ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์คมชัดลึก
http://www.komchadluek.net/detail/20160407/225517.html
‘สุขุมพันธุ์’เอาจริง!ลุยจัดระเบียบมอเตอร์ไซค์ สั่งหน่วยงานออกแผนห้ามขึ้น’ทางเท้า’ ห่วงไฟป้ายรถเมล์ดับไม่ปลอดภัย เปิดชื่อถนน33สายทั่วกรุงห้ามรถบรรทุกน้ำ
เมื่อเวลา14.23 น. วันที่ 7 เม.ย.2559 ที่ห้องรัตนโกสินทร์ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร(กทม.)ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานในการประชุมหัวหน้าหน่วยงานกทม.ครั้งที่4/2559โดยม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าวตอนหนึ่งว่าในเรื่องการจัดเก็บป้ายโฆษณาผิดกฎหมาย การจัดระเบียบหายเร่แผงลอย การดำเนินการถนนสวยและการรื้อย้ายตู้โทรศัพท์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้กทม.กำลังเดินหน้าในเรื่องที่ถูกต้อง มีประชาชนชื่นชมมากโดยเฉพาะในเฟซบุ๊คของตนแต่มีความกังวลว่า สิ่งเหล่านี้ต้องดำเนินการต่อเนื่องและยั่งยืน อาทิ เรื่องป้ายโฆษณาผิดกฎหมายเมื่อกทม.ไปไล่เก็บไม่นานก็มีการมาติดใหม่ก็เปลืองทั้งแรงเปลืองทั้งเงิน จึงต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ ถ้าเริ่มทำดีแล้วก็ต้องทำดีต่อไป ส่วนเรื่องจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยจะปล่อยให้กลับเหมือนเดิมไม่ได้ ต้องใจแข็งต่อไป อย่างไรก็ตามขอให้เข้าใจตรงกันว่านโยบายจัดระเบียบทางเท้าเป็นสิ่งที่กทม.อยากดำเนินการมานานแล้ว แต่ที่เริ่มได้ในยุคนี้ทำให้กทม.ไม่เจอแรงเสียดทานและได้ทำในสิ่งที่ไม่คาดฝันว่าจะทำได้
“ต้องทำให้ดีต่อไปผมขอขอบคุณทุกฝ่ายที่ช่วยกันลดแรงเสียดทานตรงนี้ และต้องใช้ช่วงเวลานี้เป็นประตูแห่งโอกาสในการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอยให้ดีที่สุด ขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่มีประชาชนร้องเรียนในเฟซบุ๊คผมมากคือเรื่องคนขับมอเตอร์ไซค์บนทางเท้า ซึ่งที่ผ่านมายพยานามแก้ไขแล้ว แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายจึงขอให้ทุกฝ่ายไปคิดว่าจะเดินหน้าเรื่องนี้ได้อย่างไร ถ้าจัดระเบียบผู้อื่นแล้วก็ต้องจัดระเบียบมอเตอร์ไซค์ได้ด้วย”ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์กล่าว
ด้านพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง รองผู้ว่าฯกทม.ในฐานะกำกับดูแลสำนักเทศกิจกล่าวว่า“เรื่องนี้กำลังเทศกิจน้อย จึงขอให้ฝ่ายทหารเข้าไปช่วยดูแลด้วย เพราะถ้าเทศกิจเข้าไปแล้วไม่กลัว”
ห่วงไฟป้ายรถเมล์ดับไม่ปลอดภัย
