สวนผลไม้รอวันยืนต้นตาย เงาะ-ทุเรียน-มังคุดสุดทนร้อน-แล้ง

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

http://www.thairath.co.th/content/608075

โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 20 เม.ย. 2559 06:40

 

ทั้งแล้งทั้งร้อน สวนผลไม้ภาคตะวันออกรอวันยืนต้นตาย เกษตรกรลงทุนซื้อน้ำต่ออายุ แต่หลายสวนแบกภาระไม่ไหว ถ้าเดือนนี้ไม่มีฝน เชื่อตายหยังเขียด ด้าน กฟผ.เผยวันที่ 19 เม.ย. ใช้ไฟพีคทำลายสถิติ ปีนี้มาทั้งเร็วทั้งแรงกว่าที่คาด โพลชี้ภัยแล้งดันสินค้า 9 รายการ ปรับขึ้นราคา ทำผู้มีรายได้น้อยภาระพุ่ง

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมวิชาการเกษตร เปิดเผยว่า สถานการณ์ภัยแล้งในปัจจุบันส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อชาวสวนไม้ผลในพื้นที่ภาคตะวันออกหลายราย ทั้งทุเรียน เงาะ และมังคุด โดยเฉพาะพื้นที่จังหวัดจันทบุรี ระยอง และตราด ซึ่งขณะนี้เกษตรกรหลายรายต้องลงทุนซื้อน้ำเพื่อต่ออายุไม้ผล ขณะที่มีอีกหลายสวนแบกรับภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวต้องปล่อยให้ต้นไม้ขาดน้ำและรอวันยืนต้นตาย อย่างไรก็ตาม ถ้าภายในเดือน เม.ย.ไม่มีฝนตกลงมา คาดว่าสวนไม้ผลหลายแห่งจะได้รับความเสียหายอย่างหนัก และเกษตรกรมีความเสี่ยงสูงที่จะขาดทุน

นายสุนชัย คำนูณเศรษฐ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 เม.ย.ที่ผ่านมา ณ เวลา 14.17 น. ปริมาณการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีค) ของประเทศไทยอยู่ที่ 28,351.7 เมกะวัตต์ ทำลายตัวเลขการใช้ไฟฟ้าสูงสุดในปีนี้เป็นครั้งที่ 2 จากพีคครั้งแรก เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ที่มีการใช้ไฟฟ้าอยู่ที่ 27,639.3 เมกะวัตต์ สาเหตุสำคัญมาจากสภาพอากาศที่ร้อนอบอ้าว โดยมีอุณหภูมิสูงถึง 36.6 องศาเซลเซียส และเป็นช่วงวันทำงานปกติหลังจากการหยุดเทศกาลสงกรานต์ จึงมีการใช้ไฟฟ้าทั้งภาคอุตสาหกรรม บริการ และบ้านอยู่อาศัยเพิ่มขึ้น ทั้งนี้คาดว่าในเดือน พ.ค. สถิติพีคจะเกิดขึ้นอีกครั้ง นอกจากนั้น วันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา ณ เวลา 21.00 น. พีคของภาคใต้ 14 จังหวัด ตั้งแต่จังหวัดชุมพรลงมาอยู่ที่ 2,630 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 5% หรือ 125 เมกะวัตต์ เนื่องจากมีการใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น และการใช้ไฟฟ้าใน 14 จังหวัดภาคใต้ได้ส่งสัญญาณเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

นายทวารัฐ สูตะบุตร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กล่าวว่า หาก ประชาชนไม่ช่วยกันลดใช้ไฟฟ้าลง คาดว่าด้วยอุณหภูมิที่ยังอยู่ในระดับสูงช่วงหน้าร้อนนี้ ก็มีโอกาสที่จะเกิดพีคสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คือประมาณ 28,500-29,000 เมกะวัตต์ ตั้งแต่ 26 เม.ย.เป็นต้นไป และการเกิดพีคเมื่อวันที่ 19 เม.ย. ที่ผ่านมา ถือว่าสูงกว่าและเร็วกว่าที่ประเมินเอาไว้ว่า พีคไฟฟ้าน่าจะเกิดในวันที่ 21 เม.ย.ที่ความ ต้องการไฟฟ้าอยู่ที่ 27,600 เมกะวัตต์

ทั้งนี้ การเกิดพีคไฟฟ้า จะไม่เป็นผลดีต่อต้นทุนค่าไฟฟ้าที่จัดเก็บกับประชาชน เพราะในการสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้า กฟผ.จะสั่งเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนต่ำที่สุดก่อน ส่วนโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนสูงจะเก็บเป็นกำลังการผลิตสำรอง และจะสั่งเดินเครื่องเมื่อเกิดกรณีพีคไฟฟ้า เพื่อให้มีกำลังการผลิตพอกับความต้องการใช้ จึงทำให้ต้นทุนค่าไฟฟ้าเพิ่ม

นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจความเห็นประชาชนเรื่องค่าครองชีพไทยแพงจริงหรือ จากผลกระทบของประชาชนในช่วงภัยแล้ง ว่า ประชาชนส่วนใหญ่ระบุว่ามีสินค้า 9 ประเภทที่ราคาสูงขึ้นจนกระทบต่อค่าครองชีพ ประกอบด้วย เนื้อหมูและไก่, ปลา, อาหารทะเล, ผลไม้, อาหารจานเดียว/อาหารตามสั่ง, ข้าวราดแกง, ก๋วยเตี๋ยว, ปัจจัยทางการเกษตร (ปุ๋ย, อาหารสัตว์, ยา/เคมีกำจัดศัตรูพืช) และค่าเทอม/ค่ากวดวิชา
ทั้งนี้ จากการที่สินค้าเหล่านี้มีราคาสูงขึ้น ได้ส่งผลกระทบต่อกลุ่มอาชีพเกษตรกร, พนักงานบริษัท และลูกจ้างทั่วไปมากที่สุด ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีรายได้น้อย และส่วนใหญ่กลุ่มคนเหล่านี้มีรายได้ลดลงหรือเพิ่มขึ้นไม่มากนัก สวนทางกับรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ประชาชนส่วนใหญ่เสนอให้รัฐบาลเร่งควบคุม ดูแลราคาสินค้าและให้นายจ้างปรับขึ้นเงินเดือนและค่าจ้างอีก 5 -7% โดยเฉพาะค่าจ้างขั้นต่ำจากวันละ 300 บาทเป็น 310 บาท.

Leave a comment