คนโพธาราม ราชบุรี…รับมือภัยแล้ง ปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 มีรายได้ดี

ศาสตร์เกษตรดินปุ๋ย : ขอบคุณแหล่งข้อมูล : หนังสือเทคโนโลยีชาวบ้าน

http://info.matichon.co.th/techno/techno.php?srctag=05106011158&srcday=2015-11-01&search=no

วันที่ 01 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 ปีที่ 28 ฉบับที่ 610

ตลาดสินค้าเกษตรก้าวหน้า

ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา

คนโพธาราม ราชบุรี…รับมือภัยแล้ง ปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 มีรายได้ดี

หากติดตามสถานการณ์ปริมาณน้ำในภาคเกษตรกรรมทั้งประเทศขณะนี้ พบว่า มีน้อยมาก และคาดว่า ใน ปี 2559 เกษตรกรในหลายพื้นที่ต้องเผชิญกับปัญหาภัยแล้งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ขณะเดียวกันหลายภาคส่วนกำลังเร่งระดมสรรพกำลังในทุกด้าน เพื่อให้ความช่วยเหลือชาวบ้านทุกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่เกษตรกรรมที่ต้องใช้น้ำเป็นหลัก แต่การรอความช่วยเหลืออาจไม่ทันกาล กว่าที่ทุกคนควรหาทางช่วยเหลือตัวเองไปพร้อมกันด้วย

แต่สำหรับ คุณสมนึก นิ่มสุวรรณ อายุ 53 ปี อยู่บ้านเลขที่ 66 หมู่ที่ 9 ตำบลท่าชุมพล อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ได้เตรียมตัวรับภัยแล้งในปีหน้าไว้เรียบร้อยด้วยการหันมาปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 สร้างรายได้ดีมาก แถมยังเตรียมปลูกพืชไม้ผลที่ใช้น้ำน้อยเสริมรายได้อีกทางหนึ่ง

แล้วอะไรคือเหตุผลที่ทำให้เขาเลือกปลูกหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1??

หลายปีก่อนคุณสมนึกเคยเดินทางไปทำงานต่างประเทศ ซึ่งระหว่างที่ทำงานสังเกตว่าประเทศดังกล่าวทำนาไม่ได้ แต่ชาวบ้านเลือกเลี้ยงวัวนมเป็นอาชีพหลัก และอาหารที่ดีของวัวคือ หญ้า ดังนั้น จึงมีความคิดว่าในฐานะที่เป็นคนราชบุรี ซึ่งในจังหวัดมีการเลี้ยงวัวกันมาก และถ้ากลับมาอยู่เมืองไทยจะปลูกหญ้าขายส่งให้ฟาร์มวัว หรือไม่ก็ปลูกหญ้าเอง เพื่อใช้เลี้ยงวัวส่งขาย ส่วนพันธุ์หญ้าที่เขาเลือกได้อย่างเหมาะสมคือ พันธุ์เนเปียร์ หรือปากช่อง 1

ภายหลังกลับจากเมืองนอกมาแล้ว คิดปลูกหญ้าขาย แต่ภรรยาบอกกับคุณสมนึกเป็นคนแรกว่า “บ้าไปแล้วหรือ??” ครั้นพอจะลงมือทำก็ไม่มีทุน เลยนำเงินที่เก็บไว้ส่วนตัวไปซื้อพันธุ์หญ้า จำนวน 200 บาท แล้วค่อยๆ ปลูกลงแปลงขนาดเล็กก่อน พอต้นโตขึ้นก็ขยายต้นพันธุ์เพิ่มอีก ขยายไปเรื่อยจนครบ 10 ไร่ ใช้เวลา 7 ปี จึงเริ่มเปิดตัว

คุณสมนึก บอกว่า เขาพยายามส่งเสริมให้ชาวบ้านปลูก เพื่อใช้เลี้ยงวัวตัวเอง เป็นการช่วยลดต้นทุน หรือปลูกหารายได้ เพราะในอนาคตมองว่าอาจเดือดร้อนเรื่องการปลูกข้าวและพืชอย่างอื่น