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่าไฟส่องสว่างถือเป็นอุปกรณ์ดูแลความปลอดภัยแก่ประชาชน จึงมีความเป็นห่วงในจุดที่ยังไม่มีไฟส่องสว่าง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงภัย จึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งสำรวจติดตั้งโดยเร็วที่สุด นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงบริเวณศาลาที่พักผู้โดยสารชั่วคราวประมาณ200หลังที่ยังไม่มีไฟสองสว่าง จึงขอให้หาวิธีดูแลความปลอดภัยให้กับประชาชนรวมทั้งให้ประสานองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.)ในการกำหนดจุดตั้งศาลาที่พักผู้โดยสารเพื่อกำหนดแนวทางดูแลความปลอดภัยไปพร้อมกัน ส่วนกรณีที่พักผู้โดยสารที่มีปัญหาไฟดับ เนื่องจากข้อพิพาทในสัญญาสัมปทานกับบริษัทเอกชนในการดูแลซ่อมบำรุงป้ายรถเมล์นั้นมีการแก้ไขเรียบร้อยแล้วหรือยัง
นายประสาร พิทักษ์วรรัตน์ ผู้อำนวยการสำนักการโยธา กล่าวในที่ประชุมว่า สำนักการโยธาร่วมกับสำนักงานเขต50เขต จัดโครงการติดตั้งไฟสองสว่างในพื้นที่เสี่ยงภัยจำนวน20,000ดวง โดยดำเนินการมาตั้งแต่ปี2556ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จภายใน3ปี ล่าสุดขณะนี้ติดตั้งไปแล้วจำนวน23,441ดวง คิดเป็นร้อยละ117เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ นอกจากนี้ยังได้เปลี่ยนหลอดไฟบริเวณสะพานลอยให้เป็นหลอดแอลอีดีจำนวน2,600ดวง รวมขณะนี้ในพื้นที่กรุงเทพฯมีหลอดไฟแอลอีดีประมาณ5,000ดวง อย่างไรก็ตามเพื่อให้การปรับปรุงซ่อมแซมไฟฟ้าส่องสว่างเป็นไปด้วยความรวดเร็ว สำนักการโยธาได้ลงนามความร่วมมือหรือเอ็มโอยูกับการไฟฟ้านครหลวง(กฟน.)ในการลดขั้นตอนประสานงานให้ทางกฟน.เข้ามาซ่อมแซมหลอดไฟให้เร็วที่สุด เพื่อไม่ให้กระทบกับความปลอดภัยของประชาชน นอกจากนี้ยังได้ให้สำนักงานเขต50เขตส่งเจ้าหน้าที่เขตละ5คนเข้ารับการอบรมการซ่อมแซมไฟส่องสว่างกับกฟน.เพื่อให้การซ่อมแซมหลอดไฟที่ชำรุดรวดเร็วยิ่งขึ้น
ด้านนายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่งกทม.กล่าวว่ าขณะนี้ได้ยกเลิกสัญญากับบริษัทเอกชนที่มีข้อพิพาทแล้ว พร้อมส่งหนังสือแจ้งกับเอกชนและอยู่ระหว่างรอหนังสือตอบรับจากเอกชนส่วนศาลาที่พักผู้โดยสารได้รับการซ่อมแซมไฟส่องสว่างทุกจุดเรียบร้อยแล้ว
หวั่นสังคมออนไลน์ถล่มสั่งเขตเร่งจัดเก็บขยะตกค้าง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า เทศกาลสงกรานต์ปีนี้ ประเทศไทยอยู่ในปัญหาภัยแล้ง กทม.จึงไม่จัดงาที่ไม่ใช่น้ำมาก ก็เป็นโอกาสดีให้มีการรณรงค์ ทรงน้ำพระ ทำบุญ แต่ที่สำคัญต้องดูแลความปลอดภัยของประชาชน ขอให้สำนักที่เกี่ยวข้อง อาทิ สำนักเทศกิจ สำนักการแพทย์ สำนักการจราจรและขนส่ง ให้ดำเนินการดูแลในพื้นที่จัดกิจกรรมสงกรานต์ โดยให้ประสานงานกับตำรวจ ทหาร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะกทม.มีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยประชาชน จึงขอให้มีการอยู่ทำงานในช่วงนั้นอย่างเต็มที่ซึ่งตนขอขอบคุณล่วงหน้าไว้ด้วย นอกจากนี้ ในปัญหาภัยแล้งยังต้องรองรับปัญหาฝนตกหนักไว้ด้วย โดยการดูแลจุดเสี่ยง ทั้งการขุดลอกคูคลอง ทำความสะอาดท่อระบายน้ำอย่างต่อเนื่อง
