วันที่ 6 เม.ย.59 เวลา 09.30 น. ที่ทำการพรรคภูมิใจไทย ถนนพหลโยธิน มีการจัดทำบุญครบรอบวันเกิดก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ของการก่อตั้งพรรค ซึ่งตรงกับวันที่ 6 เม.ย.ของทุกปี โดยมีนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย พร้อมด้วยแกนนำคนสำคัญของพรรคภูมิใจไทยเข้าร่วมงาน อาทิ นายชัย ชิดชอบ สมาชิกสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ(สปท.) และอดีตประธานรัฐสภา นายสรอรรถ กลิ่นประทุม ประธานที่ปรึกษาพรรค นายทรงศักดิ์ ทองศรี รองหัวหน้าพรรค นายโสภณ ซารัมย์ รองหัวหน้าพรรค นายธีรชัย แสนแก้ว นายศุภชัย ใจสมุทร รองเลขาธิการพรรค พร้อมบรรดาสมาชิกและอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคร่วมงานอย่างคับคั่ง

          โดยในพิธีสงฆ์ได้นิมนต์พระ 9 รูป โดยมีสมเด็จพระวันรัต เจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร เป็นประธานพิธีสงฆ์ อย่างไรก็ตามช่วงเช้าได้มีตัวแทนพรรคการเมืองมาแสดงความยินดี ประกอบด้วย นายจุติ ไกรฤกษ์ เลขาธิการพรรค นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ตัวแทนพรรคประชาธิปัตย์ นายสามารถ แก้วมีชัย นายอุดมเดช รัตนเสถียร นายวัฒนา เมืองสุข นายสุรชาติ เทียนทอง นายไพจิต ศรีวรขาน ตัวแทนพรรคเพื่อไทยมี รวมถึงพรรคชาติไทยพัฒนาได้ให้ตัวแทนนำกระเช้าดอกไม้มาแสดงความยินดีด้วย

          นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ถึงกลยุทธ์ของพรรคภูมิใจไทยในการก้าวเข้าสู่ปีที่ 8 ว่า ในช่วงการลงพื้นที่พรรคได้วางกลยุทธ์แบบยั่งยืนและไม่ซับซ้อน โดยวางนโยบายหลัก 4 ด้านของพรรค ประกอบด้วย 1.ปัญหาปากท้องของประชาชน 2.ปัญหาเศรษฐกิจ 3.การไม่รับความไม่สะดวกของผู้ประกอบกิจการ และ 4.ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งทั้ง 4 ข้อ จะเป็นนโยบายหลักไม่ว่าจะหาเสียงกี่ครั้ง อย่างไรก็ตามพรรคภูมิใจไทยพร้อมให้การสนับสนุนแก่รัฐบาล คณะที่เข้ามาปกครองประเทศในปัจจุบันเพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตยกลับคืนประเทศให้เร็วที่สุด ซึ่งพรรคมีความเชื่อมั่นอย่างนั้น

          ผู้สื่อข่าวถามความเห็นถึงร่างรัฐธรรมนูญที่กำลังจะทำประชามติ นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคจะฟังเสียงประชาชนไม่ว่าประชามติจะออกมาอย่างไร ทั้งเห็นหรือไม่เห็นชอบ ก็พร้อมปฏิบัติตามข้อกำหนด กฎเกณฑ์ที่กำหนดในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทุกประการ และพร้อมในทุกสถานการณ์ เพราะเราเป็นนักกีฬา เราไม่ได้เป็นคนเขียนกติกา เมื่อมีกติกาออกมาแล้วก็เป็นหน้าที่เราปฏิบัติตามกติกา ไม่เช่นนั้นก็แข่งกันไม่ได้ ถ้าใครไม่พร้อมแข่งก็ไม่ต้องลง ถ้าใครพร้อมแข่งก็เสนอตัว ทั้งนี้ จากการศึกษาคร่าวๆ ร่างรัฐธรรมนูญไม่น่ามีปัญหาอะไรสำคัญ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยพร้อมจะเสนอตัวให้เป็นทางเลือกของประชาชนในการเลือกตั้งครั้งต่อไป ซึ่งหวังว่าจะเป็นไปตามโรดแม็พของหัวหน้า คสช.

          เมื่อถามถึงช่วงเปลี่ยนผ่าน 5 ปีที่เขียนไว้ในบทเฉพาะกาลพรรคภูมิใจไทยเห็นด้วยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า โน พร็อบเพล็ม เพราะต้องทำการกติกา ที่บ้านเมืองวุ่นวายอยู่ทุกวันนี้ เนื่องจากต่างคนต่างสร้างกติกาของตนเอง แล้วต้องการให้กติกานั้นไปเอื้อของแต่ละฝ่าย ซึ่งจะไม่เหมือนกัน เพราะทุกคนก็อยากได้กติกาที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายตนเอง ถ้ามัวแต่เล่นกันไปเล่นกันมาทำให้ประเทศไทยมาอยู่จุดนี้ กรุงโรมไม่ได้สร้างในวันเดียว ต้องค่อยๆ สร้าง การเลือกตั้งครั้งต่อไป รัฐบาลอาจมีอายุไม่นานก็ได้ เพราะว่าต้องมีการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ และก็ต้องมีการเลือกตั้งครั้งต่อไป ยิ่งมีการเลือกตั้งมากครั้งก็ยิ่งดี เพราะทำให้ทุกคนตื่นตัว ประชาชนมีทางเลือกและจะได้ตัดสินใจให้กับตัวเองและประเทศชาติได้