ข้อดีของหญ้าพันธุ์เนเปียร์คือ มี โปรตีนสูง 12-14 จึงเหมาะกับวัวพื้นบ้านและวัวขุน เพราะเพียงมีหญ้าชนิดนี้กับอาหารเสริมอีกเล็กน้อย ก็จะได้วัวที่มีคุณภาพแล้ว อีกทั้งขั้นตอนกระบวนการปลูกก็ไม่ยุ่งยาก

วิธีปลูก จะเริ่มจากการเตรียมแปลงก่อน ควรนำปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก มาใส่ แต่ถ้ารายใดไม่พร้อมอาจปลูกไปก่อน ยังไม่ต้องใส่ปุ๋ย เพราะคุณภาพดินที่ราชบุรีดีอยู่แล้ว ควรปลูกไปสัก 2 รอบ หรือตัด 2 ครั้ง แล้วนำรายได้ไปซื้อปุ๋ยคอกมาใส่ทีหลัง ทั้งนี้เนื่องจากปุ๋ยคอกจะช่วยทำให้ดินมีคุณภาพดีมาก และไม่แนะนำให้ใช้สารเคมี หากไม่จำเป็นจริงๆ

จากนั้นมีการชักร่องเหมือนกับการเตรียมแปลงปลูกข้าวโพด แล้วสับหญ้าเป็นท่อน ขนาดท่อนละ 2 ข้อ จึงนำไปเสียบหรือปักไว้ในแปลง

การลงทุนซื้อปุ๋ยคอก โดยเฉพาะขี้วัวจะช่วยให้ดินมีคุณภาพมากยิ่งขึ้น เพียงคุณใส่ 1 ครั้ง ใช้กับผลผลิตไปได้นานนับปี เพราะตัดปีละ 5 ครั้ง ทั้งนี้ที่ผ่านมาไม่เคยพึ่งพาสารเคมีเลย อีกทั้งยังไม่เคยพบการเกิดโรคและแมลงด้วย

ตอนนี้ คุณสมนึก ปลูกหญ้าอยู่จำนวนพื้นที่กว่า 30 ไร่ อีกทั้งยังมีพื้นที่ของลูกไร่อีกประมาณ 20 ไร่ และหากรวมพื้นที่ของสมาชิกที่ออกไปแนะนำให้ทั่วทั้งจังหวัดแล้วมีพื้นที่นับเป็นพันไร่

คุณสมนึก ชี้ว่าระหว่างการเจริญเติบโตไม่จำเป็นต้องดูแลมาก แต่ถ้าในบางคราวเกิดปัญหา ดูว่าต้นโทรมอาจช่วยด้วยการใช้ปุ๋ย สูตร 4-16-00 หว่านในแปลง ประมาณ 20-50 กิโลกรัม ต่อไร่ สำหรับการให้น้ำ ถ้าไม่ใช่หน้าแล้งให้ทุก 15-20 วัน

ความสูงเฉลี่ยของหญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 นั้น ถ้าเป็นหน้าฝน วัดจากโคนถึงยอดใบ ประมาณ 3-4 เมตร แต่ถ้าหน้าหนาว 2.5-3 เมตร เพราะถ้าอากาศเย็นหญ้าจะโตช้า ส่วนหน้าร้อนที่ต้องประสบปัญหาเรื่องน้ำ จะสูงราว 2 เมตร เท่านั้น

