ความคืบหน้ากรณีนางประนอม แดงสุภา ผู้ร่วมก่อตั้งธุรกิจ “น้ำพริกเผาแม่ประนอม” ได้ร้องเรียนศูนย์บริการประชาชนเพื่อขอความเป็นธรรม โดยอ้างว่าถูกลูกสาวคนโตฮุบกิจการและที่ดินมรดก โดย ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี อาสาเป็นคนกลางเข้าไกล่เกลี่ยข้อพิพาทดังกล่าว และเข้าพบแม่ประนอมไปแล้ว ล่าสุดได้เข้าหารือกับนางศิริพร แดงสุภา ลูกสาวคนโต ที่โรงงานบริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด แนวโน้มทั้งสองฝ่ายปรารถนาดีต่อกัน และเตรียมนัดหมายให้แม่และลูกสาวได้พบหน้าพูดคุยเคลียร์ความขัดแย้งในตระกูลแล้ว

             เมื่อเวลา 14.30 น. วันที่ 1 เมษายน ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปที่ บริษัท พิบูลย์ชัยน้ำพริกเผาไทยแม่ประนอม จำกัด ตั้งอยู่หมู่ 12 ถนนบรมราชชนนี แขวงศาลาธรรมสพน์ เขตทวีวัฒนา กทม. โดยรถยนต์สีดำ ทะเบียน ญง 8046 กรุงเทพมหานคร เพื่อเป็นคนกลางประสานพูดคุยระหว่างแม่กับลูกในตระกูลแดงสุภาให้สานสัมพันธ์ที่ดีต่อกันอย่างเดิม โดยมีกลุ่มสื่อมวลชนหลายแขนงมารอทำข่าวจำนวนมากบริเวณด้านหน้าของโรงงาน ท่ามกลางบรรยากาศที่ร้อนจัดและไม่อนุญาตให้เข้าไปถ่ายภาพหรือสัมภาษณ์ภายในโรงงานแต่อย่างใด

             ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในโรงงานผลิตน้ำพริกเผาแห่งนี้ เป็นทั้งโรงงานและบ้านพักของนางศิริพร แดงสุภา บุตรสาวคนโตของนางประนอม การที่ ม.ล.ปนัดดาเดินทางมาครั้งนี้ถือเป็นครั้งแรกที่บุคคลในรัฐบาลเข้ามาช่วยเจรจาเคลียร์ปัญหากับลูกสาวคนโต หลังแม่ประนอมได้เข้าร้องเรียนเรื่องความขัดแย้งในครอบครัวเกี่ยวกับการโอนหุ้นธุรกิจและทรัพย์สินมรดกของตระกูล โดยการพูดคุยระหว่าง ม.ล.ปนัดดากับนางศิริพร ใช้เวลาเพียงหนึ่งชั่วโมง

             ม.ล.ปนัดดา ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือครั้งนี้ว่า ได้เข้าไปพูดคุยกับนางศิริพรเป็นการส่วนตัว เพื่อสอบถามประเด็นปัญหาที่เกิดขึ้น และเท่าที่ฟังทั้งสองฝ่ายอยากปรับความเข้าใจกัน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ได้พูดคุยกันโดยตรง จะพูดผ่านสื่อมวลชนเท่านั้น แต่สัมผัสได้ว่านางประนอมและนางศิริพรยังมีเยื่อใยต่อกัน ซึ่งจะมีการพูดคุยกันโดยตรงในอนาคตอย่างแน่นอน แต่ยังไม่สามารถระบุว่าวันไหน ส่วนคดีความที่ฟ้องร้องกันอยู่ยังอยู่ในกระบวนการยุติธรรมของกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้จะต้องรายงานไปยังพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเป็นระเบียบต้องรายงานทุกเรื่องอยู่แล้ว

             “สำหรับวันนี้ได้พบปะกับคุณศิริพรก็รับทราบถึงความมุ่งมั่นตั้งใจ เป็นเรื่องของน้ำจิตน้ำใจที่ลูกมีต่อแม่ เมื่อวันก่อนได้ฟังความรู้สึกที่คุณแม่มีต่อลูกถือเป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายอยากจะมีน้ำใจไมตรีต่อกัน และน่าจะนำไปสู่การพบปะในอนาคตอันใกล้ ทั้งนี้ก็ต้องขึ้นกับคุณยายประนอมว่าจะสะดวกเมื่อไรและจะนัดกันอย่างไร ส่วนตัวบุตรสาวก็คงจะหาวันเวลาที่เหมาะสมที่จะพูดคุยกัน จากที่คุยกับทั้งสองท่านก็มีความปรารถนาที่จะพบกันมาก แม่ก็รักลูก ลูกก็เคารพแม่ ผมกล้าพูดได้เลยว่าเป็นความปรารถนาดีที่มีต่อกัน และไม่เห็นว่าจะเป็นศัตรูมุ่งร้ายต่อกัน” รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว