พาณิชย์ เผย ยอดจัดตั้งธุรกิจใหม่ มี.ค.พุ่งสูงสุดรอบ 2 ปี ทะลุ 6,176 ราย โต 8% ขณะที่ จดเลิกกิจการ 1,183 ราย เพิ่มแค่ 0.2% มั่นใจ ทั้งปีได้ 6-6.5 หมื่นรายตามเป้า เหตุ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจภาครัฐทำธุรกิจเชื่อมั่น …

วันที่ 11 เม.ย.59 นางสาวผ่องพรรณ เจียรวิริยะพันธ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เปิดเผยถึง การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในเดือนมี.ค. 59 ว่า มีผู้ยื่นขอจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัททั่วประเทศจำนวน 6,176 ราย เพิ่มขึ้น 8% เทียบกับเดือน มี.ค.58 ที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งสูงเกิน 6,000 ราย และเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 2 ปี นับจากเดือน ส.ค.56 ที่มีการจดทะเบียนเกิน 6,000 รายเช่นเดียวกัน โดยมีทุนจดทะเบียน 27,307 ล้านบาท ส่งผลให้ในช่วง 3 เดือน (ม.ค.-มี.ค.) ปีนี้ มียอดจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทรวม 17,523 ราย หรือมีการจดเฉลี่ยต่อเดือนที่ 5,841 ราย เพิ่มขึ้น 1% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4 ปีที่ผ่านมา มียอดการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 35%

“สาเหตุที่ทำให้การจดทะเบียนในเดือน มี.ค.สูงสุดในรอบ 2 ปี มาจากปัจจัยเศรษฐกิจไทยมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยมีการคาดการณ์ว่าจีดีพีประเทศปีนี้จะเติบโต 3.3% สูงกว่าปีที่ผ่านมาที่เติบโต 2.8% รวมทั้งปัจจัยจากการประมูลคลื่น 4จี การเร่งเบิกจ่ายงบประมาณรัฐบาลในการกระตุ้นเศรษฐกิจ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ ทำให้ภาคธุรกิจมีความมั่นใจและมาจัดตั้งบริษัทมากขึ้น”

สำหรับการจดทะเบียนเลิกกิจการเดือน มี.ค. 59 มีจำนวน 1,183 ราย เพิ่มขึ้น 0.2% เทียบกับเดือน มี.ค. 58 โดยมีทุนจดทะเบียนเลิกกิจการ 12,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 311% ส่งผลให้การจดทะเบียนเลิกกิจการในช่วง 3 เดือนแรกปีนี้ มีจำนวน 3,574 ราย ลดลง 3% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยธุรกิจที่เลิกกิจการสูงสุดใน เดือน มี.ค. ยังคงเป็นธุรกิจค้าสลาก 202 ราย สาเหตุส่วนใหญ่ เนื่องจากธุรกิจไม่ได้ประกอบกิจการแล้ว และสาเหตุที่ทุนจดทะเบียนเลิกกิจการเพิ่มขึ้นสูง 311% เพราะไทยพาณิชย์ ลีสซิ่ง มีทุนเลิกกิจการสูงถึง 5,732 ล้านบาท

นางสาวผ่องพรรณ กล่าวด้วยว่า จากการประเมินสถานการณ์การจดทะเบียนทั้งปี 59 คาดว่าจะมีการจดทะเบียนจัดตั้งห้างหุ้นส่วนบริษัทอยู่ระหว่าง 60,000-65,000 ราย โดยมีทิศทางที่สอดคล้องกับการประมาณเศรษฐกิจของหน่วยงานภาครัฐ เช่น ธนาคารแห่งประเทศไทยที่คาดว่าจะขยายตัว 3.1% และคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ที่คาดว่าจะขยายตัว 3.3% และมีปัจจัยสนับสนุนที่ทำให้เศรษฐกิจขยายตัวมาจากการใช้จ่ายภาคการลงทุนภาครัฐและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่รัฐบาลประกาศเพิ่มเติม รวมถึงการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งจะส่งผลต่อจำนวนการจัดตั้งธุรกิจในปีนี้

อย่างไรก็ตาม ยังต้องติดตามสถานการณ์เศรษฐกิจด้านต่างๆ เช่น สถานการณ์การส่งออก การเคลื่อนไหวของราคาน้ำมัน และภาวะภัยแล้งด้วย