การตัดหญ้าขายมีดแรก จะใช้เวลาหลังจากปลูก ประมาณ 3 เดือน ถึง 3 เดือนครึ่ง แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับคนปลูกว่าจะนำหญ้าไปใช้ทำอะไร เพราะถ้าต้องการตัดทั้งต้นไปให้วัวกิน ก็ใช้เวลาเพียง 45 วัน แต่บางคนอาจต้องการให้หญ้ามีน้ำหนักมากเพื่อให้ได้ราคาดี ก็อาจปล่อยให้หญ้ายาวสูงขึ้น ซึ่งจะใช้เวลา ประมาณ 60-70 วัน อย่าให้เกิน แล้วนำไปเข้าเครื่องสับย่อยเพื่อนำไปใช้เป็นอาหารสัตว์

คุณสมนึก อธิบายว่า วิธีตัดหญ้าจะต้องตัดที่โคนต้นให้เสมอดิน ซึ่งคนปลูกบางรายเข้าใจผิด ชอบตัดสูงจากพื้นสักคืบ อันนี้จะทำให้เสียใช้ไม่ได้ เพราะมีดต่อไปจะตัดเป็นสองคืบ ซึ่งจะเป็นข้อแล้วจะไม่แตกหน่อโคน แต่กลับไปแตกตามข้อแทน

“ฉะนั้น จึงต้องตัดให้เสมอดิน ถ้าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้ได้ผลผลิตยาวนานถึง 5 ปี แต่ถ้ารายใดมีทุนแล้วใช้เครื่องเจียตอก็จะให้ผลผลิตได้นานถึง 10 ปี”

คุณสมนึก บอกว่า การปลูกหญ้าดีกว่าการปลูกข้าวถึง 10 เท่า เพราะไถปลูกครั้งเดียวตอนเริ่มต้น อาจมีการลงทุนพอกับการทำนา 1 ครั้ง แต่สามารถอยู่ได้นานหลายปี เก็บผลผลิตได้หลายครั้ง

เจ้าของสวนกล่าวเพิ่มเติมว่า ปริมาณผลผลิตถ้ารวมเป็นปี ใน 1 ไร่ จะได้ไม่ต่ำกว่า 50 ตัน ซึ่งเคยทำได้สูงสุดถึง 80 ตัน ต่อไร่ ต่อปี ส่วนราคาขาย ตันละ 1,400 บาท หักค่าใช้จ่าย ตันละ 600 บาท ก็จะเหลือกำไร ตันละ 800 บาท ถ้าปลูกได้ 50 ตัน จะได้กำไรสุทธิ ประมาณ 40,000 กว่าบาท ต่อปี แล้วแทบจะไม่ต้องดูแลอะไรเลย เพียงแค่บริหารจัดการเท่านั้น เพราะฉะนั้นถึงบอกว่าดีกว่าทำนาถึง 10 เท่า

ลักษณะการขายมี 2 แบบ คือ มารับเอง หรือไปส่งให้ ทั้งนี้การส่งให้ภายในระยะทาง 3 กิโลเมตร ไม่มีค่าส่ง ซึ่งการสั่งในแต่ละครั้งจะต้องไม่ต่ำกว่าคันรถปิกอัพ มีลูกค้าหลักในจังหวัดราชบุรี อีกทั้งยังมีบางรายอยู่นอกพื้นที่ ทั้งที่สุรินทร์ อุบลราชธานี

สำหรับการลงทุนปลูกหญ้า ถ้าเป็นมือใหม่จะใช้เงินไม่เกิน 5,000 บาท ต่อไร่ ทั้งนี้ ราคาอาจบวกลบได้ ขึ้นอยู่กับตัวแปรอย่างค่าแรงและเครื่องจักร ขณะนี้มีการปลูกกันอย่างแพร่หลาย

คุณสมนึก กล่าวอีกว่า ปัญหาที่พบจากการปลูกหญ้าเนเปียร์คือ เรื่องลมพายุ เพราะถ้าพัดมาแรง ต้นหญ้าจะหักล้มโค่น ทำให้ผลผลิตเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องน้ำหนัก เพราะถ้าหักล้มแล้วจะทำให้น้ำหนักหายไปเป็นครึ่งจากต้นหญ้าที่ตั้งตรง และบอกต่อว่าถ้าเจอ ควรหาทางป้องกัน คือถ้าพายุมาบริเวณใดที่ปลูก ให้เร่งตัดหญ้าทันทีที่ล้ม อย่าปล่อยไว้นานเกิน 3 วัน เพราะอาจทำให้น้ำหนักลด เสียราคา

