‘มีชัย’แจงสาระสำคัญร่างรธน.

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก

http://www.komchadluek.net/detail/20160330/225006.html

การเมือง : ข่าวทั่วไป
วันพุธที่ 30 มีนาคม 2559
‘มีชัย’แจงสาระสำคัญร่างรธน.

‘มีชัย’ แจงสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญ ย้ำยึดประโยชน์ประชาชนเป็นหลัก ชี้ปรับให้มีส.ว.สรรหา 250 คนทำงาน 5 ปีในบทเฉพาะกาลตามคำขอ คสช.เพื่อสานงานปฏิรูป

       30 มี.ค.59 เมื่อเวลา 10.05 น. ที่รัฐสภา คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) นำโดย นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธาน กรธ. ได้ชี้แจงสาระสำคัญร่างรัฐธรรมนูญให้กับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.), สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และหัวหน้าส่วนราชการ เพื่อให้นำเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญรวมถึงสาระสำคัญชี้แจงกับประชาชนทั่วไป ทั้งนี้มีสมาชิก สนช. , สปท. และหัวหน้าส่วนราชการ รัฐวิสาหกิจ เข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก
       โดยนายมีชัยได้นำการชี้แจงตามประเด็นที่ได้เตรียมมาในสมาร์ทโฟนส่วนตัว ซึ่งใช้เวลา 35 นาที มีสาระสำคัญ ว่า การชี้แจงต่อ สนช. , สปท. หัวหน้าส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจ นั้นจะเป็นเนื้อหาที่ปรับปรุงเพิ่มเติมจากร่างรัฐธรรมนูญฉบับเบื้องต้น ที่ส่งให้ภาคส่วนต่างๆ แสดงความเห็นและข้อเสนอแนะ โดยยืนยันว่าการปรับแก้ไขได้ยึดประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งการปรับแก้ไข จำนวน 88 มาตรา นั้นส่วนใหญ่มาจากความเห็นของประชาชน ขณะที่ความเห็นของพรรคการเมืองได้นำมาพิจารณาเฉพาะส่วนที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ไม่ใช่เพื่อประโยชน์ของพรรคการเมือง
       นายมีชัย ชี้แจงด้วยว่า ประเด็นทางการเมืองทางกรธ. ไม่ได้เปลี่ยนแปลง และยังใช้หลักการได้มาซึ่งส.ส.เขตและส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยบัตรเลือกตั้งเพียงใบเดียว, ที่มาของส.ว. ยังมาจากการเลือกกันเองของประชาชนกลุ่มต่างๆ ตามที่จะมีรายละเอียดกำหนดไว้ในกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยเหตุผลสำคัญที่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงตามข้อเสนอของภาคส่วนต่างๆ เพราะกรธเห็นว่าการเลือกตั้งนั้นต้องให้ประชาชนมีส่วนร่วมอย่างแท้จริ และมีข้อมูลที่ชัดเจน รวมถึงมีน้ำหนักของการใช้สิทธิลงคะแนนเลือกตั้งที่ไม่แตกต่างกัน ขณะที่การเลือกส.ว. ต้องการให้มาจากประชาชนโดยตรง และไม่สังกัดพรรคการเมือง แต่ในส่วนของบทเฉพาะกาลว่าด้วยที่มาของ ส.ว.