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันในเรื่องทำความสะอาดขอให้ทุกสำนักเขตและสำนักสิ่งแวดล้อม ดำเนินการแก้ไขปัญหาขยะมูลฝอย โดยเน้นไปที่เขตพระราชทาน หรือพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเที่ยวเป็นจำนวนมาก ขอให้มีการจัดเก็บขยะไม่ให้มีการตกค้าง อีกทั้งกำชับผู้ค้าหาบเร่ แผงลอยให้ช่วยกันดูแลสถานที่ ต้องมีการดูแลความสะอาดให้เรียยร้อย หากมีจุดใดสกปรก หรือมีขยะอยู่ อาจจะมีการวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม โดยเฉพาะสังคมออนไลน์สามารถกระจายภาพได้อย่างรวดเร็ว เพราะในที่สุดความรับผิดชอบก็ตกอยู่ที่กทม. จึงขอให้ช่วยกันบริการจัดการและแก้ปัญหา ก่อนที่จะเป็นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์กัน
เปิดชื่อถนน33สายทั่วกรุง ห้ามรถบรรทุกน้ำ
นางผุสดี ตามไท รองผู้ว่าฯกทม. เป็นประธานแถลงข่าวรณรงค์การจัดงานสงกรานต์ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ปี 2559 ว่า เทศกาลสงกรานต์เป็นประเพณีการเฉลิมฉลองวันขึ้นปีใหม่ของไทยที่ถือปฏิบัติมาแต่โบราณ ซึ่งในครั้งนี้กทม.ได้รณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ เพื่อให้ประชาชนได้เล่นน้ำอย่างปลอดภัยและมีความสุข โดยในปีนี้กทม.คุมเข้มมาตรการ 5 ป ประกอบด้วย 1.ปลอดปืนฉีดน้ำแรงดันสูง 2.ปลอดแป้ง 3.ปลอดภัยไร้แอลกอฮอล์ 4.ปลอดโป๊ และ5.ประหยัดน้ำ ในพื้นที่จัดงานสงกรานต์ทุกแห่ง ทั้งนี้ ในวันที่ 8 เม.ย. เวลา 17.00 น. กทม.จะร่วมกับภาคีเครือข่ายลงพื้นที่รณรงค์สงกรานต์ปลอดภัย ไร้แอลกอฮอล์ ที่ถนนข้าวสาร เพื่อขอความร่วมมือร้านค้าไม่ขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์แก่ประชาชนและนักท่องเที่ยวในพื้นที่จัดงานสงกรานต์ อีกทั้งกระตุ้นให้เจ้าของสถานประกอบการและนักท่องเที่ยวตระหนักถึงอันตรายจากการดื่มแอลกอฮอล์ ที่สำคัญจะประชาสัมพันธ์ข้อบังคับตามพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.2551 และประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่อง กำหนดสถานที่หรือบริเวณห้ามบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทาง พ.ศ.2555
นางผุสดี กล่าวต่อว่า นอกจากนี้สำนักอนามัยจะสุ่มตรวจสถานประกอบอาหารในกลุ่มร้านอาหาร ตลาดมินิมาร์ท ซุปเปอร์มาร์เก็ต แผงลอยจำหน่ายอาหาร และสถานีขนส่งหมอชิต เพื่อเป็นการเฝ้าระวังคุณภาพอาหารให้มีความสะอาด ถูกสุขลักษณะ อีกทั้งจัดหน่วยสาธารณสุขเคลื่อนที่ให้ความรู้ คำปรึกษา ดูแลสุขภาพ และการปฐมพยาบาล ที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (หมอชิต) และจัดกิจกรรมรณรงค์ทำความสะอาดส้วมสาธารณะในช่วงก่อนเทศกาลสงกรานต์ 2559 นี้ ขณะเดียวกันสำนักเทศกิจ เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหาร และทีมกู้ชีวิต จะตั้งจัดจุดอำนวยความสะดวกและรักษาความปลอดภัยเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-17 เม.