1 เม.ย.59 เมื่อเวลา 07.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีบำเพ็ญกุศลและทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ จำนวน 59 รูป เนื่องในวันข้าราชการพลเรือน ครบรอบ 88 ปี ประจำปี 2559 โดยมี พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์ ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ข้าราชการประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และข้าราชการพลเรือนดีเด่นที่ได้รับเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติ เข้าร่วมพิธี

       จากนั้นในเวลา 09.45 น. นายวิษณุ เป็นประธานในพิธีมอบตราสัญลักษณ์ “ศูนย์ราชการสะดวก (GECC – Goverment Easy Contact Center)” แก่ ม.ล.ปนัดดา ดิศกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอำนวยการศูนย์ราชการสะดวก ซึ่งศูนย์ดังกล่าวทำหน้าที่แนะนำอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน

       ทั้งนี้ ม.ล.ปนัดดา กล่าวว่า ศูนย์ราชการสะดวกเป็นหน่วยงานที่ให้บริการประชาชนมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกโดยมีมาตรฐานระบบงานเชื่อมโยงการทำงานร่วมกัน ส่งมอบบริการด้วยใจเพื่อให้ประชาชนได้รับความสะดวก รวดเร็วและเข้าถึงง่าย โดยทำหน้าที่ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน เกิดการบริการที่มีประสิทธิภาพและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนที่เดินทางมาติดต่อราชการกับหน่วยงานของรัฐ ให้สอดคล้องกับการปฎิบัติงานตามพ.ร.บ.การอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของทางราชการพ.ศ. 2558 ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ทุกกระทรวง กรม และจังหวัด รวมทั้งรัฐวิสาหกิจที่เกี่ยวข้องกำหนดให้มีศูนย์ราชการสะดวกตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 1 ก.ย. 58 โดยการรับรองมาตรฐานการให้บริการของศูนย์ราชการ จะมีคณะกรรมการประเมินผล ซึ่งมีตัวแทนจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี โดยการพิจารณาจะต้องผ่านเกณฑ์การประเมินเพื่อรับรองมาตรฐาน ซึ่งจะต้องได้คะแนนอย่างน้อย 60 คะแนน จากเกณฑ์พื้นฐาน 40 คะแนน เกณฑ์ขั้นสูง 40 คะแนน และมีระยะเวลาการรับรองมาตรฐาน เป็นเวลา 3 ปี

       ด้านนายวิษณุ กล่าวว่า ความหมายของศูนย์ราชการสะดวก คือต้องอำนวยความสะดวกให้กับประชาชน ให้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เอาใจใส่กับผู้มารับบริการ จึงถือฤกษ์ดีในวันข้าราชการพลเรือน 1 เม.ย. เพื่อเปิดตัวสัญลักษณ์ ศูนย์ราชการสะดวก ซึ่งเป็นการกำหนดมาตรฐานการทำงานของหน่วยงานในการให้บริการ โดยเป็นส่วนหนึ่งที่รัฐทำงานร่วมกับประชาชน ตามแนวทางประชารัฐของนายกรัฐมนตรี โดยข้าราชการต้องทำงานให้เป็นไปตามความต้องการของประชาชนผู้มารับบริการ ในฐานะเจ้าของภาษีอากรของประเทศ ต้องดูแลเอาใจใส่ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีน้ำใจ และประพฤติตนโดยสุจริต เพราะที่ผ่านมาที่มีการสำรวจจากประชาชนโดยมีการพูดว่าข้าราชการชอบเก๊กท่า แต่เมื่อเปิดสะดวกแล้วตัวย่ออ่านได้ว่าเก๊ก (GECC) แต่เป็นการเก๊กที่ดี ทำให้ประชาชนได้รับความสะดวก ความเป็นธรรม ซึ่งจะมีการประเมินผลทำงานของข้าราชการว่าเป็นไปตามแนวทางหรือไม่

       ต่อมาเวลา 10.00 น. นายวิษณุ เป็นประธานในพิธีมอบเกียรติบัตรและเข็มเชิดชูเกียรติแก่ข้าราชการพลเรือนดีเด่น ประจำปี พ.ศ. 2558 ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบฯ

       นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงวันเลือกตั้งหากร่างรัฐธรรมนูญผ่านประชามติว่า ขณะนี้ไม่มีใครรู้ เพราะต้องมีการประกาศใช้พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญจำนวน 4 ฉบับก่อน โดยไม่ทราบว่าจะเสร็จเมื่อใด แต่ไม่ช้า เพราะต้องหยิบ 4 ฉบับที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งมาพิจารณาก่อนฉบับอื่น ๆ ซึ่งจะเสร็จในช่วง 1–2 เดือนแรก จากนั้นนำเข้าสู่การพิจารณาของสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 2 เดือน และส่งไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ ส่วนตัวเชื่อว่าไม่นาน เพราะมีวิธีที่จะประสานให้เร็วได้คือ ร่างไปส่งไป จากนั้นนำขึ้นทูลเกล้าฯ ตรงนี้จะต้องมีระยะเวลาที่สำนักราชเลขาธิการจะไปดำเนินการ เมื่อเสร็จครบ 4 ฉบับจะเริ่มนับหนึ่งภายในระยะเวลา 150 วัน ดังนั้น การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นได้ตามโรดแมปภายในปี 60 แต่จะมาคาดคั้นให้ได้ภายใน ก.ค.60 นั้น ไม่ได้

       ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ระบุว่าจะมีเซอร์ไพร์สในการเรื่องการทำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 4 ฉบับนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ตนหมายถึงกรณีที่มีคนคิดไปกันว่าทุกอย่างจะล่าช้าไปจนถึงปี 61 โดยไปคิดกันว่าต้องใช้เวลาทำพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญถึง 8 เดือน แต่ไม่ได้คิดว่า 4 ฉบับนั้นจะต้องเสร็จก่อน 8 เดือน ดังนั้น ตนถึงบอกว่าเขาได้เตรียมการอะไรกันไว้พอสมควรที่จะทำให้มันเร็ว แล้วมันอาจจะเร็วเกินกว่าที่คิด ตนจึงใช้คำว่าอาจจะมีเซอร์ไพร์ส เพราะถ้าเซอร์ไพร์สแล้วคนด่าเขาอาจจะไม่เซอร์ไพร์สก็ได้ ก็ปล่อยไปตามปกติ

       ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ได้มีการคิดเผื่อไว้หรือยังหากร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติจะทำอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ถ้าไม่ผ่านการลงประชามติจะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวปี 57 แน่ เพื่อระบุว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป โดยขณะนี้ยังคิดไม่ออก เอาไว้อีกสักพักคงจะรู้ ส่วนถ้ารู้แล้วคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเปิดเผยหรือไม่นั้นตนไม่ทราบ โดยการแก้ไขรัฐธรรมนูญชั่วคราวจะเกิดขึ้นหลังจากทราบผลการลงประชามติอย่างเป็นทางการแล้ว เพียงแต่ก่อนจะทราบผลจะมีแผนรองรับเอาไว้ก่อน ไม่ใช่ว่าทราบผลการลงประชามติวันที่ 10 ส.ค. แล้วจะต้องไปใช้เวลายกร่างรัฐธรรมนูญชั่วคราวฉบับแก้ไขเพิ่มเติมกันนาน เพราะเผลอ ๆ จะเข้าสนช.วันที่ 11 ส.ค.เลย ตนเชื่อว่าที่สุดแล้วกระบวนการที่จะทำต่ออย่างไรกับร่างขึ้นมาโดยอยู่บนพื้นฐานใหม่อย่างไร คงมีการเตรียมกันไว้ตั้งแต่อยู่ในช่วงที่คนไปลงประชามติกัน เพื่อให้เดินหน้าได้รวดเร็ว

       ต่อข้อถามที่ว่าขอบเขตการรณรงค์คว่ำร่างรัฐธรรมนูญ นายวิษณุ กล่าวว่า ต้องไปดูว่าร่างพ.ร.บ.ประชามติร่างรัฐธรรมนูญที่สนช.กำลังพิจารณาอยู่ ว่าเขียนไว้อย่างไรบ้าง ส่วนที่ใครหรือพรรคใดจะบอกไม่เห็นด้วยขณะนี้ก็ทำได้ ซึ่งการบอกจุดยืนของตัวเองและสมาชิกพรรคไม่มีอะไรผิดปกติ แต่ถ้อยคำนั้นจะต้องไม่โกหก บิดเบือน ไม่เป็นการให้สัญญาล่อลวง จูงใจ ให้สินบน จ้าง เพื่อให้ลงประชามติเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย

       นายวิษณุ กล่าวว่า สำหรับคำถามพ่วงในการทำประชามติเป็นเรื่องที่สนช.ที่ต้องตั้งคำถาม โดยจะคิดเองหรือเอามาจากสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) หรือเอามาผสมรวมกันเพียง 1 ข้อ ซึ่งไม่ต้องส่งมาให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ส่วนแนวคำถามนั้นตั้งได้หมดทุกอย่าง แต่ถ้าตั้งแล้วไปกระทบต่อหลักการไม่ว่าจะเป็นบทถาวรหรือบทเฉพาะกาล ต้องให้คณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ไปแก้ไขให้ตรงกับคำตอบที่ได้จากประชามตินั้นภายใน 30 วัน แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาเห็นว่าแก้ไขตรงแล้วก็นำขึ้นทูลเกล้าฯ

       ผู้สื่อข่าวถามว่า สนช.สามารถตั้งคำถามพ่วงที่แตกต่างจากเนื้อหาของร่างรัฐธรรมนูญได้หรือไม่ เช่น อยากให้ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ นายวิษณุกล่าวว่า สามารถทำได้หมด เขาถึงได้เขียนว่าถ้าต่างกันก็ต้องไปแก้ให้เข้ากับผลประชามติ เพราะประชามติใหญ่กว่าอย่างอื่น เรื่องบัตรเลือกตั้ง 1 ใบกรธ.เป็นคนคิด แม่น้ำ 4 สายท้วงไปเขายังไม่ยอมเลย แต่ถ้าคนเป็นล้านคิดให้เป็นอย่างอื่นก็ต้องปรับแก้