นั้น ได้ปรับเพิ่มเติมตามคำร้องขอของคณะรัฐมนตรี (ครม.), คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และสปท. รวมถึงสนช. ให้มาจากการสรรหาจำนวน 250 คน มีวาระ 5 ปี ซึ่งตนเชื่อว่าการสรรหาดังกล่าวคงมีสมาชิก สนช. และสปท. เข้าไปร่วมเป็นด้วย อย่างไรก็ตามในจำนวน 250 คนนั้น กรธ.ได้ขอไว้ 50 คนเพื่อใช้วิธีการเลือกกันเองจากประชาชนในพื้นที่ เพื่อให้เป็นจุดสังเกตว่าการเลือกกันเองนั้นมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ส.ว.สรรหา ที่มีวาระ 5 ปีนั้นจะไม่มีอำนาจก้าวล่วงการจัดตั้งรัฐบาลหรือเลือกนายกฯ มีเพียงอำนาจพิเศษต่อกรณีการดูแลกฎหมายปฏิรูปเท่านั้น
       “ผมขอโทษที่ไม่ได้บอก และยอมรับในความผิดพลาดที่ไมได้เรียนให้สปท. รับทราบก่อนที่จะปรับแก้ไขเรื่องวาระดำรงตำแหน่งหลังจากที่รัฐธรรมนูญใหม่บังคับใช้ จากเดิมที่เขียนให้มีวาระ 1 ปี แต่ได้ปรับให้เหลือเพียง 120 วัน ทั้งนี้ยืนยันว่าเป็นเจตนาดี ที่มองว่าการปฏิรูปที่ได้ทำมากว่า 2 ปี ควรเปลี่ยนโหมดจากการให้ข้อเสนอแนะเป็นการลงมือทำ ด้วยการออกกฎหมายและการเขียนกฎหมายนั้นจะสร้างองคาพยพที่เหมาะสมกับการลงมือปฏิรูป” นายมีชัย กล่าว
       ประธานกรธ. กล่าวด้วยว่า หัวใจสำคัญของร่างรัฐธรรมนูญคือกลไกป้องกันและปราบปรามการทุจริต เพือป้องกันคนไม่สุจริตเข้าสู่วงการเมือง และเมื่อทำไม่สุจริตต้องพ้นไป โดยกลับสู่การดำรงตำแหน่งอีกไม่ได้ ทั้งนี้ยังมีกลไกให้รัฐส่งเสริมภาคประชาชนต่อการป้องกันและปราบปรามการทุจริตร่วมกับรัฐได้ ขณะที่องค์กรอิสระ ได้ปรับเปลี่ยนเรื่องวาระดำรงตำแหน่งให้เหลือเท่ากันทุกองค์กร คือ 7 ปี ทั้งนี้ยอมรับว่ามีผู้ติดใจในประเด็นลดวาระดำรงตำแหน่งของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ จากเดิมที่มีวาระ 9 ปี เหลือ 7 ปีนั้น เพราะมองว่าการคัดเลือกตุลาการศาลรัฐธรรมนูญส่วนใหญ่มาจากผู้พิพากษา ซึ่งจะอยู่ในตำแหน่งผู้พิพากษาไปจนครบอายุ 70 ปี และไม่มีแรงจูงใจที่จะให้ปรับเปลี่ยน กรธ. จึงมองว่าคนวัย 75 ปีสมองยังใช้งานได้ จึงขยายให้มีอายุถึง 75 ปี แต่ตอนที่จะเข้าสู่ตำแหน่งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต้องมีอายุไม่เกิน 68 ปี เพื่อให้มีทางเลือกหลากหลาย ส่วนข้อทักท้วงว่าให้อำนาจศาลรัฐธรรมนูญมากเกินไป ทางกรธ. จึงได้ปรับประเด็นการชี้ขาดปัญหาที่ไม่มีบัญญัติใดในรัฐธรรมนูญกำหนดไว้ ได้เขียนให้ประธานศาลรัฐธรรมนูญ เรียกประชุมคณะกรรมการร่วม ประกอบด้วย ประธานศาลฏีกา ประธานศาลปกครองสูงสุด ประธานองค์กรอิสระ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ผู้นำฝ่ายค้านและนายกฯ เพื่อวินิจฉัยร่วมกันว่าจะเดินหน้าอย่างไร จึงถือว่าเป็นการลดภาระของศาลรัฐธรรมนูญไปได้
