ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/586491
โดย หมอดื้อ 6 มี.ค. 2559 05:01

ผลของดนตรีต่อการพัฒนาศักยภาพทางสมองของเด็ก (Domain–specific and domain–general effects of musical experience in young children)
ปัจจุบันเป็นที่ประจักษ์กันดีถึงผลจากประสบการณ์ด้านดนตรี ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของบทเรียนวิชาดนตรีหรือการฟังดนตรีทั่วไปในชีวิตประจำวัน ว่าไม่ได้มีผลต่อการพัฒนาศักยภาพเฉพาะด้านดนตรีอย่างเดียว ยังรวมถึงการพัฒนาในการเรียนรู้ในด้านอื่นๆ
ซึ่งสามารถวัดได้จากคะแนนการทดสอบไอคิว (IQ test) ที่สูงขึ้นในกลุ่มเด็กโตและผู้ใหญ่
ผลของดนตรีต่อการพัฒนาศักยภาพทางสมองในกลุ่มเด็กเล็กและเด็กก่อนวัยเรียน ทั้งในกรณีที่ได้รับประสบการณ์ด้านดนตรีผ่านทางรูปแบบของบทเรียนวิชาดนตรีและการฟังดนตรีทั่วไปในชีวิตประจำวัน พบว่าเด็กเล็กเหล่านี้มีความสามารถในการแยกแยะโครงสร้างของระดับเสียงมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไประยะหนึ่ง
โดยเด็กเล็กในกลุ่มที่มีอายุอยู่ในขวบปีแรก สามารถแยกแยะเสียงพ้องและเสียงไม่พ้อง (consonance and dissonance) ได้ ในขณะที่เด็กเล็กในกลุ่มก่อนวัยเรียนสามารถ แยกเสียงตามโน้ตดนตรีได้อย่างถูกต้อง นอกจากนี้ ยังพบว่าเด็กเล็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี ยังไม่มีความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืน ของเสียงประสาน (sensitivity to harmonic structure) ไม่ว่าจะเด็กจะเคยได้รับประสบการณ์ดนตรีในรูปแบบใดมาก่อนก็ตาม
กรณีหลังนี้เอง นำมาสู่คำถามในการวิจัยต่อมา กล่าวคือ การพิสูจน์ว่าความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืนของเสียงประสาน สามารถจะพัฒนาขึ้นในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 6 ขวบ โดยผ่านทางประสบการณ์ด้านดนตรีในรูปของบทเรียนดนตรีพิเศษได้หรือไม่
ในการศึกษาต่อยอดนี้ กลุ่มผู้วิจัยได้ทำการเปรียบเทียบความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืนของเสียงประสานระหว่างกลุ่มตัวอย่างที่เป็นเด็กอายุ 3-5 ขวบที่ได้รับประสบการณ์ด้านดนตรีผ่านทางบทเรียนดนตรีพิเศษ และกลุ่มที่ไม่ได้รับบทเรียนดนตรีดังกล่าว
ผลการศึกษาแสดงให้เห็นว่า กลุ่มตัวอย่างที่ได้รับประสบการณ์ด้านดนตรีผ่านทางบทเรียนดนตรีพิเศษมีความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืนของเสียงประสานเหนือกว่าเด็กในอีกกลุ่มอย่างมีนัยสำคัญ
ดังนั้นทางกลุ่มจึงสรุปว่า ความสามารถในการรับรู้ความกลมกลืนของเสียงประสาน สามารถพัฒนาได้ในเด็กเล็กโดยผ่านบทเรียนดนตรีพิเศษ นอกจากนี้ยังได้มีการติดตามศักยภาพของเด็กเล็กเหล่านี้เมื่อได้รับประสบการณ์ดนตรีต่างๆเพิ่มขึ้นผล ของการติดตามดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ดนตรียังส่งผลต่อการพัฒนาศักยภาพของเด็กในการรับรู้ด้านอื่นๆ อีกด้วย
การเพิ่มศักยภาพของสมองระหว่างการเล่นดนตรีและการฟังดนตรี ในการฝึกซ้อมดนตรีนั้น จำเป็นต้องอาศัยการทำงานที่ประสานกันระหว่างสมองส่วนที่ทำหน้าที่เฉพาะขั้นสูงและสมองส่วนที่ทำหน้าที่พื้นฐานในการได้ยินและการเคลื่อนไหว
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ในระหว่างการฝึกซ้อมดนตรีและการฟังดนตรีซึ่งเกิดร่วมไปพร้อมๆกันนั้น ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์แบบใดในสมองส่วนต่างๆที่เกี่ยวข้อง
ในการศึกษาก่อนหน้านี้พบว่า การฝึกฟังดนตรีเพื่อแยกแยะเสียงต่างๆ (simple training in listening discrimination) ช่วยเพิ่มศักยภาพในการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการได้ยิน ซึ่งแสดงให้เห็นได้จากการพบสัญญาณคลื่นไฟฟ้าสมองชนิดที่เรียกว่า “Mismatch Negativity Response (MMN)” จากการตรวจด้วย เครื่องมือ magnetoence phalography (MEG)
คำถามต่อมาคือ ผลของการ เรียนรู้ซึ่งอาศัยบริเวณที่แตกต่างกันของสมอง ก่อให้เกิดปฏิสัมพันธ์อย่างไรในสมอง และปฏิสัมพันธ์นี้มีผลต่อการจัดระเบียบและพัฒนาศักยภาพการทำงานของสมอง ส่วนที่เกี่ยวข้องหรือไม่ อย่างไร
ในการตรวจวัดเพื่อเปรียบ เทียบการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับความจำซึ่งสัมพันธ์กับการได้ยิน (auditory memory) ในกลุ่มตัวอย่างที่ไม่ใช่นักดนตรี ในขณะที่กำลังทำการฝึกซ้อมดนตรีเทียบกับการฝึกฟังดนตรีเพื่อแยกแยะเสียง
ผลการวิจัยแสดงให้เห็นว่า การฝึกซ้อมดนตรีนั้นสามารถกระตุ้นให้เกิดปฏิสัมพันธ์ภายในสมองซึ่งเอื้อให้เกิดการจัดระเบียบและพัฒนาศักยภาพการทำงานของสมองส่วนที่เกี่ยวข้อง มากกว่ากลุ่มที่มีการฝึกฟังดนตรีเพื่อแยกแยะเสียงอย่างมีนัยสำคัญ.
หมอดื้อ

