ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
http://www.thairath.co.th/content/609731
โดย ไทยรัฐออนไลน์ 23 เม.ย. 2559 01:26

SPCG เรียกประชุมผู้ถือหุ้น โชว์ผลประกอบการปี 58 กำไรกระฉูด กว่า 2.5 พันล้าน เผยความสำเร็จในการขายหุ้นกู้ 1.25 หมื่นล้าน ปลดล็อกหนี้เงินกู้หมดทั้ง 36 โครงการ พร้อมแจกปันผลผู้ถือหุ้น 1.25 บาท/หุ้น ลั่นปี 59 บุกญี่ปุ่นเต็มตัว หลังได้พันธมิตรลุยโซลาร์ฟาร์มโครงการแรก 30 เมกะวัตต์ มั่นใจปี 60 เริ่มจ่ายไฟได้
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ดร.วันดี กุญชรยาคง จุลเจริญ ประธานกรรมการและกรรมการใหญ่ บริษัท เอสพีซีจี จำกัด (มหาชน) พร้อมคณะผู้บริหาร จัดงานประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2559 ที่โรงแรมแอมบาสซาเดอร์ จากนั้นได้แถลงถึงผลการดำเนินงานประจำปี 2558 ว่า บริษัทฯ มีรายได้ประมาณ 5,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 15% ที่มีรายได้รวม 4,357 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 2,465 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนราว 30% ที่มีกำไรสุทธิ 1,890 ล้านบาท ทั้งนี้ในปี 2558 บริษัทฯ ได้ประสบความสำเร็จในการออกและเสนอขายหุ้นกู้ให้แก่สถาบันการเงินและผู้ลงทุนรายใหญ่ จำนวนเงินทั้งสิ้น 12,500 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทสามารถปลดล็อกเงื่อนไขทางการเงินต่างๆ ที่มีกับสถาบันการเงิน เพื่อให้บริษัทย่อยนำเงินดังกล่าวไปชำระคืนหนี้เงินกู้กับสถาบันการเงินลดภาระค่าใช้จ่ายต่างๆ รวมถึงปลดภาระจำนองที่ดิน และเครื่องจักรทั้งหมดของโครงการโซลาร์ฟาร์มทั้ง 36 โครงการ อย่างไรก็ตาม ในการประชุมครั้งนี้ บริษัทฯ ได้แจ้งให้ผู้ถือหุ้นทราบถึงนโยบายจ่ายเงินปันผลจากผลการดำเนินงานประจำปี 2558 ในอัตราหุ้นละ 1.25 บาท และได้มีการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลดำเนินงานสำหรับรอบระยะเวลาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2558 ไปแล้วในอัตราหุ้นละ 0.44 บาท คงเหลือเงินปันผลที่จะจ่ายในงวดนี้ในอัตราหุ้นละ 0.81 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 748,431,900 บาท ทั้งนี้ บริษัทฯ กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลในวันจันทร์ที่ 14 มีนาคม 2559 และจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ในวันจันทร์ที่ 16 พ.ค.59
ดร.วันดี แถลงถึงแผนลงทุนในปี 2559 ว่าบริษัทฯ มีแผนทำธุรกิจผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศญี่ปุ่น เพราะเห็นโอกาสการเติบโตทางธุรกิจอย่างชัดเจน ทั้งจากการสนับสนุนของรัฐบาลญี่ปุ่นและการส่งเสริมการลงทุนทางด้านนี้ของสถาบันการเงินต่างๆ ประกอบกับ SPCG มีความพร้อมสำหรับการลงทุนในตลาดนี้ ทั้งด้านพันธมิตร ทีมงาน และบุคลากรต่างๆ จึงสามารถขับเคลื่อนธุรกิจได้ทันที โดยระยะแรกจะสร้างโซลาร์ฟาร์มขนาด 30 เมกะวัตต์ ขณะนี้ได้เริ่มพัฒนาโครงการในพื้นที่ใกล้กับอุทยานแห่งชาติภูเขาไฟไดเซน โครงการเมกะโซลาร์ 30 เมกะวัตต์แห่งนี้ จะใช้เวลาพัฒนาโครงการประมาณ 1 ปี ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และเริ่มจำหน่ายไฟฟ้าได้ราวต้นปี 2560
นอกจากนี้ ภายในงานได้มีการออกบูธแสดงสินค้าของบริษัทในเครือ บมจ.เอสพีซีจี ได้แก่ บริษัท โซลาร์ เพาเวอร์ รูฟ จำกัด ภายใต้แบรนด์ SPR Solar Roof ผู้นำการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ติดตั้งบนหลังคา ภายใต้ผลิตภัณฑ์ SPR ซึ่งมีให้เลือก 4 ขนาด ตามปริมาณการใช้ไฟฟ้าของบ้านลูกค้าแต่ละราย รวมถึงการจัดแสดงนวัตกรรมแผงเซลล์แสงอาทิตย์ ภายใต้แบรนด์ Kyocera โดยผู้เชี่ยวชาญของ Kyocera จากประเทศญี่ปุ่น และการจัดบูธของบริษัท สตีล แอนด์ โซลาร์ รูฟ จำกัด ประกอบธุรกิจผลิต จำหน่าย และให้บริการติดตั้ง หลังคาเหล็กรีดลอน ในราคาประหยัด สามารถนำไปติดตั้งได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก.