       ประธานกรธ. กล่าวถึงสาระในหมวดปฏิรูปประเทศ ด้วยว่า ได้กำหนดเนื้อหาเป็น 7 ด้านและมีเขียนไว้เป็นด้านอื่นๆ เพื่อให้เพิ่มเติมในรายละเอียดได้ ทั้งนี้กรธ.คาดหวังว่าการปฏิรูปจะทำให้เสร็จ หรือใกล้แล้วเสร็จภายในระยะเวลา 5 ปี ทั้งนี้ในหมวดของการปฏิรูปมีบทเร่งรัดการออกกฎหมายที่ทำได้ยาก ต้องทำให้เสร็จภายในเวลาที่กำหนด คือ 240 วัน ได้แก่ กฎหมายเกี่ยวกับการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม, กฎหมายว่าด้วยวินัยการเงินการคลัง ทั้งนี้มีบทบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับหัวหน้าส่วนราชการที่ต้องร่วมดำเนินการปฏิรูปให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลา แต่หากทำไม่เสร็จหัวหน้าส่วนราชการต้องร่วมรับผิดชอบ ดังนั้นตนขอให้หัวหน้าส่วนราชการกลับไปอ่านเนื้อหาในบทเฉพาะกาลให้ดี เพราะมีรายละเอียดที่เป็นบทลงโทษด้วย หากไม่ทำเรื่องการปฏิรูปให้มีผลชัดเจน เช่น การปฏิรูปตำรวจ มีบทให้ออกหลักเกณฑ์และกฎหมายเพื่อปฏิรูปตำรวจ เพื่อสร้างความไว้เนื้อเชื่อใจระหว่างประชาชนและตำรวจ และหากไม่เร่งดำเนินการจะกำหนดให้การแต่งตั้งเป็นไปตามระบบอาวุโส , ส่วนการปฏิรูปการศึกษา ได้เปลี่ยนแปลง คือ จากที่กำหนดให้จัดการศึกษาให้กับเด็กเล็ก ก่อนวัยเรียน และไม่พูดถึงจำนวนปีเอาไว้ ทำให้คนเข้าใจว่า ตัดสิทธิการเรียนฟรี 12 ปี เหลือ 9 ปี ทั้งที่เนื้อหามีเจตนาให้รัฐต้องจัดการให้คนทุกคน เข้าสถานศึกษา หรือสถานอบรมดูแลก่อนวัยเรียน จนจบการศึกษาภาคบังคับ รวมแล้วจะเป็นเวลากว่า 12 ปี
       “เหตุผลที่ต้องเน้นการศึกษาก่อนวัยเรียนเพราะผลการศึกษาทั้งโลก พบว่าการพัฒนาจิตใจและสมองต้องเริ่มตั้งแต่ 2 ขวบเป็นต้นไป หากพ้น 5 ขวบ การพัฒนาไม่ค่อยได้ผล ดังนั้น ความแตกต่าง เหลื่อมล้ำของคนจน กับคนมีเงิน เริ่มต้นตรงนี้ เพราะเมื่อเด็กมาจากครอบครัวที่ยากจน ย่อมยากที่จะได้รับการฝึกอบรม ไปเข้าโรงเรยนภาคบังคับ ก็พ้นเวลาพัฒนาสมอง ความเสียเปรียบมีตลอดชีวิต แม้จะบังคับให้เรียนจบม.ปลายจะสู้คนที่อบรมแต่เล็กๆ ไม่ได้ รัฐธรรมนูญจึงกำหนดว่า การจัดการศึกษาต้องจัดก่อนวัยเรียนเพื่อให้มีโอกาสเรียนอย่างเดียวกัน ด้วยมาตรฐานใกล้เคียงกัน ไม่เสียเงิน ส่วนตอนท้ายหากรัฐบาลร่ำรวย ให้เรียนฟรี ก็ไม่มีใครว่า ผมคิดว่า การศึกษาเป็นเรื่องสำคัญของการพัฒนาประเทศ และการพัฒนาสังคมให้อยู่เย็นเป็ฯสุขและเรียบร้อยหากไม่พัฒนาการศึกษาตั้งแต่ต้น เราจะสู้ใครไม่ได้ในอนาคต” นายมีชัย กล่าว
‘มีชัย’ เมิน ‘พท.’ ออกแถลงการณ์ไม่รับร่างรธน. เชื่อปชช.รับได้
       นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทยออกแถลงการณ์ถึงประชาชนให้ร่วมออกเสียงไม่รับร่างรัฐธรรมนูญช่วงการทำประชามติ ว่า ทางพรรคเพื่อไทยได้แถลงมาหลายหน ตั้งแต่ที่กรธ. ยังทำร่างรัฐธรรมนูญไม่เสร็จ ทั้งนี้ตนตอบไม่ได้ว่าเนื้อหาดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่ชี้นำประชาชนหรือไม่ เพราะการลงประชามติขึ้นอยู่กับประชาชน โดยกรธ. ไม่สามารถทำอะไรได้ อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าหากประชาชนเข้าใจว่าบ้านเมืองต้องมีขื่อมีแป และประเทศต้องเดินไปข้างหน้า ประชาชนต้องรับได้