นอกจากปลูกขายแล้ว ยังมีการทำต้นพันธุ์หญ้าเพื่อขายด้วย โดยจะต้องมีการคัดคุณภาพ เลือกต้นที่ไม่แก่จัด ลักษณะต้นพันธุ์ที่ดีมีคุณภาพจะต้องอวบใหญ่มีน้ำหนักพอเหมาะ อย่าให้เบา ควรมีขนาดลำต้นสักนิ้วโป้ง หรือขนาดเท่ากับลำอ้อย

อย่างไรก็ตาม เพื่อเป็นการช่วยเหลือด้านค่าใช้จ่าย คุณสมนึก มักแนะนำให้ลูกค้าบางรายซื้อต้นพันธุ์ไปปลูกแทน เพื่อจะได้มีอาหารให้กับวัวได้ทันที ไม่ต้องรอ อีกทั้งยังจะได้ให้ชาวบ้านลดพื้นที่ทำนาลง แล้วหันมาปลูกหญ้าสร้างรายได้แทน

แต่อย่างไรก็ตาม ขนาดอาจไม่ได้รับประกันเรื่องคุณภาพ เพราะจะต้องไปดูว่าต้นมีความสมบูรณ์และความหนาแน่นในการปลูก เพราะเป็นการเน้นน้ำหนักมากกว่า ราคาขายต้นพันธุ์หญ้า ท่อนละ 50 สตางค์ (ที่อื่นขาย 2 บาท) คือ 1 ท่อน มี 2 ข้อ ประมาณคืบกว่า สามารถนำไปปลูกได้ทันที

ทางด้านลูกค้าของคุณสมนึกมักซื้อเพื่อนำไปเลี้ยงวัว เลี้ยงควาย เลี้ยงม้า เลี้ยงแพะ (อันนี้ต้องสับให้เล็ก) และล่าสุดมีตลาดเลี้ยงปลานิลและปลาดุกสนใจเข้ามาสั่งซื้อด้วย

นอกจากการปลูกหญ้า ซึ่งเป็นพืชที่คุณสมนึกมองดูแล้วว่า สามารถแก้ปัญหาเรื่องขาดแคลนน้ำได้ ยังมีพืชอีกชนิดที่คุณสมนึกมองด้วยแนวคิดเดียวกันคือ มะขามยักษ์ เพราะเป็นไม้ที่ทนทาน ซึ่งได้ปลูกไว้ 100 ต้น จำนวน 16 ต้น ต่อไร่ เพราะต้นมีขนาดใหญ่ แล้ววางแผนจะทำเป็นมะขามแช่อิ่ม เพราะมีแนวโน้มว่า มีตลาดรองรับแน่นอน

“ปลูกมา 3 ปี ยังไม่ได้ผลผลิต แล้วคาดว่าจะมีผลผลิตเต็มที่เมื่ออายุ 7 ปี แต่ในช่วงระหว่างรอ ถ้ามีฝักขนาดเล็กจะเก็บไปขายเป็นมะขามอ่อน ขายกันกิโลกรัมละ 40 บาท นอกจากนั้น ยังปลูกมะนาว มะพร้าวน้ำหอม อีกทั้งพืชผักหลายชนิดด้วย” คุณสมนึก กล่าว

สนใจสั่งซื้อ หญ้าเนเปียร์ปากช่อง 1 หรือต้นพันธุ์ ได้ที่ คุณสมนึก นิ่มสุวรรณ หรือต้องการทราบรายละเอียดเพิ่มเติม โทรศัพท์ (083) 312-3011

Leave a comment