ย. รวมจำนวน 6 จุดซึ่งเป็นเส้นทางเข้า-ออกกรุงเทพฯ ประกอบด้วย จุดที่ 1 บริเวณฟุตบาทหน้าปั๊ม PT ถนนเพชรเกษม ฝั่งขาออก เขตหนองแขม จุดที่ 2 บริเวณปั๊มน้ำมันคาลเท็กซ์ แยกฉิมพลี ถนนบรมราชชนนี ฝั่งขาออก เขตทวีวัฒนา จุดที่ 3 บริเวณปั๊มน้ำมันเชลล์ ถนนพระราม 2 ฝั่งขาออก เขตบางขุนเทียน จุดที่ 4 บริเวณใกล้ SB เฟอร์นิเจอร์ ถนนบางนา ฝั่งขาออก เขตบางนา จุดที่ 5 บริเวณคลังน้ำมัน ถนนวิภาวดี ฝั่งขาออก เขตดอนเมือง และจุดที่ 6 บริเวณสะพานเข้าสนามฟุตซอล บางกอกอารีน่า ถนนสุวินทวงศ์ เขตหนองจอก
“สำหรับประชาชนผู้ที่สัญจรผ่านจุดดังกล่าว สามารถแวะเข้าไปพักใช้บริการในจุดอำนวยความสะดวกฯ ที่กทม.จัดเตรียมไว้ให้ประชาชนโดยไม่คิดค่าบริการ ประกอบด้วย การบริการน้ำเย็น ผ้าเย็น กาแฟ ลูกอม บริการตรวจซ่อมรถที่มีปัญหา โดยกองโรงงานช่างกล บริการรถลาก รถยก โดยสำนักการโยธา มีเจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยของสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยคอยให้ความช่วยเหลือประชาชน และรถพยาบาลประจำจุดตรวจ นอกจากนี้ยังร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตรวจวัดแอลกอฮอล์ ตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ขับขี่รถโดยสาร รถขนส่ง รถกะบะ”นางผุสดี กล่าว
นางผุสดี กล่าวอีกว่า ทั้งนี้ กองบัญชาการตำรวจนครบาล บช.น. ได้ออกข้อบังคับเจ้าพนักงานจราจรในกรุงเทพฯ ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ตั้งแต่วันที่ 13-17 เม.ย.เป็นการชั่วคราว โดยห้ามรถยนต์ที่บรรทุกภาชนะบรรจุน้ำหรือบรรทุกอุปกรณ์การเล่นสาดน้ำ หรือคนโดยสารเพื่อการเล่นสาดน้ำสงกรานต์ และห้ามจอดรถเปิดเครื่องเสียงดังเพื่อให้คนเต้นบนรถยนต์หรือริมถนน จำนวน 33 เส้นทาง ตั้งแต่ เวลา 10.00-22.00 น. ประกอบด้วย 1.ถนนข้าวสาร 2.ถนนจักรพงษ์ 3.ถนนบวรนิเวศ 4.ถนนสามสิบห้าง 5.ถนนตะนาว 6.ถนนราชินี ตั้งแต่แยกราชินี ตัดถนนหน้าพระธาตุ ถึงถนนราชินี ตัดถนนพระอาทิตย์ 7.ถนนพระอาทิตย์ 8.ถนนพระสุเมรุ ตั้งแต่แยกวันชาติ ถึงป้อมสุเมรุ 9.ถนนสามเสน ตั้งแต่แยกบางขุนพรหม ถึงแยกบางลำพู 10.ถนนราชดำเนินกลาง ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย 11.ถนนราชดำเนินใน ตั้งแต่แยกผ่านพิภพลีลา ถึงแยกป้อมเผด็จดัสกร 12.ถนนหน้าพระลาน ตั้งแต่แยกป้อมเผด็จดัสกร ถึงแยกท่าช้าง 13.ถนนสุทธิสารวินิจฉัย ตั้งแต่แยกสุทธิสาร ถึงแยกรัชดา-สุทธิสาร 14.ถนนประชาสุข ตั้งแต่ปากซอยอินทรามระ 59 ถึงแยกประชาสุข 15.ถนนสายไหม
นางผุสดี กล่างด้วยว่า 16.ถนนหทัยราษฎร์ ตั้งแต่แยกหทัยราษฎร์ตัดถนนสุวินทวงศ์ ถึงสะพานคลองหนึ่งตะวักตก 17.ถนนโชคชัย 4 18.ถนนลาดพร้าว-วังหิน 19.ถนนนาคนิวาส 20.ถนนสังคมสงเคราะห์ 21.ถนนสีลม ตั้งแต่แยกศาลาแดง ถึงแยกนรารมย์ 22.ถนนพระราม 4 ตั้งแต่แยกศาลาแดง ถึงแยกวิทยุ 23.ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งแต่แยกนราธิวาสราชนครินทร์ ถึงแยกนรารมย์ 24.ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งแต่แยกนรารมย์ ถึงแยกเดโช-สุรวงศ์ 25.ถนนสุรวงศ์ ตั้งแต่แยกอังรีดูนังต์ ถึงแยกเดโช-สุรวงศ์ 26.ถนนทรัพย์ 27.ถนนสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่แยกอรุณอัมรินทร์ ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า 28.ถนนสุขสวัสดิ์ ตั้งแต่แยกพระราม 2 ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร 29.ถนนประชาอุทิศ ตั้งแต่แยกประชาอุทิศ ถึงปากซอยประชาอุทิศ 69 30.ถนนราษฎร์บูรณะ ตั้งแต่สะพานข้ามคลองบางปะแก้ว ถึงสุดเขตกรุงเทพมหานคร 31.ถนนพุทธบูชา ตั้งแต่แยกนาหลวง ถึงแยกกำนันธารทิพย์ 32.ถนนวุฒากาศ ตั้งแต่แยกจอมทอง ถึงสุดถนนวุฒากาศ 33.ถนนทวีวัฒนา ตั้งแต่ถนนทวีวัฒนาตัดถนนเพชรเกษม ถึงสะพานข้ามคลองบางไผ่
“นอกจากนี้ ได้กำหนดถนนบางสายให้เดินรถทางเดียวในวันที่ 13-15 เม.ย. ประกอบด้วย ถนนพระสุเมรุ จากแยกบางลำภู มุ่งหน้าสะพานวันชาติ และซอยพหลโยธิน 58 (แอนเน็กซ์) จากด้านถนนเลียบคลองสองมุ่งหน้าถนนพหลโยธิน ตั้งแต่เวลา 12.00-18.00 น. ทั้งนี้ หากมีการฝ่าฝืนนำ รถบรรทุกน้ำเข้าไปยังถนนที่มีการออกข้อบังคับจะถือว่ากระทำผิดกฎจราจรมีโทษฐานฝ่าฝืนคำสั่งเจ้าพนักงานจราจรมี”นางผุสดี กล่าว
หวั่นภัยแล้งขยายวงกว้างสั่งเขตเร่งแก้ปัญหาใกล้ชิด
ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้รับทราบรายงานปัญหาภัยแล้งในเขตต่างๆ จากปัญหาน้ำเค็ม ปัญหาขาดแคลนน้ำ หรือปัญหาน้ำเค็ม อาทิ เขตหนองจอก ลาดกระบัง บางแค บางเขน คลองสามวา ภาษีเจริญ บางคอแหลม บางกอกใหญ่ บางพลัด โดยที่ผ่านมาได้มีการช่วยเหลือประชาขนที่ได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การจ่ายเงินช่วยเหลือให้กับเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากน้ำเค็ม หรือการส่งรถขนน้ำเข้าไปบรรเทาปัญหาในพื้นที่ อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ ได้กำชับในที่ประชุมโดยให้สำนักงานเขตเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ไม่ให้ปัญหาขยายวงกว้างออกไป โดยเฉพาะในช่วงฝนยังไม่ตก และในพื้นที่ทำเกษตรกรรมในฝั่งกรุงเทพฯตะวันออกและกรุงเทพฯตะวักตก
ด้านนายแพทย์พีระพงษ์ สายเชื้อ ปลัดกทม. กล่าวว่า ขณะนี้พบว่าในหลายคลองเริ่มมีน้ำสีดำ จึงอยากให้สำนักการระบายน้ำลองพิจารณาเพื่อหาระบบผลักดันโดยใช้น้ำเค็มนำมาแก้ปัญหา เพราะขณะนี้น้ำในเขื่อนน้อยมาก ซึ่งปัญหาภัยแล้งกับน้ำท่วมจะเป็นปัญหากทม.ต่อไปในอนาคต อีกทั้งเรื่องป้ายต่างๆขอให้เขตดูแลอย่างจริงจัง ขณะเดียวกันพื้นที่รกร้าง ขอให้สำนักการโยธาหาแนวทางเวนคืนได้หรือไม่ เพื่อจะนำมาทำประโยชน์หรือแก้มลิง โดยเฉพาะพื้นที่ฝั่งตะวันออกจะพบเห็นจำนวนมาก ขณะเดียวกันในช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. อาจจะมีการประกาศภัยพิบัติในบางพื้นที่ ขอให้สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเตรียมหลักเกณฑ์ไว้พร้อมช่วยเหลือประชาชนด้วย
