,200 บาท ซึ่งบังคับให้ต้องติดไว้ในเรือเพื่อให้ศูนย์เฝ้าติดตามของกรมประมงสามารถตรวจเช็กได้ตลอดเวลาว่าออกทำประมงกลางทะเลอย่างถูกต้องตามกฎหมาย แต่ตอนนี้เจ้าของเรือประมงกำลังเผชิญกับปัญหาเครื่องวีเอ็มเอสไม่ส่งสัญญาณ ขณะเรือออกทำประมงกลางทะเล ศูนย์เฝ้าระวังติดตามทั้งส่งข้อความหา โทรมาแจ้งว่าเรือปิดสัญญาณวีเอ็มเอสทำไม ทั้งที่ไม่ทราบเหมือนกันว่าสัญญาณขาดหายเพราะอะไร ซึ่งโดนแจ้งเตือนทุกวัน เพราะเขาระบุว่า เรืออาจเข้าข่ายการทำประมงผิดกฎหมาย ต้องทำหนังสือชี้แจงต่อศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก เลยเกิดข้อสงสัยว่า ถ้าเครื่องวีเอ็มเอสไม่ส่งสัญญาณ สามารถสอบถามบริษัทที่เป็นตัวแทนขายให้จะได้รับคำตอบที่ดีกว่าถามชาวประมงหรือไม่ ผมได้พูดคุยกับตัวแทนจำหน่ายขายเครื่องวีเอ็มเอสกลับไม่ได้รับคำตอบว่าสาเหตุที่สัญญาณขัดข้องเกิดจากอะไรกันแน่ ซึ่งตอนนี้ชาวประมงหลายคนเดือดร้อน เพราะต้องเข้าชี้แจงต่อเจ้าหน้าที่แทบทุกวัน” เจ้าของเรือประมงพาณิชย์ศรีนพรัตน์ กล่าว

สอดคล้องกับคำยืนยันจาก โชคชัย หน่อเนื้อ เจ้าของเรือประมงพาณิชย์อีกรายใน จ.สมุทรปราการ ที่ทำประมงมากว่า 10 ปี สืบทอดอาชีพมาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ ที่เข้ามาทำหนังสือชี้แจงศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออกสมุทรปราการว่า สาเหตุที่สัญญาณเครื่องวีเอ็มเอสขาดหายเป็นเพราะอะไร แต่ก็ยังไม่รู้สาเหตุและยังเกิดข้อสงสัยทุกครั้งที่สัญญาณขาดหายไปโดยไร้สาเหตุ จึงอยากฝากไปถึงตัวแทนจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องวีเอ็มเอสด้วยว่าควรร่วมกับชาวประมงเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นให้สามารถออกทำประมงกลางทะเลได้อย่างราบรื่น

“สัญญาณเครื่องวีเอ็มเอสทำเจ้าของเรือประมงอย่างผมวุ่นวายทุกวัน เพราะมันเกิดปัญหาขึ้น ต้องเขียนชี้แจงให้กรมประมงรับทราบถึงพิกัดตำแหน่งของเรือ ช่วงเวลาสัญญาณที่ขาดหาย ซึ่งผมยินยอมทำตามกฎระเบียบทุกอย่างที่ออกมา เพื่อให้มีอาชีพหาเลี้ยงครอบครัวอย่างไม่ติดขัด แต่เกิดคำถามมากมาย ซึ่งยังไม่มีใครให้คำตอบกับผมได้ว่า สาเหตุของสัญญาณที่ขาดหายมาจากอะไร ตัวแทนจำหน่ายของบริษัทติดตั้งเครื่องวีเอ็มเอสควรจะชี้แจงให้ชาวประมงได้รับทราบอย่างชัดเจนหรือไม่ ก่อนหน้านี้มีคำยืนยันจากตัวแทนจำหน่ายว่า สัญญาณที่ขาดหายไปเป็นเพราะการอัพเดทซอฟต์แวร์ของระบบหรือการอัพเดทข้อมูลของสัญญาณเครือข่ายดาวเทียมให้ครอบคลุมการใช้งาน หรือบางครั้งทางตัวแทนจำหน่ายก็ให้ข้อมูลว่าอาจเกิดจากกระแสไฟของเรือขัดข้อง ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนจากหน่วยงานไหนที่จะออกมาให้คำตอบได้” โชคชัย กล่าว

เรือประมงที่มีขนาดตั้งแต่ 30 ตันกรอส ที่ถูกเฝ้าติดตามการออกทำประมงทะเลในน่านน้ำอยู่ตลอด 24 ชั่วโมง ด้วยอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งเรือประมงด้วยดาวเทียม หรือการติดตั้งระบบ Vessel Monitoring System : VMS เป็นระบบที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารระหว่างเรือที่ออกหาสัตว์ทะเลอยู่กลางทะเลกับเจ้าของเรือ ซึ่งจะมีศูนย์ติดตามเฝ้าระวังของกรมประมงติดตามสัญญาณวีเอ็มเอสอยู่บนฝั่ง เพื่อติดตามตำแหน่ง ความเร็ว ทิศทางการเดินเรือ จากนั้นรวบรวมข้อมูลต่างๆ ของเรือบันทึกผ่านซอฟต์แวร์แล้วส่งสัญญาณผ่านเครือข่ายดาวเทียมเพื่อบันทึกและแสดงผลข้อมูลของเรือ

หน่วยงานภาครัฐยังคงเดินหน้าตรวจเข้มลูกเรือประมงแรงงานต่างชาติ ทั้งการตรวสอบใบอนุญาตทำงาน ตรวจหาสารเสพติดในร่างกาย อย่างที่ ท่าแพโสภา ต.ปากน้ำปราณ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ มีการเข้าตรวจเข้มโดยเจ้าหน้าที่จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดเพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการกวาดล้างการค้ามนุษย์ในธุรกิจประมง

