2 เม.ย. 59 พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการดำเนินโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ของประชาชนของกระทรวงมหาดไทย ว่า เพื่อก่อให้เกิดการลงทุนในพื้นที่มีการจ้างงานกระตุ้นการบริโภคลงทุนในพื้นที่ ช่วยเหลือประชาชนผู้มีรายได้น้อยที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำและผลกระทบจากปัญหาภัยแล้ง จึงได้กำหนดกรอบการดำเนินโครงการจะต้องมาจากความต้องการของพี่น้องประชาชนโดยตรง โดยเริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2558 เสร็จสิ้นโครงการในวันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมานั้น

        ผลการดำเนินงานภายหลังเสร็จสิ้นโครงการ คือ 1.โครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลหรือตำบลละ 5 ล้านบาท จำนวน 7,255 ตำบล มีโครงการที่ได้รับอนุมัติจัดสรรงบประมาณ 121,238 โครงการ เป็นเงิน 35,755ล้านบาท โดยเป็นยอดเบิกจ่ายงบประมาณและก่อหนี้ผูกพันในระบบภายในวันที่ 31 มีนาคม 2559 รวมทั้งสิ้นจำนวน 34,453 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 98 ของงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ซึ่งในจำนวนนี้มียอดที่มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน 20,223 ล้านบาท อย่างไรก็ตามในส่วนที่เหลือประมาณร้อยละ 3 เป็นโครงการที่ขอใช้ที่ดินในเขตป่าสงวนแห่งชาติและอุทยานแห่งชาติ  ทำให้มีเงินที่เหลือจ่ายจากการดำเนินโครงการ

        2.โครงการมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน เป็นงบสร้างงาน สร้างอาชีพ  มีโครงการที่ได้รับการอนุมัติจัดสรรงบประมาณ จำนวน 3,827 โครงการ เป็นเงิน 3,200 ล้านบาทมียอดเบิกจ่ายงบประมาณและก่อหนี้ผูกพันในระบบภายในวันที่ 31 มีนาคม 2559 จำนวน 2,726 ล้านบาท  คิดเป็นร้อยละ 85 ของงบประมาณที่ได้รับจัดสรร ในจำนวนนี้มียอดที่มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน 2,280 ล้านบาท

        3.โครงการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์/กลุ่มเกษตรกร มีโครงการที่ได้รับอนุมัติ จำนวน 421 รายการ เป็นเงิน 254 ล้านบาท ดำเนินการในพื้นที่ 21 จังหวัด สามารถเบิกจ่ายงบประมาณและก่อหนี้ผูกพันในระบบได้เป็นจำนวน 230 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 90 ของงบประมาณได้รับจัดสรร ในจำนวนนี้มียอดที่มีการเบิกจ่ายแล้ว จำนวน 176 ล้านบาท

        4.มาตรการส่งเสริมการลงทุนขนาดเล็กของรัฐบาล ซึ่งกระทรวงมหาดไทยได้รับการจัดสรรงบประมาณ ให้แก่ส่วนราชการในสังกัด 6 หน่วยงาน จำนวน 4,105 รายการเป็นเงิน 2,286 ล้านบาทได้ก่อหนี้ผูกพันและเบิกจ่ายงบประมาณแล้วทั้ง 2,286 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 100 ของงบประมาณที่ได้รับการจัดสรร

        ในจำนวน 4 มาตรการ ได้มียอดการเบิกจ่ายแล้วภายใน 31 มีนาคม 2559 จำนวน 22,679 ล้านบาท โดยได้ก่อหนี้ผูกพันในระบบเพื่อรอการเบิกจ่ายตามระเบียบ จำนวน 17,016 ล้านบาท คาดว่า จะสามารถเบิกจ่ายได้ในเดือนเมษายนนี้อีกกว่า 1 หมื่นล้านบาท เนื่องจากเป็นโครงการขนาดเล็ก ที่ผ่านมา คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 29 มีนาคม 2559 อนุมัติขยายระยะเวลาการดำเนินโครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับโครงการตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล โครงการมาตรการสำคัญเร่งด่วนเพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนและโครงการสนับสนุนการจัดหาเครื่องจักรกลทางการเกษตรให้แก่กลุ่มสหกรณ์ และกลุ่มเกษตรกร ใน 2 กรณี คือ 1.ขยายระยะเวลาดำเนินโครงการและการเบิกจ่าย เฉพาะโครงการที่ได้มีการก่อหนี้ผูกพันจนถึงขั้นจองเงินในระบบ PO ภายในวันที่ 31 มีนาคม 2559 ให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 31 มีนาคม 2559 เป็นการดำเนินโครงการและเบิกจ่ายงบประมาณให้แล้วเสร็จตามสัญญา คาดว่า จะไม่เกินเดือนมิถุนายน 2559 และ2.โครงการในส่วนที่เกี่ยวข้องกับมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล เฉพาะโครงการที่จะต้องขอใช้พื้นที่จากกรมป่าไม้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ในส่วนที่กำหนดให้ดำเนินการและเบิกจ่ายงบประมาณตามโครงการดังกล่าวให้แล้วเสร็จภายใน 30 กันยายน 2559

        “ตลอดระยะเวลาการดำเนินงานที่ผ่านมา กลไกของกระทรวงมหาดไทยที่เกี่ยวข้องทุกระดับมีความมุ่งมั่น ตั้งใจ และพยายามอย่างเต็มกำลังความสามารถในการปฏิบัติงานในครั้งนี้ให้ประสบผลสำเร็จตามเป้าหมายของรัฐบาลที่ต้องการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนผู้มีรายได้น้อยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ได้มีการติดตามและแก้ไขปัญหาอุปสรรคต่างๆ มาอย่างใกล้ชิด เพื่อให้การทำงานทุกขั้นตอนเกิดความสะดวกรวดเร็ว โปร่งใสถูกต้องตามระเบียบกฎหมายของทางราชการ ตรงตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่โดยร่วมกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ อาทิ กระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จังหวัด อำเภอ ภาคเอกชน ที่สำคัญคือ ภาคประชาชนภายใต้การทำงานในรูปแบบประชารัฐ ที่เป็นพลังสำคัญในการทำงานในครั้งนี้จนสามารถผลักดันให้เกิดการพัฒนาในท้องถิ่นและภูมิภาค ก่อให้เกิดกิจกรรมที่ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและส่งผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานรากมากมายกว่าแสนโครงการ” รมว.มหาดไทย กล่าว

        สำหรับกิจกรรมต่าง ๆ อาทิ การซ่อมแซมหรือบูรณะทรัพย์สินสาธารณะ การจ้างงานสร้างอาชีพการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐาน ปรับปรุงแหล่งน้ำ และการต่อยอดโครงการพระราชดำริเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนกว่าหมื่นโครงการนำไปสู่การกระจายเม็ดเงินจำนวนกว่า 3.9 หมื่นล้านบาทลงไปในพื้นที่อย่างทั่วถึง ทำให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนไปในชุมชน ช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถขยายตัวได้อย่างต่อเนื่อง ทั้งหมดนี้จึงสะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่ายที่ได้ร่วมพัฒนาประเทศอย่างเป็นรูปธรรม ภายใต้ “โครงการประชารัฐ” ซึ่งกระทรวงมหาดไทยจะเดินหน้าสานต่อพลังประชารัฐเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจระดับฐานรากให้เข้มแข็งอย่างยั่งยืน โดยจะได้รวบรวมข้อมูลและประเมินผลความสำเร็จของโครงการก่อน ระหว่าง และหลังดำเนินการนำเสนอให้สาธารณชนได้ทราบต่อไป