       นายมีชัย กล่าวถึงเนื้อหาของหมวดการปฏิรูปประเทศ กับการสานต่อโดยรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง ด้วยว่า เชื่อว่ารัฐบาลที่เข้ามาใหม่จะทำงานตามกรอบที่กำหนดไว้ในแผนปฏิรูปประเทศและยุทธศาสตร์ชาติ ส่วนจะทำงานด้วยวิธีไหน อย่างไร หรือเรียงลำดับการทำงานอย่างไร ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาล อย่างไรก็ตามตนเชื่อว่าหากรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งทำตามขั้นตอนที่กำหนด และไม่ทุจริต บ้านเมืองจะเดินหน้าไปได้
       “ผมมองว่าการการปฏิรูปที่กำหนดไว้คงไม่ได้มีผลให้เกิดการเปลี่ยนแบบพรวดพราด แต่หากการปฏิรูปการศึกษา และปฏิรูปกระบวนการยุติธรรมเดินหน้าไปได้อย่างจริงจังตามเป้าหมายที่วางไว้ในรัฐธรรมนูญ จะทำให้ค่อยๆ เปลี่ยนไปและเมื่อได้รู้จักสิทธิไปพร้อมกับหน้าที่ แล้วก็มีวินัยขึ้น การบังคับใช้กฎหมายก็ทัดเทียมกัน ไม่ใช่อย่างที่พูดกันว่า คุกมีไว้ขังคนจน ซึ่งจะมีแบบนั้นต่อไปไม่ได้ มันต้องเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น” นายมีชัย กล่าว
       นายมีชัย กล่าวด้วยว่า ส่วนการปฏิรูปการศึกษาที่เขียนไว้ในร่างรัฐธรรมนูญแต่ยังมีผู้ท้วงติงรายละเอียดนั้น ต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ทุกวันนี้ระบบการศึกษาไม่ทัดเทียมกันเพราะเด็กจะพัฒนาได้ ต้องอยู่ในระหว่าง2-5ขวบ แต่คนมีเงินได้รับการพัฒนา แต่คนจนไม่ได้รับการพัฒนา พอไปถึงม.ปลายก็เสียเปรียบ สู้กันไม่ได้ เพราะสมองไม่ได้พัฒนาแล้ว สิ่งที่เราทำคือ เราร่น12ปีลงมาข้างล่าง เพื่อมารองรับคนจน พอไปถึงตอนปลาย คนจนก็จะได้รับการดูแล เพราะมีกองทุนการศึกษาให้ ส่วนคนมีเงินก็ออกเงินเอง ส่งลูกไปกวดวิชา สามารถจ่ายค่ากวดวิชาเดือนละ3-4หมื่นบาทได้ แต่คนไม่มีเงินก็มาเอาจากกองทุนฯ ดังนั้นความทัดเทียมถึงจะเกิดขึ้นได้จริง หากปล่อยไว้อย่างนี้คนจนก็แย่ ถูกเอาเปรียบ ต้องเข้าใจ โดยเราต้องเห็นหัวอกคนที่ไม่มี อย่านึกถึงส่วนตัว
       “หลักที่บอกว่าใครจน ใครรวย เขาก็รู้เอง หากเขาไม่มีสตางค์เขาก็จน อย่างไรก็ตามเราเปิดกว้างไว้ ในความคิดของเรา คือกองทุนการศึกษาคงมีหลายระบบ ทั้งให้เปล่า เพราะจนจริงๆยากจะคืนเงิน กับให้ยืม หรือให้กู้ ซึ่งก็แล้วแต่ฐานะของแต่ละคน ซึ่งหากคนได้รับการสอนให้มีวินัย เงินพวกนี้จะหมุนกลับมาไม่เหมือนที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ส่วนในอนาคตหากรัฐบาลมีเงินก็ขยายเป็น15ปีได้” นายมีชัย กล่าว

Leave a comment