“น.ต.เจนยุทธ นิมา” หัวหน้าศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออก ปราณบุรี เปิดเผยว่า หากมีเจ้าของเรือประสงค์จะออกทำประมงทะเล ต้องตรวจจากเอกสารที่เจ้าของเรือมายื่นยังศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออกปราณบุรี จากนั้นลงพื้นที่ตรวจสอบเรือ อุปกรณ์การจับสัตว์ทะเลซึ่งประมงที่ปราณบุรีส่วนใหญ่จะเป็น อวนดำ ไดหมึก เรือลอบ อวนลากเดี่ยว, คู่ อุปกรณ์ป้องกันภัย นายช่างประจำเรือและลูกเรือประมงที่เป็นแรงงานต่างชาติ และในช่วงเวลาที่เรือเข้ามาเทียบท่าชาวประมงจะต้องบันทึกข้อมูลระบุชนิดปลา จำนวนน้ำหนักปลาที่หามาได้ เพื่อให้ทางศูนย์ประเมินว่าสัตว์ทะเลที่ออกประมงมาถูกต้องตามกฎระเบียบที่บังคับใช้

ข้อมูลศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้า-ออกปราณบุรี พบว่า ตั้งแต่บังคับใช้กฎหมายมีการแจ้งเข้า-ออกราว 900 ครั้งต่อเดือน จากเรือประมงพาณิชย์ขนาด 30 ตันกรอสขึ้นไป ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องกว่า 300 ลำ

“หน่วยงานทั้ง 7 หน่วยงานที่บูรณาการร่วมกัน เมื่อได้รับแจ้งความประสงค์จะออกเรือจากเจ้าของเรือต้องตรวจเอกสารอย่างละเอียดและลงพื้นที่ตรวจเรือประมง ตรวจใบอนุญาตแรงงานต่างชาติและหาสารเสพติดทุกคนก่อนออกทำประมงทุกครั้ง ตราอวนที่นำไปจับสัตว์ทะเลขนาดถูกต้องหรือไม่ ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ไม่มีการควบคุม ไม่มีการตรวจสอบ พบว่ามีแรงงานต่างชาติหลบหนีเข้ามาทำงานจำนวนมาก แต่ปัจจุบันตั้งแต่มีกฎหมายบังคับใช้สามารถควบคุมได้ในระดับหนึ่ง และยังต้องบันทึกข้อมูลสัตว์ทะเลที่จับมาทุกครั้งไว้ในสมุดบันทึกเพื่อยืนยันกับเจ้าหน้าที่ให้สามารถตรวจสอบได้ตามกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งเจ้าของเรือส่วนใหญ่ให้ความร่วมมือมากขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีเสียงคัดค้าน แต่ทุกคนก็ทำความเข้าใจเพื่อให้มีอาชีพเลี้ยงครอบครัวของตนเองได้” น.ต.เจนยุทธ กล่าว

สอดคล้องกับข้อมูล ปัญญา วิเชียรแสน นายช่างประจำเรือ ที่ทำงานมาเกือบ 30 ปี คลุกคลีกับแรงงานต่างชาติที่เข้ามาทำงานเป็นลูกเรือประมง ให้ข้อมูลว่า ก่อนหน้าที่ยังไม่เข้มงวด มีความหละหลวมในการทำตามข้อบังคับการออกทำประมงในน่านน้ำไทยอย่างมาก ไม่มีแม้การรายงานแจ้งเข้า-ออกเรือ การใช้แรงงานต่างชาติผิดกฎหมาย เรือประมงพาณิชย์สามารถออกทำประมงได้แทบจะทั้งเดือน

“เมื่อก่อนที่ยังไม่มีการตรวจเข้ม เรือประมงพาณิชย์สามารถออกทำประมงได้โดยไม่ต้องแจ้งศูนย์ควบคุมแจ้งเรือเข้า-ออก สามารถออกไปทำประมงได้กว่า 28 วัน หยุดทำ 2 วัน ต่างจากตอนนี้ที่ออกได้ 22-23 วัน ลูกเรือประมงแรงงานต่างชาติสามารถมีวันหยุดได้ 8 วัน แต่ตอนนี้ก็ต้องทำตามกฎหมายที่เขาออกมาบังคับ แรงงานต่างชาติผิดกฎหมายเยอะมาก ส่วนใหญ่จะเป็นชาวกัมพูชาและเมียนมาร์ที่หลบหนีเข้ามาตามแนวชายแดน เพื่อมาหางานทำเป็นลูกเรือประมง แต่ตอนนี้หากใครไม่มีใบอนุญาตทำงานก็ถูกผลักส่งกลับประเทศหมดแล้ว แม้กระทั่งการออกทำประมงกลางทะเลก็ยังมีเจ้าหน้าที่เข้ามาตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา” นายช่างประจำเรือ กล่าว

การเข้มงวดใช้กฎหมายในบางพื้นที่ทำให้เกิดความไม่ชัดเจนในการกำหนดอุปกรณ์การจับสัตว์น้ำ ซึ่งเป็นอีกปัญหาที่ทำให้เจ้าหน้าที่กับประมงชายฝั่งเกิดการกระทบกระทั่งกัน ซึ่งจะมีการหารือร่วมกันในวันที่ 7 เมษายนนี้ ที่ศูนย์บัญชาการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย จะเชิญ ประมงพาณิชย์ ประมงพื้นบ้าน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันถกปัญหาต่างๆ ที่ผ่านมา เพื่อสร้างมาตรฐานการทำประมงอย่างถูกต้องตามกฎหมาย

Leave a comment