          เมื่อถามว่า ระบบการเลือกตั้งแบบใหม่ดูเหมือนจะเอื้อให้พรรคขนาดกลางและให้มีการเสนอชื่อผู้สมควรเป็นนายกฯ 3 คน ในการหาเสียงเลือกตั้ง ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยพร้อมประกาศตัวชิงนายกฯหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่เคยคิดจะเสนอชื่อคนอื่น พรรคภูมิใจไทยคงเสนอชื่อหัวหน้าพรรค คงไม่มีชื่ออื่น และตรงนี้เป็นเรื่องของพรรคไม่ใช่เรื่องของคนนอก ฉะนั้นทุกอย่างก็จะเป็นการตัดสินใจของหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญสำหรับพรรคภูมิใจไทย เพราะกติกาในระบอบประชาธิปไตยของพรรคการเมือง ระบบเลือกตั้งก็ชัดเจนอยู่แล้วว่าหัวหน้าพรรค ต้องได้รับการเสนอชื่อให้ได้รับตำแหน่งสำคัญๆ ซึ่งพรรคภูมิใจไทยไม่คิดว่าเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นตัวแปรได้ ส.ส.มากหรือน้อย เพราะพรรคจะทำให้ดีให้ดีที่สุด และสามารถอธิบายตัวเอง สมาชิกพรรค หรือคนในครอบครัวได้ว่าไม่ว่าผลออกมาอย่างไรก็เกิดจากการกระทำ ความคิด ความพยายามที่ดีที่สุดของทุกคนในพรรค ดังนั้นผลออกมาอย่างไรก็พร้อมยอมรับ

          “ผมยืนยันว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่เป็นปัญหาให้บ้านเมือง และไม่เป็นทางตันที่พรรคภูมิใจไทย อะไรที่เป็นประโยชน์ของบ้านเมือง ของพี่น้องประชาชน และประโยชน์ส่วนตัวเราเอาด้วยหมด จะไม่มีการไปล็อกอะไรกับใครหรือไปอิงกับใคร เพราะเราเป็นตัวของตัวเอง ถ้าเราต้องไปอิงกับคนนั้นคนนี้คงไม่แยกตัวมาตั้งพรรคใหม่เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว ซึ่งการที่ทหารเข้ามาถือเป็นการลดความขัดแย้งและเมื่อถึงเวลาก็คืนอำนาจให้ ดังนั้นเราต้องเรียนรู้บทเรียนในอดีตและประคับประคองสถานการณ์ให้ได้ ซึ่งผมยังมั่นใจว่าทุกรัฐบาลและรัฐบาลปัจจุบัน ก็เข้ามาสร้างความมั่นคงให้กับประเทศ และหลังการเลือกตั้งผมก็เชื่อว่านายกฯคนปัจจุบันเข้ามาเพื่อวางรากฐานให้ดี เพื่อให้รัฐบาลหลังเลือกตั้งสามารถบริหารบ้านเมืองไปในทิศทางที่ดีได้ เพราะบทเรียนที่ผ่านมามีคุณค่าสูงมาก อยากให้มองถึงประโยชน์ส่วนรวม อย่านึกถึงประโยชน์ส่วนตัว ต้องทำให้ประเทศมีทางออก” นายอนุทิน กล่าว

          เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีข้อเสนอแนะเกี่ยวกับเนื้อหาในร่างรัฐธรรมนูญหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ไม่มีข้อเสนอ เพราะถ้าติติงไปจะมีการแก้ให้หรือไม่ ฉะนั้นอย่าไปทำให้ช้า ประชาชนจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของบ้านเมือง เพราะต้องฟังเสียงประชาชนมากกว่า เมื่อถามว่า ที่มีการมองกันว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่เน้นให้พรรคการเมืองหาเสียงในเชิงนโยบายประชานิยมจะกระทบกับพรรคหรือไม่นั้น นายอนุทิน กล่าวว่า พรรคภูมิใจไทยเน้นทำให้ประเทศชาติและประชาชนเข้มแข็ง ขอเพียงอย่าโกง ถ้างบประมาณลงไปเพื่อบ้านเมือง ตนก็มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลทางลบ และถ้าพรรคมีโอกาสก็พร้อมที่จะเข้ามาอุ้มประเทศให้สูงขึ้น ต้องยอมรับว่าไม่มีใครได้อะไรทุกอย่าง แต่ต้องอยู่ด้วยกันให้ได้ โดยขอให้ทุกคนนำบทเรียนที่ผ่านมา แล้วจะเห็นว่าความคิดเห็นที่ต่างคนต่างเอาชนะคะคานกันไม่เป็นผลดี